เช้าวันที่สอง มะลิตื่นแต่ 6 โมงเช้าเพื่อมาดูพระอาทิตย์ขึ้น หันซ้าย หันขวา ก็ไม่เจอ แต่แสงรำไรเริ่มมีแล้ว อีกอย่างเห็นสายหมอกรำไร อยู่ไกลๆ รีบอาบน้ำ แต่งตัว ออกมากินอาหารเช้ากัน ยังคุยกันอยู่เลยว่าหมอกน้อยเนอะ ไม่ทันไรหมอกเต็มลานกินข้าวทีเดียว เลยเข้าใจแล้วว่า หมอกมาสาย มาให้ทันเห็นกันทั่วต่างหากล่ะ
สมคำ ทะเลหมอก เพราะหมอกเต็มไปหมดสีขาวขุ่นนิดนิด ต่างจากหมอกหน้าหนาวที่จะสีขาวนวล แต่ทะเลหมอกหน้าฝนนี้ดูจะชุ่มฉ่ำ เหมือนมีละอองน้ำไหลผ่านตัว ให้ความรู้สึกสดชื่น บวกกับที่เมื่อคืนฝนตกทำให้เห็น พื้นดินยังคงชุ่มฉ่ำ ต้นไม้ใบหญ้าบังคงพร่างพราวไปด้วยหยดหยาดน้ำที่เกาะตามใบและลำต้น ส่วนที่ผืนดินก็จะอบอวลไปด้วยกลิ่นไอดินเป็นเสน่ห์แบบ ปลายฝนต้นหนาว ให้จดจำไม่รู้ลืม
ภูทับเบิกเป็นแหล่งท่องเที่ยวแหล่งใหม่ที่เพิ่งมีคนรู้จักในช่วง 4-5 ปีหลังนี้เอง เป็นเส้นทางเดียวกับภูหินร่องกล้า แต่แยกออกไปอีก 40 กม. ระหว่างทางสวนกับรถกระบะที่บรรทุกกะหล่ำมาเต็มคันรถทีเดียว ปัจจุบันภูทับเบิกเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ซึ่งได้อพยพมาอาศัยอยู่ที่บ้านทับเบิก |