อาการปวดหัว เป็นอาการที่สามารถพบได้ทั่วไปในคนทุกเพศทุกวัย โดยมีสาเหตุต่างๆ กัน

นทางการแพทย์แบ่งอาการปวดศีรษะออกเป็น 3 ชนิดคือ  :

  1. ปวดศีรษะชนิดเฉียบพลัน ซึ่งมักจะมีสาเหตุจากการอักเสบ หรือติดเชื้อในบริเวณโพรงจมูก คอ ปาก หูและตา
  1. ปวดศีรษะเรื้อรัง ซึ่งมักมีสาเหตุใหญ่ๆเพียง 2 ชนิดคือ โรคไมเกรน และ โรคปวดศีรษะจากความเครียด
  1. อาการปวดเนื่องจากมีอะไรอยู่ในสมอง หรือภาวะเนื้องอกในสมอง หรือการตกเลือดในสมอง พบได้น้อยมากไม่ถึง 0.01 %

          โรคไมเกรน ความจริงไม่น่าจะจัดว่าเป็นโรค เพราะเป็นภาวะที่หลอดเลือดแดงในสมองบีบตัวและคลายตัวมากกว่าปรกติ ปกติหลอดเลือดแดงซึ่งมีอยู่มากมายในสมองก็จะมีบีบตัวและคลายตัวอยู่เป็นประจำแต่ไม่มากจึงไม่ปวดหัว ในผู้ป่วยไมเกรนจะไม่พบพยาธิสภาพใดๆ ในหลอดเลือดแดงของสมอง จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอัมพาตหรือพิการแต่อย่างใด


อาการของโรคไมเกรน

          1.ปวดศีรษะครึ่งซีก อาจเป็นบริเวณขมับหรือท้ายทอย แต่บางครั้งก็อาจเป็นสองข้างพร้อมกัน หรือเป็นสลับข้างกันได้

          2.ลักษณะการปวดศีรษะส่วนมากจะปวดตุ๊บๆ นานครั้งหนึ่งๆ เกิน 20 นาที (ยกเว้นจะได้รับประทานยา) แต่บางครั้งถ้าเป็นรุนแรงอาจปวดนานเป็นวันหรือสัปดาห์ก็ได้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีปวดตื้อๆ สลับกับปวดตุ๊บๆ ในสมองก็ได้

           3.อาการปวดศีรษะมักเป็นรุนแรง และส่วนมากจะมีคลื่นไส้หรืออาเจียนร่วมด้วยเสมอ โดยอาจเป็นขณะปวดศีรษะ ก่อนหรือหลังปวดศีรษะก็ได้

           4.อาการนำจะเป็นอาการทางสายตา โดยจะมีอาการนำมาก่อนปวดศีรษะราว 10-20 นาที เช่น เห็นแสงเป็นเส้นๆ ระยิบระยับ แสงจ้าสะท้อนหรือเห็นภาพบิดเบี้ยวนำหน้ามาก่อน

กลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงกับการเป็นไมเกรน

          1. เกิดขึ้นกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 3 เท่า มักเกิดในช่วงอายุ 25-55 ปี แต่อาการของผู้ชายจะหนักกว่า

          2. โรคนี้สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม พบว่าประมาณ 30-70% ของผู้ที่เป็นไมเกรน มีประวัติว่าพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคนี้ด้วย

ไมเกรน เกิดเนื่องจาก

          มีปัจจัยไปกระตุ้นให้เส้นประสาทในสมองหลั่งสารบางอย่างออกมา และสารพวกนี้ไปทำให้เส้นเลือดขยายตัว และการที่เส้นเลือดขยายตัวนี้เอง ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ เนื่องจากในเส้นเลือดของเรา จะมีเส้นเลือดเล็ก ๆ ฝอย ๆ เป็นเส้นประสาทพันรอบเส้นเลือดด้วย พอเส้นเลือดขยาย ก็จะไปยืดเส้นประสาทที่พันรอบเส้นเลือดนี้ด้วย ก็จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดอาการปวดได้ ปัจจัยที่พบมีมากมาย แตกต่างกันออกไป แต่ละคนอาจมีปัจจัยในการเกิดที่แตกต่างกันดังนั้น คุณควรที่จะสังเกตุตัวเองว่าสำหรับคุณแล้วอะไรคือตัวกระตุ้นให้เกิด จะได้หลีกเลี่ยงและสามารถแก้ไขได้ตรงจุด

ปัจจัยที่ทำให้เกิดไมเกรน

  • สำคัญที่สุดคือการพักผ่อนไม่เพียงพอ นอนดึก นอนไม่หลับ ซึ่งนอกจากจะกระตุ้นไมเกรนแล้ว ยังไปกระตุ้นอาการปวดกล้ามเนื้ออีกด้วย
  • กลิ่นที่รุนแรง เช่น กลิ่นน้ำหอม, กลิ่นบุหรี่ เป็นต้น
  • อาหารที่กระตุ้นให้เกิดไมเกรนในคนไทยนั้นพบไม่บ่อย แต่ในชาวต่างชาติจะพบมากกว่า คืออาหารจำพวกช๊อกโกแลต เนยแข็ง ไวน์แดง และฟาสต์ฟูด ไส้กรอก แฮม เพราะอาหารพวกนี้จะมีสารบางอย่างมากระตุ้นทำให้เกิดไมเกรนได้ อีกอย่างที่สำคัญคือผงชูรส แต่ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าอาหารเหล่านี้จะกระตุ้นอาการไมเกรนของทุกคน นั่นคือไม่ได้หมายความว่าคนที่เป็นไมเกรนห้ามรับประทานอาหารพวกนี้ คนที่เป็นแล้วรับประทานแต่ไม่เกิดอาการใด ๆ ก็สามารถทานต่อไปได้
  • ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งคืออากาศร้อน ถ้าอยู่ในกลางแดดจ้า ๆ อากาศร้อน ๆ ก็มีโอกาศจะเกิดอาการขึ้นมาได้ เคยมีชาวต่างชาติวิจัยออกมาว่าสาเหตุที่สำคัญนั้นไม่ใช่อากาศร้อน แต่จะเป็นเพราะความกดอากาศ สภาพแวดล้อมของอากาศ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงจากอากาศเย็นเป็นอากาศร้อน ก็เป็นสาเหตุได้เช่นกัน เพราะจะทำให้มีอาการหด หรือขยายตัวของเส้นเลือด นอกจากนี้ ยังมีเรื่องยา ยาอะไรก็ตามที่ทำให้มีการขยายตัวของหลอดเลือดก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาได้
  • การออกกำลังกายหักโหมเกินไป
  • สัญญาณกระตุ้นแรงๆ บางอย่างเช่น เสียงดังๆ คลื่นแรงๆ แสงสว่างจ้า แสงวูบวาบกระตุ้นอาการปวดศีรษะในคนที่ปวดศีรษะง่ายๆ อยู่เป็นทุนเดิม
  • การเปลี่ยนแปลงของอากาศ อุณหภูมิ หรือแรงดันบรรยากาศที่เปลี่ยนไปเช่น อาการเปลี่ยน, การโดยสารเครื่องบิน หรือปีนเขานำไปสู่อาการปวดศีรษะได้
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หมดประจำเดือน หรือการใช้ยาคุมกำเนิดโดยเฉพาะในระยะที่ใกล้มีประจำเดือนหรือใน 2 วันแรกของการมีประจำเดือน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดต่ำลง อาจทำให้เกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรงในผู้หญิงบางคนได้
  • ภาวะเครียด หรือ ความเครียดทางอารมณ์ เป็นปัจจัยนำไปสู่อาการปวดศีรษะแบบเทนชั่น และไมเกรนที่พบบ่อยที่สุด

 


 
   
 

 

บรรเทาให้ปวดไมเกรนเบาบางลง


          เมื่อมีอาการปวดศีรษะจากโรคไมเกรน มักรักษาไม่หายด้วยยาแก้ปวดพาราเซตตามอลธรรมดา ยาที่ได้ผลดีคือยาแก้ปวดแอสไพริน ขนาด 2 เม็ด ในขณะปวด แต่ข้อระวังห้ามรับประทานแอสไพรินในขณะท้องว่าง และผู้ป่วยโรคแผลในกระเพาะอาหารห้ามรับประทานแอสไพรินเด็ดขาด เพราะอาจเกิดเลือดออกในกระเพาะได้มากๆ และอาจทำให้ถึงแก่กรรมได้ ในผู้ป่วยที่ไม่แน่ใจว่าจะมีโรคกระเพาะหรือไม่ให้รับประทานยาเคลือบกระเพาะอาหารหรือนมร่วมด้วย ก็จะป้องกันการระคายเคืองของแอสไพรินต่อเยื่อบุกระเพาะอาหารได้ แต่หากรับประทานยาที่เฉพา หรือแรงกว่านี้ควรปรึกษาแพทย์ หรือควรใช้ยาอยู่ในการดูแลของแพทย์  นอกจากการรับประทานยาแก้ปวดแล้ว ยังมีวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการไมเกรนให้เบาบางลงคือ

  1. ใช้น้ำแข็งประคบ โดยนำผ้าขนหนูห่อก้อนน้ำแข็งไว้ แล้วนำมาลูบช้าๆบริเวณที่ปวด ก็จะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้ค่ะ  นอกจากนี้การใช้เปบเปอร์มินส์นวดบริเวณที่ปวดก็จะช่วยให้อาการปวดศีรษะทุเลาลงได ้เช่นเดียวกันค่ะ (หรือจะใช้น้ำมันหม่องก็ได้ค่ะ)
  2. พักผ่อนให้เพียงพอ
  3. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และอย่าอดอาหาร
  4. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  5. งดการสูบบุหรี่ หรือหลีกเลี่ยงกลิ่นบุหรี่
  6. ฝึกการผ่อนคลาย เช่น การฝึกหายใจเข้า-ออกอย่างมีสติ
  7. โดยการกำหนดรู้อยู่ที่ลมหายใจเข้าและออกเท่านั้น
  8. ซึ่งผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า วิธีนี้สามารถช่วยให้ผู้ป่วยทุเลาอาการได้ค่ะ รวมทั้งยังสามารถป้องกันอาการไมเกรนได้ด้วยละค่ะ

นอกจากนังยังพบว่ามีสารอาหารบางชนิดที่ี่อาจช่วยบรรเทาไมเกรนได้

          มีการค้นพบว่า สารอาหารบางอย่าง เช่น แมกนีเซียม แคลเซียม และพืชสมุนไพรบางชนิด เช่น ดอกเก็กฮวย (fever few)   อาจช่วยบรรเทาอาการปวดหัวจากโรคนี้ได้ โดยปกติอาหารที่รับประทานในชีวิตประจำวันนั้นเช่น ถั่วต่างๆ ผักใบเขียว ธัญพืช เป็นต้น มีแมกนีเซียมเพียงพอกับความต้องการของร่างกายอยู่แล้ว


          นอกจากนี้มีข้อมูลการวิจัยชี้แนะว่าการเสริมแคลเซียมวันละ 1000 มิลลิกรัม ร่วมกับการวิตามินดีทุกสัปดาห์ จะช่วยลดอาการปวดหัวจากไมเกรนในหญิงที่หมดประจำเดือนได้ดี     


           อาหารที่มีวิตามินบีสูงอาจมีส่วนช่วยลดอาการปวดหัวได้  การขาดวิตามินบีรวมทั้งไนอะซินและกรดโฟลิคอาจทำให้เกิดอาการปวดหัวได้ วิตามินบี6ช่วยเพิ่มระดับสารเซโรโทมินลดอาการปวดหัวได้ การเสริมวิตามินบี6 5-10วันก่อนมีประจำเดือนอาจช่วยลดอาการปวดหัวในช่วงนั้นได้

ธาตุเหล็ก อาการปวดหัวเป็นอาการอย่างหนึ่งของการขาดขาดธาตุเหล็ก อาหารที่มีธาตุเหล็กสูงจะช่วยป้องกันการขาดธาตุเหล็กได้ น้ำมันปลา อาหารที่มีกรดโอเมกา3ช่วยลดความรุนแรงและความบ่อยของอาการปวดหัวจากไมเกรน การบริโภคปลาทะเลจะช่วยบรรเทาอาการไมเกรนได้


           โรคไมเกรนเป็นโรคที่ก่อให้เกิดภาวะปวดศีรษะเรื้อรังนานเป็นปีๆ บางรายอาจนานเป็นสิบๆ ปี จึงมักทำให้ผู้ป่วยเกิดความกังวลว่า ทำไมตัวเองจึงไม่ยอมหายจากภาวะปวดศีรษะนั้น และวิตกว่าจะมีความผิดปรกติในสมองต่างๆ เช่น เนื้องอกหรือเลือดคั่งในสมอง หรือเกรงว่าจะเกิดอัมพาตหรือพิการตามมาภายหลัง โดยทั่วไปผู้ป่วยโรคไมเกรนจะไม่มีอันตรายใดๆที่จะก่อให้เกิดการพิการหรือทุพพลภาพตามมาแต่อย่างใด โดยปรกติอาการปวดศีรษะชนิดไมเกรนนี้จะลดความรุนแรงลงเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเลยวัยหมดระดูไปแล้ว จะพบผู้ป่วยไมเกรนน้อยมาก


           จึงมีคำพูดที่ว่า
“ถ้าเป็นไมเกรนแท้ ๆ จะไม่อันตราย เพียงแต่จะทรมาน” อย่างนี้ไม่น่าพิสมัยเลยนะคะ ถ้าเลี่ยงได้ควรที่จะเลี่ยงดีกว่า

 

 
 
-- เดียร์ --
 
           
           

 

 

 

 
Home | About Bareo | News & Events | Art of Design | Decor Guide | The Gallery | Living Young | Talk to Editor | Links
 
บริษัท บาริโอ จำกัด
50 ซอยบรมราชชนนี 4 ถนนบรมราชชนนี เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700 Tel. 66 2881 8536-7 Fax. 66 2881 8538
Thailand Web Stat
house servic, decoration design home architect architecture interior design designer homeplan residential furniture family decorat building build planning cost news information structure arch drawing apartment idea bangkok develop foreman bareo mareo bareo.tv เฟอร์นิเจอร์ การซ่อมแซมบ้าน วัสดุแต่งบ้าน ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องอาหาร ออกแบบ ตกแต่งภายใน ออกแบบตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์ บ้านสวย มัณฑนากร สถาปัตย์ ตกแต่ง บารีโอ บาริโอ มาริโอ บริการ ปรึกษา รับสั่งผลิตเฟอร์นิเจอร์ตามแบบ รับเหมาตกแต่ภายใน วรวุฒิ ธรรมกุลางกูร มยุรี ธรรมกุลางกูร บาริโอดอททีวี