Halong Bay : Photo by Isyss Halong Bay : Photo by Isyss Halong Bay : Photo by Isyss Halong Bay : Photo by Isyss
Halong Bay : Photo by Isyss Halong Bay : Photo by Isyss Halong Bay : Photo by Isyss Halong Bay : Photo by Isyss
Halong Bay : Photo by Isyss Halong Bay : Photo by Isyss Halong Bay : Photo by Isyss Halong Bay : Photo by Isyss
Halong Bay : Photo by Isyss Halong Bay : Photo by Isyss Halong Bay : Photo by Isyss Halong Bay : Photo by Isyss
 
 

 

ลมหนาวในฮานอย ตอนที่ 1

     เพราะการตัดสินใจแบบกระทันหัน ทำให้ผมและครอบครัวได้มาถึงสนามบินนานาชาตินอยไบของกรุงฮานอย ประเทศเวียดนามในช่วงดึกของต้นเดือนธันวาคมเมื่อปีที่แล้ว ช่วงนั้น เป็นช่วงที่ฮานอยกำลังย่างเข้าหน้าหนาว อุณหภูมิอยู่ที่ราวๆ 17-20 องศาตลอดทั้งวัน จึงไม่น่าแปลกใจนักที่ไกด์ส่วนตัวของครอบครัวเราจะใส่ชุดสูทแบบเต็มยศ พร้อมเนคไทที่เข้าชุดกัน

      “ไทจี” หรือคุณจี เป็นชื่อเรียกของเขา ที่มาพร้อมกับกลิ่นบุหรี่อันสืบเนื่องมาจากการอัดบุหรี่แบบมวนต่อมวน แทบจะตลอดเวลา (ยกเว้นช่วงที่อยู่บนรถ) ชายสูงวัย รูปร่างสันทัด อายุราว 50 ปี ผิวคล้ำที่พูดไทยได้ชัดเจนชนิดที่พวกลูกครึ่งต้องอายกันเป็นแถว เขาเป็นผู้ที่พาผมและครอบครัวไปท่องเที่ยวรอบฮานอย ตลอดระยะเวลา 5 วัน

     “ทุนนิยม”

      คำนี้ฟังไม่คุ้นหูผมเท่าไรนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลุดจากปากของมัคคุเทศก์ชาวเวียดนาม โดยไกด์ของผม ได้พยายามเน้นย้ำให้ผมเห็นถึงความแตกต่างระหว่างการปกครองของประเทศไทยและประเทศเวียดนามอย่างชัดเจน ด้วยคำว่า “ทุนนิยม” (หรือที่เรามักเรียกว่าประชาธิปไตย) ซึ่งไกด์ของผม ได้พยายามบรรยายให้เห็นว่า “ทุนนิยม” นั้น เป็นการปกครองที่ปล่อยให้เงินทุนเป็นใหญ่ คนมีเงินและคนจนจะมีฐานะที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก ในขณะที่ “สังคมนิยม” นั้น เป็นการปกครองชนิดที่เน้นให้สังคมเป็นใหญ่ ดังนั้นรัฐบาลจะต้องเน้นการปกครองเพื่อเฉลี่ยความร่ำรวยให้ใกล้เคียงกัน

      อย่างไรก็ดี คืนนั้น ผมได้เข้าพักที่โรงแรมระดับสามดาวที่ค่อนข้างเก่า ถ้าจะเทียบแล้วก็คงพอๆ กับโรงแรมเล็กๆ ในย่านเยาวราชของเรา โดยขณะที่พวกเรากำลังจะขึ้นลิฟท์ เราก็ได้เห็นพนักงานยกกระเป๋าเข้ามาไล่แม่สาวตาคมที่แต่งตัวทันสมัยให้ไปใช้ลิฟท์ขนของแทน นัยว่า “เธอ” คงไม่ใช่แขก แต่น่าจะเป็น “คนในเงามืด” ที่เป็นบริการเสริมให้กับแขกชายโสดที่เดินทางคนเดียว... เอาล่ะ ผมพอเห็นภาพของสังคมนิยมขึ้นมาอีกนิดแล้วล่ะครับ

 

 
 
 
 

      (ป.ล. สำหรับท่านที่ต้องการเดินทางไปเวียดนามเพื่อขอรับบริการเสริม ผมขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงเพราะในช่วงหลังๆ นี้ เวียดนามมีอัตราการติดเชื้อ HIV ที่สูงขึ้นมาก)

เช้าวันต่อมา ผมและครอบครัวได้ลงมาทานอาหารเช้า และได้พบกับคุณจีที่มานั่งรออยู่ที่ร้านอาหารของโรงแรม วันนี้พวกเราลงมาสายไปจากกำหนดของกรุ๊ปทัวร์ที่ดีเล็กน้อย แต่เพราะกรุ๊ปทัวร์ของเราเป็นแบบ Private และมีกันแค่สี่คน เรื่องนี้เลยไม่เป็นปัญหาสักเท่าไร โดยวันนี้ พวกเรามีกำหนดที่จะเดินทางไปเยี่ยมชมและแวะค้างคืนที่อ่าวฮาลอง หรือ Halong Bay ที่ลือชื่อไปทั่วโลก

 

 

 
 
 

 

     “Morning in Hanoi”

      ก่อนออกเดินทาง ผมและภรรยาได้แวะไปอุ่นเครื่องกับภาพของชาวฮานอยขณะทานเฝอในร้านข้างโรงแรมในยามเช้า ซึ่งผมสังเกตเห็นว่า โต๊ะและเก้าอี้ในร้านอาหารทั่วๆ ไปจะมีขนาดเล็กและเตี้ยกว่าปกติเกือบทุกร้าน ยกเว้นเฉพาะร้านอาหารที่ให้บริการแก่นักท่องเที่ยว จึงจะมีขนาดของโต๊ะและเก้าอี้ตามมาตรฐานงานออกแบบ

 

 
 
 
 
 
 

 

     ระหว่างทาง พวกเราได้พบเห็นทิวทัศน์ชนบทของเวียดนามที่งดงามสองฟากฝั่งถนน และพวกเรายังได้ขอให้คุณจีบอกคนขับรถให้แวะพักถ่ายรูปอีกหลายจุด จนคุณจีตัดสินใจพาเราเข้าไปแวะที่วัดที่มีชื่อเสียงวัดหนึ่งที่อยู่ระหว่างทาง (แต่นอกโปรแกรม) นั่นคือ “วัดโกนเซิน” (Chua Kon San) ซึ่งที่นี่เองที่ผมได้ภาพที่ประทับใจที่สุดของทริปนี้โดยบังเอิญ

      “Lovely Child at Chua Kon San”
ภาพนี้ได้มาในขณะที่พวกเรากำลังเบิกบานอยู่ในบรรยากาศที่สวยงามของวัดโกนเซิน และผมเหลือบไปเห็นเด็กน้อยคนนี้ขณะกำลังปีนข้ามขอบประตูเพื่อเข้าไปภายในวิหาร ผมจึงขยับจะเข้าไปถ่ายภาพ แต่เพราะความงุ่มง่ามของผมเอง ทำให้ผมพลาดจังหวะนั้นอย่างน่าเสียดาย แต่ด้วยวิสัยของนักถ่ายภาพที่ดี ผมจึงปรับตั้งค่าต่างๆ ของกล้องเพื่อเตรียมถ่ายภาพประตูหน้าวิหารแบบโล่งๆ...

     ทันใดนั้น หนูน้อยแสนน่ารักคนนี้ ก็โผล่กลับออกมาอยู่ในโฟกัสแบบได้จังหวะพอดิบพอดี!!!
คงไม่ต้องให้บรรยายว่าผมรักภาพนี้มากแค่ไหน ทั้งมุมกล้อง แสงเงา และความรู้สึกของเด็กน้อย คงบอกอะไรได้เกือบหมดแล้วครับ

 
 
   
 
 

 

     “In the Chua Kon San”
     วัดโกนเซินนี้ จัดว่าเป็นวัดใหญ่ที่มีชื่อเสียงมากของเวียดนาม และในวันที่ผมไปนั้น มีเด็กๆ ในชุดนักเรียนมาทัศนศึกษากันเต็มไปหมดเลยทีเดียว บางส่วนก็เข้าไปภายในวัด บางส่วนก็วิ่งเล่นเตะฟุตบอลกันอยู่ที่ลานหน้าวัด ดูแล้ว ชีวิตนักเรียนในเวียดนามน่าจะสุขสบายไม่น้อยทีเดียว

 

 
 
   
 
 

 

     “แม่ค้า”
     ภาพนี้ ผมอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึกแทนคำว่า “มิตรภาพ” เนื่องจากขณะที่ผมกำลังเดินสำรวจความงามของวัดอยู่นั้น ผมก็ได้เห็นแม่ค้าสูงอายุสองท่านนี้ กำลังมองผมด้วยไมตรีจิต และเจ้าลูกชายตัวดีของผมก็ไม่รีรอที่จะเข้าไปอุดหนุน ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรด้วยซ้ำไป

           พวกเราสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง เพราะฝ่ายหนึ่งก็พูดได้แต่ภาษาเวียดนาม ในขณะที่อีกฝ่ายก็พูดเวียดนามไม่ได้ แต่ผลที่สุดแล้ว ผมได้ภาพแม่ค้าที่น่ารักกลับมา ในขณะที่ลูกชายได้กล่องไม้ขีดกับหมากฝรั่ง ส่วนแม่ค้าก็ได้เงินค่าสินค้าไปประมาณ 6,000 ด่อง (ราวๆ 15 บาท)

     หลังจากสนุกกับการถ่ายภาพในวัดกันพอสมควรแล้ว คุณจีก็มาขอให้พวกเรารีบออกเดินทางต่อ เพราะต้องไปให้ทันขึ้นเรือล่องอ่าวฮาลองราวๆ เที่ยง แต่หลังจากคำนวณเวลาแล้ว คุณจีก็ต้องโทรศัพท์ไปบอกทางเรือให้เลื่อนเวลาออกไปอีกสองชั่วโมง!!! คงไม่ต้องบอกนะครับว่าเราสนุกกันแค่ไหน

 

 
 
 

 

     อ่าวฮาลอง เป็นอ่าวที่มีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นอ่าวที่มีเกาะแก่งหินปูนรูปร่างประหลาดต่างๆ มากมาย แต่อาจจะเนื่องจากผมไม่ค่อยถูกโฉลกกับน้ำก็ได้ เลยทำให้ภาพทุกภาพที่ถ่ายตอนอยู่บนเรือ ค่อนข้างขี้เหร่เอามากๆ มีทั้งภาพเบลอโฟกัสไม่ชัด องค์ประกอบแย่ หรือแม้กระทั่งวัดแสงผิดก็มี เอาเป็นว่าภาพถ่ายตอนอยู่บนเรือในอ่าวฮาลองของผมอยู่ในหมวดเก็บไว้ดูว่าเคยไปมาเหมือนกัน

      ชีวิตคนเรือในอ่าวฮาลอง ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรือพาเที่ยวอย่างเดียว ผมก็ยังสังเกตุเห็นเรือที่จับปลาและสัตว์น้ำอื่นๆ บ้างเหมือนกัน เพียงแต่เป็นส่วนน้อย พอจับได้ก็นำมาขายให้กับโป๊ะที่ลอยอยู่แถวๆ เกาะแก่งต่างๆ เพื่อรอให้นักท่องเที่ยวมาซื้อเพื่อนำไปประกอบอาหารบนเรือทานกันเป็นพิเศษ ที่ใช้คำว่า “พิเศษ” เป็นเพราะเวลาขึ้นเรือ พวกเราก็จะได้รับการบริการอาหาร “มื้อใหญ่” อยู่แล้ว ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา แถมผักสดๆ อร่อยๆ อีกต่างหาก และเรือก็จะไปจอดที่โป๊ะเมื่อเราทานไปได้สักครึ่งมื้อแล้ว เพื่อให้เราลงไปเลือกซื้อสัตว์น้ำหน้าตาแปลกๆ มาทำเป็นอาหาร นัยว่าเพื่อเพิ่มความประทับใจที่น่าจดจำอีกมื้อหนึ่ง

 

 
 
   
 
 

 

      สำหรับพวกเรา ก็ได้ลงไปดูปลาฉลาม, ปลาหมึกยักษ์ตัวเป็นๆ, หอยตลับยักษ์ หรือปูหน้าตาประหลาด ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงขนาด Big Size หรือ Giant Size ทั้งสิ้น และสุดท้าย พวกเราก็ได้เลือกเอาหอยตลับยักษ์ กับปูทะเลมาทำอาหารทานกัน ซึ่งต้องขอสารภาพว่า ตอนเลือกนั้นไม่ได้คิดอะไร แต่ตอนที่ทานนั้นรู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน เพราะลำพังอาหารที่ยกมาก็ทานกันไม่หมดแล้ว ยังไปทำบาปเพิ่มเติมซะอีก ตอนที่สำนึกได้ว่า น่าจะเอาไปปล่อย พ่อครัวก็ยกมาเสริฟที่โต๊ะซะแล้ว... เร็วจริงๆ

      หลังจากที่ได้ทานอาหารแล้ว คุณจีก็ได้พาพวกเราขึ้นไปบนเกาะๆ หนึ่ง ซึ่งมีถ้ำมหัศจรรย์ เป็นจำพวกหินงอก หินย้อย ที่สามารถจินตนาการได้ว่าเป็นตัวโน้นตัวนี้ และใช้ไฟส่องเอา แต่ดูเหมือนคณะของเราจะชินกับของพวกนี้แล้ว เลยไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่าไร ทำเอาคุณจีผิดหวังเป็นอันมาก

 

 
 
   
 
 

 

      จบจากการทัวร์ถ้ำแล้ว พวกเราก็เดินทางกลับ เพราะว่าวันนั้น เป็นวันที่อ่าวฮาลองจะมีการฉลองเปิดสะพานใหม่ ซึ่งทางเวียดนามบอกว่ายาวที่สุดในอาเซียน โดยพาดผ่านเมืองถึงสามเมือง และไปจบที่เกาะใหญ่เกาะหนึ่งในอ่าวฮาลองเลยทีเดียว เลยทำให้พวกเราต้องรีบกันหน่อย และพอถึงท่าก็ปรากฏว่ามีแต่เรือที่มาเทียบเต็มไปหมดเลยจริงๆ จนผมนึกว่าเรือของเราจะต้องจอดอยู่ด้านนอก และให้พวกเราข้ามเรือลำอื่นๆ เพื่อขึ้นไปที่ฝั่ง แต่เรือของเราก็แสดงความสามารถในการ “เบียด” และ “แทรก” เข้าไปท่ามกลางฝูงเรือลำอื่นๆ ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ซึ่งผมรู้สึกทึ่งกับความสามารถของคนเรือมากกว่าถ้ำมหัศจรรย์เสียอีก

     อยากให้คุณลองจินตนาการถึงงานแสดงคอนเสิร์ตที่หนาแน่นด้วยฝูงชนมหาศาล และคุณต้องเบียดเข้าไปแถวหน้าแบบนั้นแหละครับ เพราะเรือต้องเบียดแทรกกับเรือลำอื่นๆ ที่จอดอยู่แล้ว โดยใช้ความแข็งแกร่งของไม้ที่ประกอบเป็นตัวเรือในการเบียด แหวกให้เกิดช่อง จนในที่สุด พวกเราก็ได้เข้าไปจอดที่ท่าได้อย่างน่าอัศจรรย์...
(ต่อภาคสอง)

 

 
 

 

 

แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ลงชื่อ:
ข้อความ :
 
Home | About Bareo | News & Events | Art of Design | Decor Guide | The Gallery | Living Young | Talk to Editor | Links
 
บริษัท บาริโอ จำกัด
50 ซอยบรมราชชนนี 4 ถนนบรมราชชนนี เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700 Tel. 66 2881 8536-7 Fax. 66 2881 8538
house servic, decoration design home architect architecture interior design designer homeplan residential furniture family decorat building build planning cost news information structure arch drawing apartment idea bangkok develop foreman เฟอร์นิเจอร์ การซ่อมแซมบ้าน วัสดุแต่งบ้าน ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องอาหาร ออกแบบ ตกแต่งภายใน ออกแบบตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์ บ้านสวย มัณฑนากร สถาปัตย์ ตกแต่ง บารีโอ บริการ ปรึกษา รับสั่งผลิตเฟอร์นิเจอร์ตามแบบ รับเหมาตกแต่ภายใน วรวุฒิ ธรรมกุลางกูร มยุรี ธรรมกุลางกูร