จากเกาะราชา สู่ เกาะเมืองเก่าภูเก็ต |
หากมีคำถามว่า จะไปเที่ยวภายใต้ ไปไหนดี ภูเก็ต.. คงเป็นคำตอบของหลายๆ คนทีเดียวใช่ไหมค่ะ พิ้งกี้เองก็เหมือนกันค่ะ อาจจะมีเหตุผลแฝงนิดๆ ว่าเป็นเมืองที่เพื่อนสนิทได้ย้ายภูมิลำเนามาตั้งรกราก |
การเดินทางไปภูเก็ตในแต่ละครั้งของพิ้งกี้ก็ง่ายๆ แบบว่า ปีกแดง มี pro เมื่อไหร่ เราก็ไปเมื่อนั้นแล แหม..ก็มันถูกเจงๆ นี่นา ไป-กลับ พันกว่าๆ ใครไม่ไปบ้างล่ะ (แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับว่าสามารถหนีงานไปได้แค่ไหน เพราะไปทีมันก้ต้อง หลายวันหน่อยใช่ไหมคร้า..) |
แผนการเดินทางกะไว้ว่าคร่าวๆ คือจองตั๋วไป-กลับได้เป็น ไปเย็นวันพหัสบดี ไฟท์ 2 ทุ่ม กลับคืนวันจันทร์ ก็ 4 คืน 4 วันกะลังดี ไม่มากไม่น้อย ที่เหลือไปหาเอาข้างหน้าจบ เป็นแผนการคร่าวๆ จริงๆ ค่ะ |
|
วันเดินทางทุกคนขู่มาก เพราะเป็นช่วงที่ไข้หวัด 2009 กำลังระบาด ที่สนามบินให้ระวังมากๆ พิ้งกี้ก็เตรียม Mask ไปถุงหนึ่ง กะว่าอาจต้องใช้ตลอดการไปภูเก็ตในครั้งนี้ ที่ไหนได้ ไม่เห็นมีใครปิดสักคนค่ะ เออ..ไม่ปิดก็ได้ แต่แบบน่อย( พารานอยด์ ) มากๆ ใครไอ เราสะดุ้ง ประมาณนั้น |
ถึงสนามบินภูเก็ต 3 ทุ่มกว่าๆ เพื่อนมาจอดรถรอด้านหน้าสนามบิน มารับไปบ้าน แล้วถามว่าพรุ่งนี้จะไปเที่ยวไหนจะไปส่ง ??? ตอบได้งัยค่ะ ก็ยังไม่ได้คิดเลย นึกถึง one day trip ที่เคยเห็น ในพี่ goo ทันที พี่ goo ช่วยได้จริงๆ ค่ะ เกาะราชา เป็นคำตอบสุดท้าย ประกอบกับเคยได้ยินมาว่า เกาะราชามีเกาะเล็กๆ ไม่ไกลจากฝั่งภูเก็ตประมาณ 15 กม.นั่งเรือไม่เกินชั่วโมง และยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มาก แค่นี้ก็สนับสนุนการติดสินใจแล้วค่ะ |
One Day Trip เริ่มจากมีรถมารับแถวๆ ตัวเมืองค่ะ ไปส่งท่าเรือ จากนั้นเรือจะพาลูกเรือ 10 ชีวิตที่มีสมาชิกเป็นคนไทยคือ พิ้งกี้และเพื่อนค่ะ ส่วนคนอื่นๆ เป็นหนุ่มสาวไต้หวัน 2 คู่ กะหนุ่มญี่ปุ่นอีก 4 คน ออกเดินทางไปแวะเกาะเฮก่อน 2 ชม. เกาะเฮ หรือ Coral Island เป็นเกาะเล็กๆ เกาะหนึ่ง ที่มีหาดทรายอันขาวละเอียด มีปะการังน้ำตื้นที่ยังอุดมสมบูรณ์ น้ำทะเลใส มองเห็นฝูงปลาแหวกว่ายมากมาย กะกิจกรรมหลักของคนที่มาเกาะเฮ คือ เล่นเจ็ตสกี บานาน่า โบ๊ท เรือลากร่มโดยใช้เจ็ตสกีลากออกไป รอบละ 700 บาท จากที่สำรวจมาเล่นที่นี่ถูกว่าที่หาดป่าตองค่ะ พิ้งกี้ขอสมัครเดินเล่นกะนั่งเล่นที่ชายหาดรอเป้าหมายต่อไป คือ เกาะราชาค่ะ |
|
ระหว่างทางไปเกาะราชา ไกด์ประจำเรือถามว่ามีใครจะไม่ไปดำน้ำบ้างหรือเปล่า 2 สาวชาวไทยยกมือดังนั้นเรือจึงแวะส่งเรา 2 สาวชาวไทย ก่อนที่จะนำลูกเรือคนอื่นๆ ไปดำน้ำที่จุดดำน้ำ แล้วบอกเวลานัดหมาย ก่อนมารับไปรับประทานอาหารค่ะ |
ถึงแล้วเกาะราชา สวยมากค่ะสมคำร่ำลือ.. ท่าเอที่นี่เดิ้นมากค่ะ แพที่ทำจากถังน้ำผูกต่อกันยาง เพื่อให้เรือจอดให้ห่างจากเกาะ และรักษาปะการังใต้น้ำบริเวณรอบเกาะอีกด้วยค่ะ ที่สำคัญ มารู้ตอนหลังว่าแพนี้สามารถย้ายไปอ่าวอื่นได้ด้วยค่ะ เนื่องจากคลื่นและลมที่แรงมากในแต่ละฤดูกาลทำให้ท่าเรือเคลื่อนที่นี้ต้องย้ายไปตามอ่าวต่างๆ ตามทิศทางของลมในแต่ละฤดูกาลนั้นๆ ค่ะ |
เกาะราชา เกาะรายา หรือเกาะราชาใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 3,000 ตารางกิโลเมตร หาดทรายสีขาวสะอาด น้ำทะเลใสสะอาดลักษณะคล้ายทะเลแถบหมู่เกาะสิมิลัน มีอ่าวใหญ่ๆ 5 อ่าว ด้วยกันคือ อ่าวทือ อ่าวปะตก อ่าวสยาม อ่าวหลา และอ่าวขอนแค |
เรือส่งเราขึ้นฝั่งที่อ่าวทือ อ่าวทือเป็นอ่าวเล็กๆ ที่มีชายหาดไม่กว้างมากนัก ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะราชา น้ำใสมาก พิ้งกี้สามารถเดินลุยน้ำดูปลาปละปะการังน้ำตื้นในระยะใกล้ได้เลยค่ะ จากนั้นเราเดินตัดตรงจากอ่าวไปสัก 15 นาทีค่ะจะเป็นอ่าวปะตก อ่าวตะวันตก หรือ อ่าวปะตก เป็นอ่าวที่สวยที่สุดของเกาะราชาก็ว่าได้ค่ะ ถ้านักอนุรักษ์มาเห็นคงต้องบ่นค่ะ เพราะอ่าวนี้เป็นที่ตั้งของรีสอร์หรู เดอะราชา ค่ะ คนที่จะอยู่บริเวณนี้ได้ต้องเป็นแขกของรีสอร์ทเท่านั้น อ้อ! โชดดีอยู่หน่อยค่ะว่าถ้าเป็นหน้า high แพเรือจะต้องย้ายมาติดที่อ่าวนี้ค่ะ ทำให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสชทโฉมความงามของหาดนี้ได้นิดหน่อยคร้า ไหนๆ มาแล้วเลยขอชมห้องเค้านิดหน่อย ชมแล้วขอบอกว่าเริดสุดๆ ค่ะ เหมาะกะคู่ฮันนีมูนเชียวค่ะ |
|
เดินออกจากอ่าวปะตก ไปหนึ่งอึดใจจะมีทางแยก เลี้ยวซ้ายและป้ายบอกทางไปอ่าวสยามค่ะ อ่าวสยาม เป็นอ่าวที่มีชาดหาดยาวที่สุดของเกาะค่ะ บรรยากาศดีมาก มาก ค่ะ มีลมพัดตลอด มีเรือของนักท่องเที่ยวแวะจอดดำน้ำเป็นระยะๆ พิ้งกี้เดินได้แค่หาดนี้ เพราะเห็นแล้วหลงรักค่ะ ขอนั่งอยู่ที่นี่นานๆ หน่อย นานจนไกด์ส่งรถกระป๋องมาตามค่ะ ว่าจะกลับไหม หรือจะค้าง อ้าว.. กลับสิค่ะ |
อีก 2 อ่าว คือ อ่าวหลา เป็นอ่าวที่มีหาดเล็กๆ ยาวประมาณ10-15เมตร ซึ่งเป็นจุดดำน้ำที่สวยที่สุดของเกาะราชาใหญ่ และอ่าวขอนแค เป็นจุดดำน้ำที่สวยงามและสมบูรณ์อีกอ่าวของเกาะราชา จุดดำน้ำนี้จะพบปะการังเขากวาง ประการังอ่อนค่ะ |
จากที่คุยกะไกด์ได้ความว่า เกาะราชาเป็นเกาะที่สวยมากๆ ไม่แพ้หมู่เกาะสุรินทร์ค่ะ เพราะทรายที่นี่ขาวกว่า ละเอียดกว่า เกาะราชาได้เปรียบตรงที่แฝงอยู่ใกล้ๆ กับเกาะใหญ่อย่างภูเก็ต และไม่ได้อยู่ในมหาสมุทร ทำให้คลื่น ลม ที่พักเข้ามาก็เบากว่า เหมาะแก่การดำน้ำตื้นค่ะ |
|
เรือนำเที่ยวพาเรากลับสู่ฝังเวลา 16.00 น. จากนั้นรถของบริษัททัวร์ก็ส่งเรากลับเข้าตัวเมืองอีกที เย็นนี้แวะตลาดท้องถิ่นเดินหาอาหารพื้นบ้านกลับไปกินกันที่บ้านเช่น หมูผัดเต้าหูยี้ หมกปลา ผักหวานต้มกะทิ
เป็นอาหารที่เราหากินที่ไหนไม่ได้อีกแล้วค่ะนอกจากที่นี่ ขนซื้อกันไปจนเพื่อบ่นว่าจะกินกี่วันนี่.. |
วันนี้เราตื่นกันค่อนข้างเช้า แม้ว่าจะเป็นวันหยุด เพราะวันนี้ช่วงเช้า จะไปทำบุญกัน พิ้งกี้มักจะอ้างกับทุกคนและตัวเองเสมอว่า เราเป็นคนเมือง หาเวลาไม่ค่อยได้ วันนี้เพื้อนพาพิ้งกี้ไปทำบุณที่สำนักสงฆ์ เป็นครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้ที่เข้าสำนักสงฆ์ ที่น่าสนใจคือ ทุกคนที่ไปจะนำอาหารของตัวเองไปใส่จานและวางไว้ที่ศาลาด้านนอก |
|
จากนั้นทุกคนต่างเข้าไปนั่งที่ศาลาใหญ่ ตรงกลาง มีพระสงฆ์อยู่ 2 รูปนั่งอยู่ที่อาสนะด้านหน้า นำสวดมนต์ ในผู้ที่มาร่วมกันสวดมนต์ เป็นทำนองคล้ายๆ กับเวลาสวดมนต์ยาวประจำสัปดาห์เลยค่ะ อันนี้ดีหน่อยที่มีหนังสือสวดมนต์วางไว้ให้ทุกคนสามารถอ่านตามไปได้ ขั้นตอนต่อไปก็เหมือนกับทั่วๆ ไป คือ ฟังธรรม พระสงฆ์ทั้ง 2 รูป รับการประเคนอาหาร กรวดน้ำ แล้วหลังจากนี้แหละเป็นไคล์แมกซ์ค่ะ สนุกค่ะ เพราะพวกเราต่างจะไปเดินหยิบอาหารที่มีการนำถวายพระ ทั้งที่เป็นของเราและของคนอื่นค่ะ อะไรที่เรามองแล้วอยากกินเราก็หยิบมาวางที่โต๊ะเรา โดยมากอาหารที่นำมาชาวบ้านจะทำเอง และอร่อยด้วยค่ะ เป็นวิถีที่เราไม่ได้พบอีกแล้วในสังคมเมืองค่ะ |
ช่วงบ่ายไปเดินเล่นที่ย่านเมืองเก่า เป็นย่านที่มี ตึกเก่าที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบสไตล์ชิโน-โปรตุกิส สถาปัตยกรรมที่มีการผสมผลานสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เหมือนทุกครั้งที่ไปภูเก็ต พิ้งกี้จะต้องเวลามาเดิน หลายครั้งเวลาไปเที่ยวในที่ต่างๆ จะมีความรู้สึกว่าอย่างนี้บ้านเราก็มีแต่ทำไมไม่ดูดีอย่างเขาบ้าง ครั้งนี้พิ้งพี้พบความเปลี่ยนแปลงค่ะ คือ กำลังมีการขุดเจาะถนนกันเพื่อวางท่อร้อยสายไปใต้ดินค่ะ เรียกว่าได้ใจพิ้งกี้ไปเต็มๆ ค่ะ ตั้งใจไว้ว่าเค้าทำเสร็จเมื่อไรจะไปเที่ยวภูเก็ตอีกครั้งค่ะ แล้วจะถ่ายรูปให้หน่ำใจค่ะ เพราะที่ผ่านมารู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่จะหยิบกล้องขึ้นถ่ายรูปตึกเก่าแบบชิโนโปตุกีส ก็ยอมรับนะคะว่าตึกสวย แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรกับสายไฟที่ห้อยย้อยระโรงระยางค่ะ ไว้คราวหน้าเหอะฮึ่ม!! |
|
ย่านเมืองเก่านี้ ตามอาคารหลายแห่งได้ถูกดัดแปลงให้เป็นแกลเลอรี่ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านสัก ร้านเฮน่า ไปจนถึงสำนักงาน ที่ล้วนแล้วแต่ต้องแข่งกันที่ idea การแต่งร้านค่ะ และที่สำคัญสำหรับถนนสายนี้ในวันที่พิ้งกี้ไปเดินเล่นนี้ |
เดินลัดเลาะไปมาจนเหนื่อยได้ที่แล้วตบท้ายด้วยขนมพื้นเมืองค่ะ โอเอ๋ว หรือบางคนเรียกว่า วุ้นกล้วย เป็นขนมที่ทำจากการนำเมล็ดโอวเอ๋ว (มีลักษณะคล้ายกับเม็ดแมงลัก) มาแช่น้ำแล้วเลือกเอาเฉพาะเมือกมาใส่เจี่ยกอ ซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญที่ทำให้โอวเอ๋วจับตัวเป็นก้อนคล้ายวุ้น ใส่กล้วยน้ำว้านิดหน่อยเพื่อดับกลิ่นของโอวเอ๋ว หน้าตาคล้ายๆ วุ้น ทานแบบน้ำแข็งใส เหมาะกับอากาศร้อนค่ะ ร้านแปะหลีเป็นร้านดังเดิมมานานจะอยู่เข้าไปในซอยนิดหนึ่ง ข้างๆร้านมีขนมกระทงทอง อาโป๊ว ขายชิมแล้วอร่อยทั้งสองอย่างเลยค่ะ ใครมีโอกาสไปเที่ยวภูเก็ตถ้ามีเวลาลองหาโอเอ๋วทานกันดูนะคะ มีขายที่ภูเก็ตนี้ที่เดียวคร้า.. |