|
เพื่อนผู้ชำนาญการในเรื่องความรักและการครองคู่เคยบอกกับผมไว้เมื่อหลายปีก่อนว่า ห้วงเวลาปลายปีเป็นช่วงเวลาแห่งการดื่มด่ำความสุขสำหรับคู่รักทุกคู่ เพราะบรรยากาศมันเป็นใจ ที่ดูใจกันมานานแสนนานก็จะหาทางลงเอยกันในช่วงเวลานี้แหละ ที่ทำท่าว่าจีบกันไปไม่ถึงไหนลองได้ชี้ชวนกันท่องเที่ยวในหน้านี้นะ ร้อยเอาบาทเดียวกลับมามีเฮ นึกๆดูอากาศเย็นๆ ไอหมอกลอยละล่องมันก็น่าพิศวาสบาดจิตกว่าแดดเผาเหงื่อไหลนะครับ แม้ว่าบ้านเราจะไม่ค่อยได้เข้าใกล้ความหนาวกันสักเท่าไหร่ เอาเป็นแค่ได้กลิ่น Cool season ก็พอกล้อมแกล้มหนาวๆกันไปเถอะครับพี่น้อง แต่เพื่อนโปรท่านนี้ของผมก็ฝากคำเตือนมาด้วยว่า อย่าได้ริบอกเลิกแฟนในช่วงปลายปีเด็ดขาด เพราะจะเจ็บปวดข้ามปี ยิ่งมาเจอพิษลมหนาวพัดซ้ำคิดสิครับว่ามันยอกในอกขนาดไหน สำหรับคนโสดค้างปีอย่าพึ่งเซ็งจิตครับ แม้ลมหนาวพัดผ่านมารอบแล้วรอบเล่ายังไม่มีวี่แววได้ลิ้มรสความหวานชื่นอย่างคนอื่นเขา อย่าครับ อย่าก่นด่าโชคชะตา ที่จริงชีวิตโสดๆมันก็มีแง่มุมงดงามละมุนละไมและอบอุ่น รัญจวนใจเหมือนกันนะครับ เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยมาดูหนังเฉลิมฉลองชีวิตโสดกันดีกว่า ใครไม่โสดถอยไป จงภูมิใจในความโสดและสนุกกับหนังกันครับ
|
|
|
|
|
|
เริ่มเรื่องแรกขอเป็นหนังโปรดของผมนะครับ About a Boy เป็นหนังโปรดเพราะสร้างจากงานเขียนของนักเขียนคนโปรดของผม นิค ฮอร์นบี หนังสือของพี่นิค ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์หลายเรื่องครับทั้ง Fever Pitch ,High Fidelity (นี่ก็อีกเรื่องโปรดเช่นกัน) ผมสังเกตว่าผลงานของพี่นิค plot ของเรื่องจะพุ่งไปที่ตัวเอกเป็นคนโสดที่มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับผู้คน สนใจไปตามหาอ่านกันได้ ผมไม่ได้เชียร์ออกนอกหน้าเกินไปใช่ไหมครับ About a Boy ออกฉายในปี 2002 นำแสดงโดย เจ้าพ่อโรแมนติคคอมมิดี้ ฮิวจ์ แกรนท์ ที่รับบทวิลล์ หนุ่มเมโทรเซ็กส์ช่วลสุดหล่อ ที่สุดแสนจะหวงชีวิตโสดของตัวเอง
พี่วิลล์แกไม่ต้องทำงานเป็นชิ้นเป็นอันแต่แกมีอันจะกินจากการเก็บค่าลิขสิทธิ์เพลงคริสต์มาสที่พ่อแกแต่งแล้วแกเป็นทายาทผู้รับประโยชน์เพียงผู้เดียว อนุมานคล้ายๆเพลงจิงเกิ้ลเบลล์อันโด่งดังที่พอเทศกาลทีคนทั่วโลกก็ต้องเปิดเพลงที่พ่อแกแต่ง แกจึงไม่จำเป็นต้องมีอาชีพอะไรก็เหลือรับประทานแล้ว
|
|
|
|
|
|
|
ความที่รวยเกินไปและว่างเกินไป พี่วิลล์แกกลัวการผูกมัด จึงคิดง่ายๆว่าถ้ามีแฟนเป็นแม่ม่ายสักคน มีความสัมพันธ์ชั่วครั้งชั่วคราวแล้วก็จบๆกันไป เมื่อคิดจีบแม่ม่ายพี่วิลล์ก็เลยอุปโลกน์ว่าตัวเองเป็นพ่อม่ายลูกติดเพื่อไปรวมกลุ่มทำกิจกรรมกับกลุ่ม single mom แต่แทนที่แกจะได้แฟนเป็นแม่ม่ายสมใจ กลับบังเอิญไปพบเด็กชายมีปัญหาคนหนึ่งเข้า มาร์คัส (แสดงโดย นิโคลาส ฮุลล์) ไม่อยากจะเชี่อเลยว่าเจ้าหนูนี่เป็นดาราหน้าใหม่ แสดงได้เป็นธรรมชาติมากๆผมดูไปรู้สึกได้ว่าเจ้าหนูนี่เป็นเด็กพิลึกแปลกๆตามจินตนาการในหนังสือ เรียกว่า ตีโจทย์แตก รัศมีดาราดังของพี่ฮิวจ์ แกรนท์ทำอะไรเจ้าหนูนี่ไม่ได้เลย
มาร์คัสเป็นเด็ก 12 ขวบที่อยู่กับแม่ตามลำพัง ฟิโอนาแม่ของมาร์คัสก็ดูเพี้ยนๆหลุดโลก ฟิโอนาเป็นโรคซึมเศร้าและพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง เมื่อโลกของวิลล์และมาร์คัสหมุนวนมาบรรจบกัน แรกๆวิลล์รำคาญการตามตื้อของมาร์คัส ที่พยายามยึดวิลล์เป็นศูนย์กลางการแก้ปัญหาในชีวิตของตัวเอง มาร์คัสเป็นเด็กพิลึกๆเพราะต้องแบกทั้งปัญหาเรื่องแม่และโดนเพื่อนวัยเดียวกันกลั่นแกล้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปวิลล์ค่อยๆยอมรับการมีตัวตนของมาร์คัส
จากชีวิตที่ว่างเปล่า เมื่อช่วยเหลือมาร์คัสทำให้วิลล์รู้สึกถึงคุณค่าของการให้ ทำให้ชีวิตไร้สาระไปวันๆของตนเองมีความหมายและมีความสุขกับการมีมาร์คัสเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต About a Boy ตีแผ่ความรู้สึกของผู้ชายโสด ว่าลึกๆแล้วผู้ชายที่ทำทีเหมือนกลัวการผูกมัดจนไม่กล้าแต่งงานนั้น ในลึกสุดใจได้ซ่อนความเหงา ความสับสนและหวาดหวั่นกับชีวิตโสดของตัวเองพอๆกับผู้หญิงเช่นกัน มิตรภาพความผูกพันที่ไม่คาดคิดระหว่างวิลล์และมาร์คัส หนังทำออกมาให้เราได้หัวเราะทั้งๆที่น้ำตายังซึมๆอยู่ที่หางตาอยู่เลยครับ ฝีมือการกำกับของคุณพี่พอล ไวท์ซและคริส ไวท์ซ เพื่ออรรถรสครบถ้วนหาดีวีดีเรื่องนี้มาดูจบแล้วอ่านหนังสือต่ออีกรอบเพื่อความแน่นแฟ้นในอารมณ์ครับ
|
|
|
|
|
|
เรื่องต่อมา ผมขอแนะนำ หนังของนางเอกเจ้าเสน่ห์ น้องเคท ฮัดสัน แฮ่ไม่ใช่ How to Lose a Guy in 10 Days หรอกครับ น้องเคท ยังมีหนังน่ารักอีกเรื่องหนึ่ง Raising Helen ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายในปี 2004 ผลงานกำกับของ พี่แกร์รี่ มาร์แชลล ผู้กำกับที่โด่งดังจาก Pretty Woman และเมื่อไม่นานนี้ก็ The Princess Diaries จะเรียกว่าพี่แกร์รี่แกเป็นผู้กำกับขวัญใจสาวๆคงไม่ผิดนัก
|
|
|
|
|
|
น้องเคทรับบทเป็น เฮเลน แฮริส สาวโสด แสนเปรี้ยว ทำงานในโมเดลลิ่งชั้นนำในนิวยอร์ค เฮเลนกำลังสนุกและก้าวหน้าไปได้ดีกับหน้าที่การงานที่เธอปลื้ม สาวเปรี้ยวอย่างเฮเลนเฉิดฉายไปตามงานแฟชั่นโชว์ ตามผับสุด HIPที่รวมของเหล่าเซเลบริตี้ในสังคม เป็นชิวิตที่อยู่ห่างไกลจากคำว่า แม่บ้าน โดยสิ้นเชิง แต่แล้วเหมือนฟ้าผ่ากลางแดดจ้า เมื่อเธอต้องมารับหน้าที่ดูแลลูกๆ 3 คนให้พี่สาว
ดูไปเรื่อยๆผมรู้สึกว่าน้องเคทเธอมีบุคลิกคล้าย น้องแอน ทองประสมนะครับ เสียงหัวเราะของเธอทำให้โลกน่าอยู่มากขึ้น ผมชอบฉากที่เธอไม่รู้จะจัดการกับหลานสาววัยรุ่นอย่างไร เมื่อหลานสาวริอ่านมีแฟนก่อนวัยอันควร เธอระบายความอัดอั้นและร้องไห้ได้น่าสงสารไม่ห่วงสวยเลยครับ แต่ที่อาจขัดหูขัดตาไปบ้างก็ตรงที่พระเอกดันเป็นบาทหลวงมั้งครับ เป็นหนังที่เบาๆดูสบายๆ แม้ plot จะอ่อนเบา แต่อาศัยเสน่ห์ของนักแสดงนำรวมทั้งดาราสมทบอย่างน้าโจน คูแซ็ค ที่สวมบทเป็นพี่สาวของเฮเลน ที่เป็นแม่บ้านมืออาชีพ คอยเป็นกุนซือสอนการเลี้ยงเด็กวัยรุ่นให้เฮเลนทำให้หนังสนุกกลมกล่อมกำลังดีครับ ติดตามชีวิตของสาวโสดที่ต้องเลือกในการรับผิดชอบหน้าที่การงานที่เธอภาคภูมิใจให้ดีที่สุด กับการเป็นผู้นำครอบครัวที่ดูจะสวนทางกับหนทางวิถีเดิมๆ ที่เธอเคยชิน การรักษาทั้งสองสถานะที่เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้ส่วนใดต้องบกพร่องเพื่อที่จะไม่ต้องสูญเสียทั้งสองสิ่งที่รักไป แม้จะดูไปแล้วเป็นหนังเรียบๆ ธรรมดา เอาเป็นว่าแค่ได้ดูความน่ารักของน้องเคทน่าจะหักกลบลบข้อด้อยไปได้บ้างครับ
|
|
|
|
|
|
เรื่องนี้ผมขอเอาใจสาวโสด หนุ่มโสด(สูงวัย) Something s Gotta Give ครับ ออกฉายในปี 2003 เป็นการประกบคู่กันของมวยถูกคู่ของฮอลีวูด ลุงแจ๊ค นิโคลสัน กับป้าไดแอน คีตัน ไม่รู้เป็นเพราะอะไรช่วงหลังผมดูหนังลุงแจ๊ค ไม่ว่าแกจะเล่นเรื่องไหนรับบทเป็นอะไร ผมนึกถึงลุงแจ๊คได้อย่างเดียว จากบทใน ภาพยนตร์เรื่อง As Goods As It Gets แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะผ่านมาหลายปีมากแล้วก็ตาม ก็ลุงแกเล่นได้เจ๋งจนผมอินมาถึงบัดนี้
Something s Gotta Give เรื่องของเพลย์บอยเฒ่า จอมเก๋า ที่รักษาความโสดไว้ตลอดกาล นามแฮรี่ แซนบอร์น (ลุงแจ๊ค นิโคลสัน) แฮรี่ตั้งเงื่อนไขไม่ทิ้งลายเพลย์บอยเฒ่าว่า จะเลือกออกเดตเฉพาะกับสาวที่อายุต่ำกว่า 30 ปีเท่านั้น (อย่างนี้แถวบ้านเรียก แก่เลือกได้นิ) แฟนสาวคนล่าสุดของแฮรี่คือ มาลิน (แสดงโดยน้องอแมนด้า พีท)
ทั้งคู่นัดกันไปดื่มด่ำความสุขกันที่บ้านพักติดทะเลของแม่ฝ่ายสาวเจ้า เอริก้าแม่ของมาลินเป็นนักเขียนบทละครสุดเท่ เป็นผู้หญิงที่เชื่อมั่น เป็นตัวของตัวเอง และยืนหยัดได้โดยไม่พึ่งผู้ชาย ใช่ครับแสดงโดย ป้าไดแอน คีตัน ชีวิตจริงป้าไดแอน ก็เป็นผู้หญิงเท่ เก่ง เธอเป็นทั้งนักแสดง นักเขียนบท และโปรดิวเซอร์ ที่สำคัญยังโสดด้วยนะครับ ถึงแม้จะวัย 60 ปีแล้วแต่ป้ายังดูเป็นผู้หญิงเปี่ยมเสน่ห์ และงดงามสมวัยครับ
|
|
|
|
|
|
|
และเพราะความไม่เจียมสังขารของแฮรี่ทำให้เขาเกิดอาการโรคหัวใจกำเริบขึ้น ทำให้เอริก้าต้องรับหน้าที่ดูแลแฮรี่ด้วยความไม่เต็มใจ เอริก้านั้นไม่ค่อยจะชอบขี้หน้าแฮรี่เกรงว่าแกจะมาหลอกลูกสาวเข้า เมื่อทั้งคู่ได้มีโอกาสใกล้ชิดกันทำให้แฮรี่ตกหลุมรักเอริก้าเข้าอย่างที่ตัวเองก็คาดไม่ถึง และไม่เคยเกิดความรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนใดมาก่อน ขณะที่เอริก้าก็รู้สึกดีกับแฮรี่ เรื่องมันซับซ้อนเมื่อคุณหมอหนุ่มที่รักษาแฮรี่มาตกหลุมรักเอริก้าเข้าอีกคน (พี่เคียนู รีฟส์ ถอดแว่นดำและเสื้อโค้ตตัวยาวออก มาเป็นคุณหมอหน้าใสกิ๊ก) เห็นไหมครับว่าเอริก้าเป็นผู้หญิงที่ใครเข้าใกล้ก็อาจหลงรักได้ง่ายๆ ดูการเชือดเฉือนคารมและฝีมือของรุ่นใหญ่สามคนนี้ก็คุ้มแล้วครับ เป็นหนังตลกที่ถ้าไม่ได้ลุงแจ๊คและป้าไดแอนมาเล่น ก็ไม่รู้ว่าจะสนุกเท่านี้ไหม
Something s Gotta Give กำกับและเขียนบทโดย แนนซี่ ไมเออร์ส เจ้าของผลงานกำกับหนังครอบครัวสุดน่ารักอย่าง The Parent Trap บอกอีกนิดนะครับป้าไดแอน คีตันได้รับลูกโลกทองคำผู้แสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่องนี้และถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์จากบทนี้เช่นกัน ช่วยให้คุณตัดสินใจง่ายขึ้นไหมครับในการเลือกชมภาพยนตร์เรื่องนี้
|
|
|
|
|
|
ถ้าคุยกันเรื่องหนังเกี่ยวกับคนโสดแล้วไม่พูดถึงหนังเรื่องนี้ ได้โดนประณามตายแน่ๆ ถูกต้องครับ เรื่องต่อไป Bridget Joness Diary ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายในปี 2001 ทำให้ Bridget Jones กลายเป็นไอดอลของสาวโสดทั่วโลก ผมคิดว่าเกือบทุกคนคงทราบแล้วเพราะความดังของหนังเรื่องนี้ ว่า Bridget Joness Diary เป็นนวนิยายของ เฮเลน ฟิลดิ้ง ที่ออกวางจำหน่ายในปี 1996 ซึ่งเฮเลน นำคอลัมน์ของเธอมาดัดแปลงเป็นนวนิยายที่ว่าด้วยเรื่องราวของสาวโสดวัยสามสิบที่พยายามลดน้ำหนักและตามหารักแท้ไปพร้อมๆกัน
นำแสดงโดย เรเน่ เซลวีเกอร์ ตอนที่ผมดูหนังเรื่อง Jerry Maguire ผมว่าทำไมนางเอกเรื่องนี้ดูอ้วนๆผิดมาตรฐานฮอลีวู้ดชอบกล ต่อมาเมื่อเธอมาสวมบทเป็น บริดเจต โจนส์จึงโดนใจผมเป็นการส่วนตัว แม้ว่าใน Jerry Maguire ตอนนั้นเธอจะไม่อ้วนเท่าในบริคเจต โจนส์ก็ตาม บริดเจต เป็นสาวโสดวัยสามสิบกว่าๆ ที่มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการลดน้ำหนักและมองหาความรัก เธอทำงานในสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่และแอบปลื้มเจ้านาย (แสดงโดยพี่ฮิวจ์ แกรนท์ ก็ผมบอกแล้วว่าแกเป็นเจ้าพ่อหนังแนวนี้ แต่เรื่องนี้แกไม่ได้เป็นพระเอกครับ แป่ว) เธอพยายามหว่านเสน่ห์กับเจ้านายตัวเอง แต่ยิ่งทำก็ยิ่งเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น
|
|
|
|
|
|
วันหนึ่งในงานเลี้ยงที่บ้านเก่าของพ่อแม่ เธอมีโอกาสได้พบกับเพื่อนเก่าของครอบครัว มาร์ค ดาร์ซี (พี่โคลิน เพิร์ทแสดง)ทนายความหนุ่ม ด้วยความไม่มั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองและสับสนกับความรู้สึกที่ว่าตัวเองเป็นคนประหลาดที่ไม่มีใครมาหลงรักทำให้บริดเจตเกือบทำให้ความรักระหว่างเธอกับดาร์ซีพัง ผมคงไม่ต้องบอกใช่ไหมครับว่าเรื่องนี้จบอย่างแฮปปี้ ผมว่าที่ทำให้หนังและหนังสือเรื่องนี้โด่งดังถล่มทลายเพราะเฮเลน ฟิลดิ้งเขียนเหมือนไปนั่งอยู่กลางใจสาวโสดทั้งหลายที่พยายามควบคุมและจัดการกับแรงกดดันจากคนรอบตัว ก็ไอ้เรื่องมีคู่ไม่มีคู่นี่แหละครับ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม โลกเรามาไกลจนขนาดนี้แล้ว แต่สังคมยังคงให้ความสำคัญกับแรงเสียดทานเรื่องคู่ครองกันอยู่ ไม่เฉพาะแต่ประเทศเรา สังเกตจากปรากฏการณ์ Bridget Jones คงทำให้ตระหนักได้ว่า สังคมโลกให้ความสำคัญกับการครองคู่กันอยู่อย่างไม่ยอมรามือไปเร็วๆนี้แน่ หวังว่าคนโสดคงยังไม่ถอดใจง่ายๆนะครับ ถ้าดูหนังทั้งหมดที่ผมเสนอมาแล้วยังไม่หายเซ็ง ผมคงต้องยืมคำพูดของแม่สาวบริดเจตมาปลอบใจกันละครับ จะท่องไว้ปลอบใจตัวเองหรือเอาไว้พูดใส่หน้าใครก็ได้ครับ บริดเจตบอกว่า โลกนี้มันมีรูปแบบการดำเนินชีวิตมากกว่าหนึ่งแบบย่ะ หมายความว่าใครจะเลือกแบบมีคู่ตุนาหงันก็เลือกไป ส่วนชั้นไม่ขอเลือกแบบนั้น ... ฮิ้ววว
|
|
|
|
|
|
|
-- บูรพา --
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|