กรีกที่ยิ่งใหญ


          ประวัติศาสตร์ของงานตกแต่งภายใน สามารถสืบสาวย้อนหลังได้ยาวนานถึงหลายพันปี มนุษย์รู้จัก การตกแต่งภายในเพื่อให้ที่อยู่อาศัยของตนเป็นที่พักผ่อนที่สบาย และ อบอุ่นนอกเหนือจากความ
ปลอดภัยซึ่งเป็นประโยชน์ใช้สอยหลักตั้งแต่ยุคถ้ำ มนุษย์รู้จักการนำเอากิ่งไม้และใบไม้มาดัดแปลง ให้เป็นที่พักแบบง่ายๆก่อนที่จะนำไม้ไปดัดแปลงเป็น เครื่องมือและเครื่องใช้ต่างๆ เสียอีก นอกจากนี้ มนุษย์ยังรู้จักทำเครื่องเรือนหรือเฟอร์นิเจอร์เพื่อการใช้สอยในรูปแบบต่างๆ กันเป็นเวลานาน กว่า 4,000 ปีโดยมีหลักฐานที่ค้นพบตามอารยธรรมต่างๆ ทั่วโลก เช่น สุเมเรียน จีน อินคา กรีก เป็นต้น


          อย่างไรก็ดี อารยธรรมเหล่านี้ ได้ล่มสลายไปตามกาลเวลาคงเหลือแต่ความรู้และภูมิปัญญาที่ชาญฉลาด ต่างๆ ที่ตกทอดเรื่อยมาและอารยธรรมกรีกที่ล่มสลายไปนานหลายพันปี ได้ทิ้งไว้ซึ่งมรดกที่ล้ำค่าที่สุด ชิ้นหนึ่งของมนุษยชาติ นั่นคืองานสถาปัตยกรรมที่สง่างาม และงานตกแต่งภายในที่ได้สะท้อน ในเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่หลงเหลือมาเพื่ออวดให้เห็นถึง ความงดงามที่เป็นอมตะและเทคโนโลยีใน
การผลิตที่ก้าวล้ำนำอารยธรรมอื่นๆ ในยุคนั้น


          นอกจากนี้ กรีกยังได้คิดค้นสัดส่วนของงานออกแบบที่ถือว่างดงามที่สุด โดยให้ชื่อว่า “กฎแห่งทองคำ” หรือ Golden rule อีกด้วย


          ลักษณะของรูปแบบกรีกที่เด่นชัด ได้แก่ เสาสูงที่เซาะร่องโดยรอบ (Flute Column), การใช้พิณหรือใบ Acanthusในการตกแต่ง, หรือ จั่วสามเหลี่ยม(Pediment)รวมทั้งขาเฟอร์นิเจอร์รูปกรงเล็บ (Craw foot) ที่ตกทอดมาถึงยุคหลังซึ่งสิ่งเหล่านี้คือผลผลิตอันเป็นอมตะที่ได้มาจากยุคกรีกที่ยิ่งใหญ่นี้

 


 
   
 

 

 

กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว

          ในที่สุด อาณาจักรของกรีกก็ได้ล่มสลายลงในเงื้อมมือของชาวโรมัน ชาตินักรบที่เก่งกาจ ที่ได้เผาทำลายอาณาจักรกรีกที่ยิ่งใหญ่นี้ ลงอย่างราบคาบแล้วนำเอาความร่ำรวย
และภูมิปัญญาที่สูงส่งกลับไปยังดินแดนของตน


          ชาวโรมันได้หลงใหลในความงดงามแบบกรีกเป็นอย่าง มาก และรับเอารูปแบบของกรีก ไปเป็นของตนอย่างสนิทใจ อย่างไรก็ดีโรมันเองก็ได้พัฒนารูปแบบของกรีกให้มีความงดงาม และความอ่อนช้อยมากขึ้น เช่น รูปแบบหัวเสาแบบ Ionic หรือ Corinthian ซึ่งมีความงดงามและ
วิจิตรมากขึ้นกว่าหัวเสาแบบDoric ดั้งเดิมของกรีก หรือ แม้กระทั่งรูปปั้นของโรมันก็จะมีความ เป็นธรรมชาติมากขึ้นกว่ารูปปั้นของกรีกที่ค่อนข้างแข็งทื่อเป็นต้น

 

 

 
   
 

 


          นอกจากนี้สถาปัตยกรรมของโรมันก็จะมีความอลังการ และเน้นที่ความยิ่งใหญ่มากกว่าของกรีก ซากของ
สถาปัตยกรรมของโรมันที่แสดงความยิ่งใหญ่และยังคงตกทอดมาจนถึงปัจจุบันได้แก่ Colosseum ซึ่งเป็นอาคารนามกีฬาโบราณขนาดใหญ่ ที่นำนักโทษมาต่อสู้กันเอง จนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง หรือบางครั้งก็นำนักโทษไปสู้กับสิงโตหรือเสือ โดยมีชาวโรมันคอยตะโกนเชียร์อยู่บนอัฒจรรย์
ที่จุคนได้กว่าห้าหมื่นคน


          อย่างไรก็ดีรูปแบบของโรมันเองก็มีความแตกต่างจากรูปแบบของกรีกน้อยมาก เนื่องจากรากฐาน ของงานโรมันส่วนใหญ่ จะมาจากกรีกเกือบทั้งหมดโดยมากข้อแตกต่าง ระหว่างรูปแบบทั้งสองนี้ มักจะเป็นรายละเอียดปลีกย่อยเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นนักประวัติศาสตร์ศิลปะหลายท่าน
จึงมักจะเรียกรวมกันว่า "รูปแบบกรีกและโรมัน"

 

 
   
        โต๊ะกลมที่ค้นพบในเมือง Pompeii แสดงให้เห็นถึง
ศิลปะของโรมันในยุคนั้น
 
 

 

Neo-Classic คือการกลับมาของยุค Classic

          เมื่อกาลเวลาผ่านไป อาณาจักรโรมันก็ค่อยๆเสื่อมถอยและถูกกลืนไปในที่สุด อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่นี้ก็เหลือทิ้งไว้เพียงซากสถาปัตยกรรมที่เคยอลังการและยิ่งใหญ่ รวมทั้งภูมิปัญญาที่ส่งต่อไปยังยุคสมัยต่อมา


          อย่างไรก็ดี รูปแบบกรีกและโรมัน หรือที่นิยมเรียกว่ารูปแบบ Classic นี้ก็ยังได้มีอิทธิพลต่อ
รูปแบบงานตกแต่งภายในและ สถาปัตยกรรมอื่นๆ ที่ตามมาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม และเป็นราก ฐานสำคัญของรูปแบบอื่นๆ ที่ตามมาโดย เฉพาะอย่างยิ่ง Renaissance หรือ Baroque และถึงแม้ว่าในยุคที่ รูปแบบอื่นๆ เป็นที่นิยมอย่างมาก แต่รูปแบบ Classic มักจะปรากฏสอดแทรกให้เห็นอยู่เสมอ



 
   

บรรยากาศภายในห้องโถง ที่มีการตกแต่งในรูปแบบ Paladianism


 
 

 
           
 

 


          แต่การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของรูปแบบ Classic อย่างจริงจังได้ เกิดขึ้นหลังจากยุคของกรีกและโรมันนับเป็นพันปี โดยมีการค้นพบเมืองของโรมัน คือ เมือง Pompeii ทำให้เกิดกระแสนิยมรูปแบบกรีกและโรมันขึ้นมาอีกครั้งโดยเริ่มแรกได้เกิดขึ้นใน ประเทศฝรั่งเศสในยุคของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ที่มีการนำเอารูปแบบของกรีกมา ผสมเข้ากับรูปแบบ Rococo ที่เป็นที่นิยมอยู่ ในเวลานั้น จากนั้นเมื่อนโปเลียนได้ขึ้นครองราชย์และปกครองประเทศฝรั่งเศสสืบต่อรูปแบบ Neo-Classic ก็ได้พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง โดยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น เช่น รูปแบบเฟอร์นิเจอร์ ที่ทึบตัน มีรูปประดับประเภท Sphinx ติดปีกและมีการประดับประดาอย่างมลังเมลือง และมี ชื่อเรียกเฉพาะว่า "Empire"


          จากนั้นรูปแบบ Empireก็ได้แพร่หลายไปทั่วยุโรป โดยเข้าไปในประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นประเทศคู่สงครามในสมัยนั้น และมีชื่อเรียกที่เปลี่ยนไปว่า "Regency" (โดยทั่วไป รูปแบบ Regency จะโปร่งเบากว่าEmpire และมีการประดับประดาน้อยกว่า) หลังจากนั้นอีกหลายสิบปี ก็ได้แพร่เข้าไปใน เยอรมันและออสเตรีย ในนามของ "Biedermeier" ที่มีลักษณะเด่นในการใช้ไม้ที่งดงามก่อนที่จะส่ง อิทธิพลไปในประเทศอเมริกา ภายใต้ชื่อของ "Federal" ซึ่งรวมแล้ว รูปแบบ Neo-Classic มีอิทธิพลต่อ งานตกแต่งภายในของ ยุโรปและอเมริกาในยุคนั้น ภายใต้ชื่อต่างๆ เป็นเวลานานกว่าร้อยปี และ รูปแบบ ดังกล่าวทั้งหมด ยังคงมีอิทธิพลต่องานออกแบบในยุคปัจจุบัน

 


 
   
 

 

รูปแบบ Classic กับการตกแต่งในปัจจุบัน

          ปัจจุบันนี้ รูปแบบ Classic ก็ยังคงมีปรากฏให้เราเห็นอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะตามอาคารสถาปัตยกรรมใหม่ๆ หรือบ้านพักอาศัยทั่วไปก็ตามรูปแบบ Classic มักจะให้ความรู้สึกสง่างามอย่างอลังการ สวยหรู ภูมิฐาน และมีลวดลายที่งดงามชดช้อยไม่แข็งกระด้าง และจากการที่รูปแบบ Classic มีประวัติความเป็นมายาวนาน ทำให้งานที่ใช้รูปแบบนี้ จะให้ความรู้สึกถึงการมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานด้วย เช่นกัน


นอกจากนี้ รูปแบบนี้ยังได้มีอิทธิพล และเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักออกแบบที่มีชื่อเสียง หลายต่อหลายท่าน เช่น Michael Graves ที่นิยมออกแบบผลิตภัณฑ์และงานตกแต่งภายใน รวมถึงงานสถาปัตยกรรมที่มีกลิ่นอายของยุค Neoclassic หรือ Versace' นักออกแบบแฟชั่นที่เสียชีวิตแล้วก็นิยมนำลวดลายแบบ Neoclassic มาใช้ในลายผ้าของเขาอีกด้วย

 

 
   
 

 

 


          อย่างไรก็ดี งานตกแต่งรูปแบบ Classic แท้ๆ ก็หาได้ยากขึ้นไปเรื่อยๆ เนื่องจากรายละเอียดที่ประดิษฐ์ประดอยอย่างมากมายและ หรูหรา จนบางครั้งดูเหมือนเกินกว่าฐานะของคนทั่วไปและ นอกจากนี้ รายละเอียดเหล่านี้ยังเป็นที่เก็บฝุ่นอย่างดี จำเป็นต้อง อาศัยคนดูแลจำนวนมากและเปลืองค่าใช้จ่ายมากด้วยเช่นกัน ดังนั้นกลุ่มคนที่หลงใหล ในรูปแบบClassic จึงมักจะลดรูปของงาน Classic ลง โดยตัดทอนรายละเอียดลงบ้างหรืออาจจะพยายามใช้สีแบบMonochrome หรือสีโทนเดียวเช่นสีขาวหรือสีครีม เพื่อทำให้ ทุกอย่างดูกลมกลืนกันไปทั้งหมดหรือบางครั้งอาจนำรูปแบบ Classic ไปประยุกต์ใช้ในรูปแบบContemporaryเพื่อให้เหมาะกับประโยชน์ใช้สอย ปัจจุบันก็เป็นวิธีที่นิยมมากอีกวิธีหนึ่ง


          ความงามอย่าง Classic นี้ เริ่มถือกำเนิดมาตั้งแต่สี่พันปีก่อน และยังคงมีส่วนร่วมกับประวัติศาสตร์ของ มนุษยชาติมาโดยตลอดและจะยังคงมีบทบาทเช่นนี้ตลอดไป ตราบ เท่าที่ยังมีผู้หลงใหลในความสง่างามอย่างอลังการ และหรูหราของ รูปแบบนี้ที่มิอาจจะพบเห็นได้ จากรูปแบบอื่นๆ อีกเลย


 
 

 

-- X10 --

       

 

 

 
Home | About Bareo | News & Events | Art of Design | Decor Guide | The Gallery | Living Young | Talk to Editor | Links
 
บริษัท บาริโอ จำกัด
50 ซอยบรมราชชนนี 4 ถนนบรมราชชนนี เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700 Tel. 66 2881 8536-7 Fax. 66 2881 8538
house servic, decoration design home architect architecture interior design designer homeplan residential furniture family decorat building build planning bareo cost news information structure arch drawing apartment idea bangkok develop foreman เฟอร์นิเจอร์ การซ่อมแซมบ้าน วัสดุแต่งบ้าน ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องอาหาร ออกแบบ ตกแต่งภายใน ออกแบบตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์ บ้านสวย มัณฑนากร สถาปัตย์ ตกแต่ง บาริโอ บารีโอ บริการ ปรึกษา รับสั่งผลิตเฟอร์นิเจอร์ตามแบบ รับเหมาตกแต่ภายใน วรวุฒิ ธรรมกุลางกูร มยุรี ธรรมกุลางกูร