โดย ช่างแม่น พูดมาก

        เมื่อท่านได้ผ่านขั้นตอนแรกของการคัดเลือกช่างกันมาแล้ว คราวนี้ ก็ถึงตอนที่ต้องลงมือปฎิบัติกันแล้วล่ะครับ ว่าเราจะต้องทำอย่างไร จึงจะคุมงานช่าง ให้ได้ผลงานสมใจท่าน ซึ่งเรื่องนี้ ว่ากันไปแล้ว จะง่ายก็ง่าย จะยากก็ยาก จะบอกว่าเหนื่อยก็เหนื่อย แต่จะบอกว่าสนุก ก็ได้อีกเหมือนกันแหละครับ...


        การคุมงานด้วยตัวท่านเองนี้ นอกจากจะทำให้ท่านได้เห็นความคืบหน้าของ “การสานฝัน” ของตัวท่านเองแล้ว ท่านยังจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องงานช่าง และได้เห็นวิธีการทำงานของช่างอีกด้วย รวมทั้งยังทำให้ช่างรู้สึก “เกรงใจ” ไม่กล้ามามั่วงาน ทำอะไรหยาบๆ หรือสะเพร่าให้ท่านต้องมาช้ำใจทีหลังอีกด้วย ตลอดจนยังทำให้ท่านมั่นใจได้ทุกครั้งที่ต้องเซ็นเช็คจ่ายค่าจ้าง ค่างวดไงล่ะครับ


         แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีนะครับ เพราะข้อเสียของการคุมงานเอง ก็มีค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปัญหาจุกจิกน่ารำคาญ สารพัดสารเพ ที่ช่างจะประเดประดังสรรหามาเผื่อท่าน (คงคิดว่าท่านจะว่างมาก เลยหาเรื่องปวดหัวมาให้รกสมองเล่นๆ) หรือเรื่องของมาตรฐานฝีมือ ที่ท่านเองอาจจะไม่ทราบว่าจะต้องทำอย่างไร จึงจะได้งานที่ดี ใช้งานได้อย่างที่ต้องการ รวมทั้งค่างวดที่มักจะเป็นเรื่องอยู่เสมอ ดังนั้น ในบทนี้ ผมจะทำหน้าที่แนะนำท่านทั้งหลายให้ผ่านพ้นปัญหาบนขอบเหวนี้ไปได้ด้วยดีครับผม


        ก่อนอื่น ท่านที่ต้องการนำเอาบทความนี้ไปใช้ ท่านต้องมั่นใจก่อนว่า ท่านได้เลือกช่างที่เหมาะสมกับงานของท่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตรงตามลักษณะต่างๆ ที่ผมได้เคยอธิบายไว้ในบทความของเดือนที่แล้ว ซึ่งท่านใดที่ต้องการอ่านย้อนกลับไป สำหรับการคัดเลือกช่างให้ได้ช่างดีๆ ก็ลองไปอ่านที่นี่นะครับ http://www.bareo-isyss.com/29/29_changman.html


เอาล่ะครับ...เริ่มกันเลยนะครับ...

    1. ก่อนเริ่มต้นทำสัญญา เราต้องคุยกันให้ชัดเจนเสียก่อน ท่านต้องอธิบายทั้งหมดอย่างละเอียดว่าท่านต้องการทำอะไรบ้าง พยายามหลีกเลี่ยงใช้คำว่า “เหมาๆ กันไป” เพียงเพราะว่าท่านขี้เกียจพูดมาก เพราะ “เหมา” ของท่านกับ “เหมา” ของช่าง มันคนละเหมากันนะครับ ทำนอง “เหมาเจ๋อตุง” กับ “เหมาไถ” กันเลยทีเดียว คำนึงหมายถึงบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของจีน แต่อีกคำหนึ่งกลายเป็นสุรา ไม่มีสาระและยังมีคำพูดประเภท “วัดใจกันนะ” หรือ “ผมเชื่อใจช่าง” ซึ่งผมสามารถรับรองได้เลยว่า ท่านจะได้วัดใจตัวเองอย่างแน่นอน ว่าใจแข็งพอหรือไม่ หรือการเชื่อใจของท่าน อาจจะทำให้ท่านต้องมานั่งลุ้นกันว่าหัวใจท่านหรือช่างจะทิ้งงานก่อนกัน แหะแหะ... เชื่อผมเถอะครับ คนเรา...ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จะมาทำงานให้กันได้อย่างถูกใจนั้น คงเป็นไปไม่ได้ ขนาดคู่ชีวิตที่เราคบหากันมาตั้งนาน พอแต่งงานยังมีทะเลาะกัน ไม่เข้าใจกันเลยนี่ครับ แล้วนี่ คนนอก จะมารู้ใจท่านได้อย่างไร เพราะฉนั้น ผมอยากให้ท่านพูดจากันให้ชัดเจนไปเลย ไม่ต้องอ้อมค้อม ไม่ต้องวัดใจ ไม่ต้องเชื่อใจ เอาแบบเหมือนคุณครูอธิบายให้เด็กนักเรียนฟังทีละข้อ ทีละข้อให้ชัดๆ แล้วจะไม่ผิดหวังครับ

    2. ท่านต้องเขียนรายละเอียดในสัญญากันให้ชัดเจน เหมือนกับที่พูดคุยกันตามข้อแรก และให้ระบุไปเลยว่างานตามสัญญาทั้งหมดต้องทำอะไรบ้าง มีทั้งหมดกี่รายการ ทางที่ดีควรมี Plan บ้านกำกับ และชี้เป็นจุดๆ ไปเลยว่าจุดนี้ ช่างต้องทำอะไร จุดต่อไปต้องทำอะไรบ้าง อย่าคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะหากมีปัญหาขึ้นมา รายละเอียดในสัญญาพวกนี้แหละครับที่จะช่วยให้ท่านไม่ต้องมานั่งเสียใจ อุตสาห์จ่ายเงินไปตั้งเยอะ แต่ได้งานกลับมานิดเดียว  

    3. ให้ท่านแบ่งงวดตามรายการที่สามารถวัดได้ อย่าบอกว่า “ทำงานไป 30% จะเบิกเงินได้อีก 40%” อะไรทำนองนี้นะครับ เพราะลำพังแค่ปริมาณงานของท่านกับของช่าง ก็อาจจะเป็นคนละหน่วย หรือคนละจำนวนกันก็ได้ เหมือนที่ผมได้กล่าวไว้ในข้อ 1. เพราะฉนั้น เราจึงไม่ต้องพูดถึงว่า 30% ของท่านกับของช่างจะเหมือนกันได้มากน้อยแค่ไหน ทางที่ดี ให้ใช้รายการตามข้อ 2. ให้เป็นประโยชน์ คือ ระบุไปให้ชัดเจนเลยว่า หากทำงานตามข้อ 1, 3, 5, 7 แล้วเสร็จ ก็จะให้เบิกเงินกี่เปอร์เซนต์ก็ว่ากันไป อย่างนี้ จะทำให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้น และช่างเองก็จะไม่กล้ามาจุกจิก หรือมาขอเบิกเงินค่างวดกับท่าน โดยอ้างว่าทำเพิ่มได้อีก 40% แล้ว ทั้งๆ ที่ช่างเพิ่งจะเบิกกันไปหยกๆ เมื่อวานนี้


    4. ไปดูงานด้วยตัวเองทุกวัน อย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมงก็ยังดี แต่ถ้าไม่ว่างจริงๆ ก็ให้โทรไปคุยกับทางช่าง หรือผู้รับเหมา เพื่อรับฟังรายงานความคืบหน้าและปัญหาที่เกิดขึ้น การทำแบบนี้เป็นประจำทุกวัน นอกจากจะทำให้ท่านได้เห็นความคืบหน้าของการทำงาน (และรับรู้ว่าช่างไม่ได้อู้งาน หรือตั้งใจจะใช้หน่วยงานของท่านเป็นที่อยู่ที่กินแบบระยะยาวเกินความจำเป็น จนถึงขั้นถาวร) และยังจะทำให้ช่างเกรงใจท่าน ไม่ทำอะไรสะเพร่าหรือวุ่นวายเกินขอบเขต

        มีทริคเล็กๆ สำหรับเจ้าของบ้านบางท่านที่มีน้ำใจ หากท่านนำเอาขนมของกินมาฝากช่างเป็นประจำ ไม่ต้องมากนัก แค่พอเป็นสินน้ำใจ ซึ่งนอกจากจะเป็นการทำทานแล้ว ยังทำให้ท่านได้ “ใจ” ของช่าง ช่างก็จะทำงานให้ท่านเต็มที่ ไม่มีหมกเม็ด หรือทำอะไรที่ไม่ดี ไม่เป็นมงคลบนบ้านท่านอย่างแน่นอน

    5. อย่าเปลี่ยนหรือแก้ไขงานโดยไม่จำเป็น ข้อนี้มักจะตามมาอยู่เสมอๆ เมื่อท่านได้เข้าไปดูงานที่หน่วยงานเป็นประจำ เรื่องนี้มักจะหนีไม่พ้น เมื่อท่านได้พบเห็นอะไรบางอย่างที่ได้ออกมาเหมือนกับที่ได้วางแผนไว้ หรืออาจจะดูไม่สวย ไม่งามตามที่คิด ซึ่งหากจำเป็นต้องแก้ไขงานจริงๆ ให้ท่านลองปรึกษากับผู้รู้หรือกับช่างก็ได้ ว่าท่านต้องการแบบโน้นแบบนี้ ช่างมีแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างไร จึงจะดีที่สุด และประหยัดที่สุด และเมื่อสรุปได้แล้ว อย่าลืมให้ช่างทำรายการเพิ่มเติม หรือแก้ไขมาให้ในวันรุ่งขึ้นนะครับ ท่านจะได้ติดตามงบประมาณที่เปลี่ยนแปลงไปได้ตลอด อย่าไปฟังคำพูดทำนอง “ไว้ค่อยคิดทีเดียวก็ได้ เรามันคนกันเอง” เพราะสุดท้ายเราอาจจะได้ตัวเลขประเภท “ไม่คาดฝัน” มาหลอนจนนอนไม่หลับไปเลยก็ได้นะครับ