home
about bareo
news & event
art of design
decor guide
the gallery
living young
talk to editor
links
back issue
 
 

 

 

            สวัสดีค่ะกลับมาพบกันอีกครั้งใน  นู๋นิดหน่อยออน์ทัวร์ ค้า..  นิดหน่อยไม่ได้พาทัวร์มานาน วันนี้ นิดหน่อยกลับมารับหน้าที่อีกครั้งค่ะ ทัวร์วันนี้นิดหน่อยขอนำเสนอ เรื่องราวของนานาหน้าต่างค้า หน้าต่างที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี่แหละค่ะ ในความเป็นจริงแล้วหน้าต่างมีส่วนทำให้ห้องมีความรู้สึกและบรรยากาศที่แตกต่างกันค่ะ เพราะทั้งขนาด ความกว้าง ความสูง รวมไปถึงรูปแบบการแบ่งช่องก็มีส่วนค่ะ ทำให้ได้หน้าต่างที่มีแบบแปลกออกไป และเมื่อหน้าต่างต่างกันไปแล้วก็มีผลต่อการเลือกผ้าม่านด้วยว่าจะเป็นแบบไหน เห็นไหมค่ะ แค่นี้คุณเริ่มรู้สึกแล้วใช่ไหมคค่ะว่า หน้าต่างก็เป็นสิ่งสำคัญมากๆ จุดหนึ่งไม่แพ้ส่วนอื่นๆ ค่ะ นิดหน่อยขอพาชมทั้งหมด 11 spot ด้วยกันค่ะ เรามาตามดูกันนะค่ะว่า 11 spot ของหน้าต่างและม่านเชื่อมโยงกันอย่างไรบ้างค่ะ

 

 

 


 
   
 

 

 

            1. เริ่มด้วยหน้าต่างแบบ Sash Window ค่ะ หรือ บางครั้งเรียกว่า Double hung windows  ค่ะ แค่ฟังชื่ออาจดูเหมือนแปลกๆ เป็นแบบไหนใช่ไหมค่ะ แต่ถ้าบอกว่าลองนึกถึงหน้าต่างแบบที่มีช่องหน้าต่างอยู่ช่องเดียว แต่แบ่งครึ่งตามขวาง  เป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งจะเป็นกรอบกระจกติดตายอีกส่วนจะใช้เป็นบานเปิดแบบเลื่อน ไปหาอีกฝั่งหนึ่งที่ติดตายค่ะ โดยมากเราจะเห็นที่เป็นแบบล็อคติดด้านบน และใช้ส่วนล่างเลื่อนขึ้นเพื่อเปิดรับลมได้ ถ้านึกไม่ออกลองนึกหน้าต่างแบบในหนังฝรั่ง เอ..ถ้านึกอีทีเหมือนหน้าต่างในรถไฟเหมือนกันนะคะ หน้าต่างแบบนี้สามารถเลือกม่านได้เกือบทุกแบบค่ะ แต่โดยมาจะนิยมใช้ม่านแบบ blind ค่ะ

            2. Casement Window  คือ แบบหน้าต่างที่เราคุ้นเคยค่ะ เป็นหน้าต่างบานเปิดปกติ มีทั้งบานบานคู่ คือเปิดออกทั้งซ้ายและขวา และบานเปิดเดี่ยวที่เปิดซ้ายเหมือนกันหมด หรือเปิดขวาเหมือนกันหมดค่ะ หน้าต่างแบบนี้สามารถมีได้ตั้งแต่ 1-2 ช่องหน้าหต่างขึ้นไป บานเปิดแบบนี้ก็มีทั้งเปิดเข้าสู่ภายใน และเปิดออกสู่ภายนอกด้วยค่ะ ถ้าหน้าต่างแบบเปิดเข้าสู่ภายในมีข้อจำกัดค่อนข้างมากกว่าเปิดออกสู่ภายนอกตรงที่ว่า บริเวณหน้าต่างจะต้องตู้ และไม่มีสิ่งกีดขวาง และการเลือกผ้าม่านก็ต้องระวังมากเป็นพิเศษด้วย ไม่งั้นจะทำให้ผ้าม่านขาดได้ง่ายๆ ค่ะ หน้าต่างแบบ Casement Window เป็นที่นิยมทั่วไปทั้งใน อังกฤษ ยุโรป และเอเชีย เพราะเป็นแบบที่เข้าได้ง่ายในงานหลายๆ สไตล์ค่ะ ทั้งแบบ tradition style และ Modern style ค่ะ หน้าต่างแบบนี้โดยมากใช้ม่านได้เกือบทุกแบบค่ะ แต่โดยมาจะนิยมใช้ม่านแบบจีบ ค่ะ เพราะง่ายต่อการเปิดปิดหน้าต่าง แต่ถ้าใช้เป็นม่านพับ หรือ Roller bind ละก็ แนะนำให้แยกม่านเป็นส่วนๆ ตามกรอบช่องหน้าต่างค่ะ เพื่องายต่อการเปิดใช้หน้าต่าง

 

 
   
 

 

 

            3. Picture Window คือ แบบหน้าต่างที่ทำขึ้นล้อกรอบรูปที่มีขนาดใหญ่เล็กวางเรียงอยู่ด้วยกัน หน้าต่างแบบนี้บางทีก็ใหญ่มาก ก็เพราะว่าสามารถเลือกให้ช่องใดช่องหนึ่งล็ก หรือ ช่องใดเปิดก็ได้ตามความเหมาะสม นอกจากนี้การเลือกเปิดยังคละแบบกันได้อีดด้วยว่าจะมีทั้งแบบเปิดแบบ Sash window และ Casement window รวมอยู่ด้วยกันก็ได้ค่ะ โดยมากหน้าต่างแบบนี้จะเป็นหน้าต่างที่มีขนาดใหญ่ ต้องการเน้นการรับแสงจากภายนอกเข้าสู่ภายใน เพื่อเน้นให้ห้องดูสว่าง และโปร่ง การเลือกม่านสำหรับหน้าต่างแบบนี้ใช้ได้คล้ายๆ กับหน้าต่างแบบ Casement Window

 

            4. Small Window แค่ชื่อก็รู้แล้วใช่ไหมค่ะ ว่าหน้าต่างต้องเล็ก บางคนเห็นหน้าต่างแบบนี้ก็อาจมีการประชดกันนิดนิด ก็ได้ค่ะว่า แหม..หน้าต่างเท่าช่องระบายอากาศเลยค่ะ (อันนี้อาจเวอร์นิ๊ดค่ะ) โดยตัวหน้าต่างเองก้เล็กอยู่แล้ว การใช้ม่านแบบที่มีบังรางเป็นเรื่องต้องห้ามค่ะ สำหรับหน้าต่างแบบนี้ การเลือกม่านใช้ได้ทั้งแบบจีบและแบบพับค่ะ หรือถ้าหน้าต่างเล็กๆ อย่างนี้นิดหน่อยแนะนำให้ติดสติกเกอร์ฝ้าก็ไม่เลวนะคะ ไม่บังสายตาด้วย และก็มีแสงผ่านเข้ามาได้ด้วยค่ะ

 

 
   
 

 

 

            5. Tall Window เราเรียกหน้าต่างแบบนี้ว่าเป็นหน้าต่างรับลมค่ะ หรืออาจเรียกได้ว่าหน้าต่างอิจฉา เพราะอาจทำให้ข้างๆ บ้านเค้าสามารถแอบมองกิจกรรมภายในบ้านของเราและอิจฉาค่ะ การเลือกม่านสำหรับหน้าต่างแบบนี้ขอแนะนำให้ใช้ม่านแบบ Roller Bind ค่ะ เพราะม่านแบบนี้สามารถปรับม่านได้ตามความต้องการเมื่อเราต้องการความเป็นส่วนตัว หรือ ใช้ควบคุมแสงที่ผ่านเข้ามาว่าต้องการให้แสงผ่าน มาก-น้อย แค่ไหนค่ะ

 

            6. Arched Window เป็นหน้าต่างที่ต้องคำนึงถึง design และการตกแต่งมากกว่าหน้าต่างแบบอื่นๆ เพราะการที่บ้านเลือกออกแบบหน้าต่างให้เป็นซุ้มโค้งแบบนี้นั้นบ้านต้องเป็นสไตล์ยุโรป และการตกแต่งภายในก็ต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกันค่ะ หน้าต่างแบบนี้เป็นที่นิยมกันของงานสไตล์อิตาลี และสไตล์แถบยุโรป ที่เน้นการออกแบบแบบมีซุ้มโค้งตามช่องประตูหน้าต่างค่ะ  ซุ่มโค้งของหน้าต่างแบบนี้มีทั้งที่เป็นแบบเหล็กหล่อและที่เป็นงานไม้ หน้าต่างแบบนี้นิยมใช้ม่านแบบจีบรูด อาจจะแบ่ง 2 ข้างหรือข้างเดียว หรืออาจเป็นแบบม่านหลุยก็ได้ค่ะ

 

 
   
 

 

 

           7. Door Window และ Doorway Window ปกติแล้วถ้าเป็นประตูที่ใช้เป็นทางเข้าออกหลัก การใช้ม่านจึงเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น เพราะเราจะใช้ม่านกับประตูทำหน้าที่เหมือนหน้าต่างต่างหาก Door Window และ Doorway Window นี้จะใช้กับประตูที่ไม่ค่อยใช้และใช้ม่านเพื่อบังสายตาจากประตูนี้ นอกจากนั้นหากเพิ่มแสงไฟที่ส่องหลังม่านนี้ยังช่วยสร้างบรรยากาศให้เหมือนมีหน้าต่าง ทำให้ห้องดูไม่อึดอัดจนเกินไป

 

            8. French Window คือ หน้าต่างบานเปิดขนาดใหญ่เป็นหน้าต่างกระจก   อย่างเช่น ประตูทางออกระเบียงที่นิยมใช้หน้าบานเป็นกระจกบานใหญ่ เพื่อรับแสงที่ส่องเข้ามา และช่วยสร้างบรรยากาศให้ห้องดูโปร่ง นอกจากนี้หน้าต่างแบบนี้ยังเป็นจุดรวมสายตาของห้องอีกด้วย หน้าต่างแบบนี้โดยมากจะเป็นบานเปิดคู่แบบเปิดออกสู่ภายนอก และภายในจะเป็นบานเกล็ดไม้ บานเกล็ดกระจก หรืออาจเป็นม่าน  2 ชั้น คือม่านโปร่งเพื่อกรองแสง และม่านทึบที่มี back light เพื่อไม่ให้แสงเข้ามาได้

 

 
   
 

 

 

           9. Sliding Window  เป็นหน้าต่างขนาดใหญ่ คล้ายๆ กับ French Window ต่างกันตรงที่ Sliding Window เป็นหน้าต่างที่มีบานแบบ slide มีความสูงแบบเต็มผนัง หรือชนฝ้า มีวงกบโดยรอบและมีพื้นที่เหลือเผื่อติดม่านประมาณ 15-20 เซนติเมตร สำหรับติดรางม่าน ไม่ว่าจะเป็นม่านจีบแบบโชว์รางหรือ แบบไม่โชว์รางก็ตาม ต้องทีพื้นที่ตรงนี้  ข้อดีกว่า French Window คือ ประหยัดเนื้อที่กว่า แต่เป็นหน้าต่างแบบที่ไม่สามารถเปิดพร้อมๆ กันทั้งสองบานได้ค่ะ คอนโดสมัยใหม่นิยมใช้เป็นประตูออกระเบียง เพื่อประโยชน์ใช้สอยสูงสุดของพื้นที่ค่ะ

 

           10. Bay Window หรือ Bow Window  เป็นมุมในฝันของหลายๆ คนที่อยากให้ห้องของตัวเองมีมุมหน้าต่างแบบนี้ แต่มุมแบบ Bay Window หรือ Bow Window  เป็นหน้าต่างที่ต้องทำตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง เพราะจะเกี่ยวข้องกับงาน architect เป็นมุมที่สามารถมองวิวได้รอบทิศทาง 180 องศา เมื่อตั้งโต๊ะทำงานเจ้าของห้องจึงยินดีที่จะหันหลังหันกับประตู เพื่อที่จะหันหน้าออกสู่วิวภายนอกค่ะ ชื่อ Bay Window หรือ Bow Window มาจากลักษณะของมุมหน้าต่างว่าโค้วกว่าด้านอื่นที่เป็นจตุรัส มีทั้งแบบที่เป็น 8 เหลี่ยมและที่เป็นทรงรีโค้งค่ะ

 

 
   
 

 

 

            11. สุดท้าย Skylightป็นหน้าต่างในฝันของทุกคนไม่แพ้หน้าต่างแบบ Bay Window หรือ Bow Window  เพราะเป็นหน้าต่างที่กินพื้นที่ในส่วนฝ้า ทำให้สามารถมองดูวิวได้อีกมุมหนึ่ง ต่างจากมุมทั่วๆ ไปของหน้าต่าง และยังสามารถมองดูดาวได้อีกด้วยค่ะ  หน้าต่างแบบนี้มีที่มาจากห้องใต้หลังคาของบ้านสมัยก่อน และเมื่อมีการพัฒนาขึ้นมา ห้องที่มีหลังคาแบบ Skylight มักใช้ม่านแบบม่านพับ เพราะจะสามารถรูดเก็บได้เป็นส่วนๆ ค่ะ

 

 
   
 

 

 

            หน้าต่างทั้ง 11 เป็นที่นู๋นิดหน่อยนำเสนอวันนี้เป็นแบบพื้นฐานที่มักพบเห็นกันเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่บางท่านอาจจะไม่รู้ว่าจะเรียกแยกแต่ละแบบกันอย่างไรดีเท่านั้นค่ะ เพราะแต่ละแบบก็มีข้อดี ข้อด้อยแตกต่างกันไป เลือกใช้ตามความเหมาะสมแล้วกันนะคะ

 

 
           
           
           
  -- นู๋นิดหน่อย --        
           

 


บริษัท บาริโอ จำกัด

50 ซอยบรมราชชนนี 4 ถนนบรมราชชนนี เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700   Tel. 66 2881 8536-7   Fax. 66 2881 8538