|
ตอนที่ 2: เรื่องตื่นเต้นที่ปางอุ๋ง
เช้าวันที่สอง พวกเราออกจากโรงแรมไปเก็บภาพในตลาดใกล้ๆ ซึ่งการเดินตลาดเช้านี้ เป็นกิจกรรมโปรดอย่างหนึ่งของพวกเรา ถ้าไม่เหนื่อยจนตื่นสายแล้ว พวกเราก็จะออกไปตระเวณหาตลาดเพื่อเก็บภาพ Life ตอนเช้ากันเสมอ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าฝนฟ้ายังไม่เป็นใจ โปรยลงมาไม่ขาดระยะ ทุกคนเลยงัดเอาเสื้อกันฝนมาคลุมกันอีกครั้งหนึ่ง
กลับจากเดินตลาด พวกเราก็เข้าไปทานอาหารเช้า ก่อนออกเดินทางเข้าเมือง ซึ่งระหว่างทางจากแม่สะเรียงไปอำเภอเมืองนั้น เราจะผ่านแม่ละอูบซึ่งมีทิวทัศน์ที่สวยงามมาก โดยเป็นเส้นทางที่ขึ้นไปหมู่บ้านห้วยห้อม ผมอยากจะแนะนำให้คนที่ผ่านเส้นทางนั้น ได้ใช้เวลาสักชั่วโมงหรือสองชั่วโมง เพื่อชื่นชมกับธรรมชาติที่งดงาม ยิ่งถ้าไปในหน้าหนาว รถจะขึ้นไปถึงหมู่บ้านห้วยห้อมซึ่งมีโครงการในพระราชดำริ เป็นเสื้อทอขนแกะ และมี Home stay สำหรับผู้ที่ชื่นชมวิถีชนบท
|
|
|
|
|
|
น่าเสียดายที่วันนั้น ฝนตกจนทางเป็นโคลน ซึ่งวิทย์คนขับรถยืนยันว่าสามารถขับผ่านไปได้ แต่ผมดูแล้ว ต้องขอให้ถอยดีกว่า เพราะต้องรักษาเวลาไว้สำหรับเดินทางไปที่ปางอุ๋งด้วย มิฉะนั้นอาจไปถึงในตอนมืด พวกเราเลยลงจากเขาเข้ามาทางแม่อูคอ และเดินทางขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ จนเข้าตัวเมืองราวๆ บ่ายสองโมง จึงได้แวะทานอาหารกันที่ร้านใบเฟิร์น เจ้าประจำ ซึ่งก็ไม่ทำให้พวกเราผิดหวังกับรสชาดอาหารที่อร่อยถูกปากทุกคน
|
|
|
|
|
|
เมื่ออิ่มกันได้ที่ ล้อก็หมุนอีกครั้ง เพื่อมุ่งหน้าไปปางอุ๋งที่เราได้จองที่พักเอาไว้ล่วงหน้า ซึ่งพวกเราก็ได้ซื้อเสบียงอาหารมาตุนเอาไว้พอสมควร เพราะทราบดีว่าที่พักที่นั่นจะไม่ค่อยมีอะไรให้มากนัก
ระหว่างทาง พวกเราได้แวะเก็บภาพทุ่งนาสีเขียวชอุ่ม ได้ตลอดสองฝั่ง จนพอเข้าใกล้ปางอุ๋ง ฝนก็เริ่มลงเม็ด จนเราไม่สามารถเก็บภาพพระอาทิตย์ตกในบริเวณที่พักได้ และยิ่งไปกว่านั้น ห้องพักของเรา ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ใกล้เคียงกับความคาดหมายของเราเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเราจะเตรียมใจไปแล้วบ้าง แต่พอเจอกับสภาพห้องพักนี่ ถึงกับ อึ้ง ไปเลยทีเดียว
|
|
|
|
|
|
บ้านพักทั้งหลังมีไฟให้ดวงเดียว ไม่มีปลั๊กใดๆ ให้เสียบได้ และจะมีไฟฟ้าใช้เฉพาะช่วงหกโมงครึ่งจนถึงสี่ทุ่มเท่านั้น และหากจะเข้าห้องน้ำ จะต้องถือเทียนไปด้วยเสมอ เพราะในห้องน้ำจะไม่มีโคมไฟใดๆ ทำเอาพวกเรารู้สึกพูดไม่ออก เพราะตั้งใจว่าจะยอมลำบากเพื่อมาเก็บภาพถ่ายตอนแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า แต่นี่กลายเป็นว่าภาพก็ไม่ได้ แถมที่พักก็ลำบากกว่าที่คิด และยิ่งไปกว่านั้น พวกเราไปสั่งอาหารที่ร้านอาหารที่มีอยู่แห่งเดียวในที่พักนั้น ก็ปรากฎว่าน้ำไม่ร้อน เลยทำอาหารไม่ได้ พวกเราเลยได้ทานไข่เจียวสี่สิบห้านาที เพราะใช้เวลาทำประมาณนั้น ส่วนข้าวต้มก็กลายเป็นข้าวแช่...สนุกไปอีกแบบ
|
|
|
|
|
|
ตกกลางคืน ภายในบริเวณนั้นก็มืดสนิท เพราะอยู่กันกลางป่า ทรายกับจัสก็ได้แยกไปนอนที่กระท่อมอีกหลังหนึ่ง ส่วนเพื่อนเจ้าของโรงเรียนต้องแยกไปนอนอีกห้องหนึ่ง (เพราะดันไม่พาแฟนมาด้วย) ผมจึงบอกให้เพื่อนที่ต้องนอนคนเดียว ให้มานอนรวมกันที่ห้อง แต่เพื่อนปฎิเสธ พวกเราจึงทยอยกลับห้องนอน ซึ่งเด็กๆ ก็บ่นว่าลำบากกว่าเข้าค่ายเสียอีก จะแปรงฟันยังยากเลย ไม่ต้องพูดถึงการอาบน้ำ ครอบครัวเราจึงลงมติที่จะนอนเลยแล้วค่อยอาบน้ำกันในตอนเช้า
กลางดึกคืนนั้น เราก็ได้มีโอกาสต้อนรับเพื่อนเจ้าของโรงเรียนของเราอีกครั้ง ที่มาเคาะประตูห้องเพื่อขอนอนด้วย โดยไม่ยอมบอกสาเหตุ ซึ่งผมดูจากสีหน้า (ทั้งๆ ที่มืดๆ) ก็พอจะบอกได้ว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน พวกเราเลยนอนรวมกันในห้องเดียวเพื่อความอุ่นใจ
|
|
|
|
|
|
เช้าวันต่อมา อากาศก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าไร ไม่มีแสงอาทิตย์ลอดมาให้เห็น พวกเราเลยเก็บภาพยามเช้าในป่าสนไปเรื่อยๆ ก่อนที่เพื่อนเจ้าของโรงเรียนจะมาเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนดึกคืนก่อนนั้น โดยสรุปได้ว่าเพื่อนของเรานอนอยู่ ก็รู้สึกเคลิ้มหลับไปโดยเห็นมีใครบางคนลอยลงมาจากเพดาน มากดทับที่ตัวของเขา และไม่ใช่แค่ร่างเดียว แต่มีด้วยกันสามร่าง พอเขาตั้งสติได้ก็เลยพยายามลุกขึ้นมา จากนั้นก็ตัดสินใจสละฐานที่มั่น เดินจากกระท่อมของเขามาขออาศัยที่บ้านพักหลังของเรา
ส่วนผมก็ฝันแปลกๆ เหมือนกันแต่ไม่น่ากลัวเท่าไร เพราะเห็นเป็นจระเข้สามตัวติดตามเพื่อนของผมเข้ามาในห้อง ผมจึงได้ถามไปว่าเขาพาจระเข้มาด้วยทำไม จากนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องพักตอนที่เพื่อนของผมมาขอนอนด้วย พวกเราเลยสรุปว่า เพื่อนของผมนับถือคริสต์ จึงไม่ได้ผูกสายสิญจ์ที่ข้อมือจากดอยสุเทพเหมือนกับคนอื่นๆ เลยโดนผีอำอยู่คนเดียว
|
|
|
|
|
|
จากปางอุ๋ง พวกเราก็มุ่งหน้ากลับเข้าเมืองเพื่อทานอาหารกลางวัน ก่อนที่ออกเดินทางต่อไปยังเมืองปายอันเป็นเป้าหมายลำดับต่อไป โดยในระหว่างทาง ฝนก็ยังคงตามพวกเรามาโดยตลอด เล่นเอาเสื้อกันฝนที่ซื้อมาจากร้าน Daiso กลายเป็นของสำคัญขึ้นมาโดยปริยาย
|
|
|
|
|
|
แต่ก็น่าแปลก เมื่อพวกเราเข้าไปในอาณาเขตเมืองปาย ฝนก็หายไป เราจึงไปเช็คอินที่โรงแรม The Quarter ซึ่งเราเคยมาพักในครั้งก่อน เด็กๆ ก็ดีใจกันใหญ่ เพราะไม่ต้องทนนอนบนไม้กระดานแข็งๆ แบบที่ปางอุ๋งอีกแล้ว เราเลยเถลไถลกันจนค่ำ ก่อนที่จะเข้าเมืองเพื่อไปทานอาหารที่ร้าน บ้านปาย ที่มีอาหารอร่อยมากๆ ชนิดชูให้หนึ่งนิ้วโป้ง
ก่อนกลับโรงแรม พวกเราก็เลยถือโอกาสเดินช็อปปิ้งในถนนแถวนั้นอีกสักหน่อย แล้วก็ได้ของติดไม้ติดมือมาไม่น้อยทีเดียว
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
-- Isyss -- |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|