สวัสดีครับ หลังจากผมที่ได้นำเสนอเรื่องราวของหลังคาไปแล้วทั้ง 3 ตอน คือ ประเภทของหลังคา โครงสร้างหลังคา และวิธีการดูแลรักษาหลังคาเบื้องต้น แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เกี่ยวกับหลังคา นั่นก็คือ ฉนวนกันความร้อน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นมากในปัจจุบัน ทำให้ฉนวนกันความร้อนเป็นปัจจัยหลักๆ ในการช่วยความร้อนให้กับบ้าน นอกจากช่วยให้บ้านเราเย็นสบาย แล้วยังจะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าจากค่าไฟที่ลดลง และที่สำคัญยิ่งคือช่วยชาติและโลกของเราประหยัดพลังงาน ดังนั้นเรามาดูกันว่าฉนวนกันความร้อนนั้นคืออะไร และมีหลักในการพิจารณาเลือกใช้อย่างไรบ้าง |
ฉนวนกันความร้อนโดยทั่วไปหมายถึง วัตถุหรือวัสดุที่มีความสามารถในการสกัดกั้นความร้อนไม่ให้ส่งผ่านจากด้านใด ด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งได้ง่าย (โดยธรรมชาติแล้ว ความร้อนจะเคลื่อนที่จากที่อุณหภูมิสูง ไปยังที่ที่มีอุณหภูมิต่ำเสมอ) การส่งผ่านความร้อนจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งของวัสดุใดๆ หรือการถ่ายเทความร้อน ( Heat Transfer ) ระหว่างวัตถุสามารถเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่ออุณหภูมิของวัตถุทั้งสองมีความแตกต่างกัน ซึ่งลักษณะการถ่ายเทความร้อนนั้นมี 3 วิธี โดยอาจเกิดขึ้นจากวิธีใดวิธีหนึ่งหรือหลายๆ วิธีพร้อมกันได้แก่
|
- การนำความร้อน ( Conduction ) คือ ปรากฏการณ์ที่พลังงานความร้อนถ่ายเทภายในวัตถุหนึ่งๆ หรือระหว่างวัตถุสองชิ้นที่สัมผัสกัน โดยมีทิศทางของการเคลื่อนที่จากบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงไปยังบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า โดยที่ตัวกลางไม่มีการเคลื่อนที่
|
- การพาความร้อน ( convection ) คือ การถ่ายโอนความร้อนที่เกิดจากที่สารใดสารหนึ่งได้รับความร้อนแล้ว ความหนาแน่นของอนุภาคน้อยลงขยายตัวลอยตัวสูงขึ้น พร้อมทั้งพาความร้อนไปด้วย ขณะเดียวกันส่วนอื่นที่ยังไม่ได้รับความร้อนยังมีความหนาแน่นของอนุภาค มากกว่า จะเคลื่อนมาแทนที่เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนสสารนั้นได้รับความร้อนทั่วกันจึงเรียกว่า "การพาความร้อน"
|
- การแผ่รังสีความร้อน ( Radiation) คือ การถ่ายโอนความร้อนที่เกิดจากแหล่งความร้อนหนึ่งไปยังสารที่มีอุณภูมิตํ่า กว่า โดยไม่ต้องอาศัยตัวกลาง เรียกว่า การแผ่รังสีความร้อน
|
การเลือกใช้ฉนวนมีหลักควรพิจารณาดังนี้
1. ช่วงอุณหภูมิใช้งาน ที่ฉนวนใช้ได้โดยไม่เสียหายหรือเสื่อมคุณภาพ
2. ค่าการนำความร้อน ค่าที่ต่ำกว่าจะลดการสูญเสียพลังงานได้ดีกว่า
3. กำลังการอัดบีบ ควรเลือกฉนวนที่ไม่เสียรูปทรงมาก โดยเปรียบเทียบจากปริมาณการเสียรูปทรงของฉนวนต่างๆที่ค่าเดียวกันว่ารับ กำลังการอัดบีบได้เท่าไร
4. ความทนทานต่อการติดไฟ
5. โครงสร้างเซลล์ ซึ่งจะเป็นสิ่งกำหนดว่าฉนวนจะดูดซับความชื้นยากง่ายเพียงไร
6. รูปแบบของฉนวน ความหนาและรูปทรงของฉนวนจะเป็นตัวกำหนดได้ว่า ฉนวนนั้นมีความเหมาะสมในการนำมาใช้งานหรือไม่แล้วทำให้เป็นเส้นใยด้วยวิธี บลาสต์ (ฺblast method) วิธีหมุนเหวี่ยง (centrifugal method) วิธีร็อด (rod method) หรือวิธีพอต (pot method) วิธีใดวิธีหนึ่งหรือหลายวิธีรวมกัน โดยใช้สารยึด (binding agent) ช่วยยึดเส้นใยแก้วให้เกาะเป็นแผ่น (glass wool board) ม้วน ท่อ (glass wool pipe) หรือรูปแบบอื่นๆ โดยมีวัสดุที่เหมาะสมปิดทับผิวหน้าด้วยหรือไม่ก็ได้
|
คุณสมบัติที่ดีของวัสดุความเป็นฉนวนกันความร้อน
1. น้ำหนักเบา และมีค่าความหนาแน่นน้อย
2. มีค่าการนำความร้อนต่ำ คือการให้ความร้อนไหลผ่านฉนวนได้ยาก
3. มีความคงทนต่อแรงอัดและแรงดึงได้เป็นอย่างดี
4. มีอัตราการดูดซับความชื้นที่ต่ำหรือไม่มีเลยยิ่งเป็นการดีมาก
5. มีความสามารถต้านทานการกัดกร่อนได้ดี
6. เปลี่ยนรูปได้ยาก และมีความคงตัวสูง
7. มีความทนต่อการติดไฟได้ดี ( ไม่ติดไฟ )
8. สามารถใช้ได้กับอุณหภูมิที่กว้างหรือทุกระดับได้
9. ติดตั้งง่ายและสะดวก
|
คุณสมบัติของฉนวนกันความร้อนแต่ละชนิด
1. วัสดุฉนวนอลูมิเนียมฟอยล์ มีความมันวาวของผิวแผ่นฟอยล์ มีสมบัติในการสะท้อนความร้อน ข้อดีคือทนความชื้น ไม่ติดไฟและไม่ลามไฟ ไม่ฉีกขาดง่าย
2. วัสดุฉนวนแบบโฟม เช่น โพลี่ยูรีเทนโฟม โฟมพอลิเอทิลีน มีข้อดีคือ สามารถคงสภาพเพิมได้แม้จะโดนน้ำหรือความชื้น ทนทานต่อกรดและด่าง
3. วัสดุฉนวนใยแก้ว หรือที่รู้จักกันในชื่อทางการค้าว่า ไมโครไฟเบอร์ มีโพรงอากาศเล็กๆ จำนวนมหาศาล ซึ่งแทรกอยู่ระหว่างเส้นใยแก้ว จะทำหน้าเก็บกักความร้อนไว้ และลดการส่งถ่ายความร้อนจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง นอกจากนี้โพรงอากาศเล็กๆ เหล่านั้นสามารถลดทอน พลังงานเสียงที่ผ่านเข้ามา ให้เหลือพลังงาน ที่สะท้อนออกไปน้อยลง วัสดุฉนวนใยแก้วจัดเป็น ฉนวนกันความร้อนและดูดซับเสียงที่มีประสิทธิภาพ มีความอ่อนตัว และคืนตัวดี สามารถทนไฟได้ประมาณ 300 องศาเซลเซียส ปัจจุบันยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า ใยแก้วเป็นอันตราย ต่อสุขภาพหรือไม่ จึงยังคงเป็นที่นิยมใช้กันอยู่ทั่วไป
4. วัสดุฉนวนใยหิน จัดเป็นเส้นใยจากธรรมชาติที่ไม่มีสารประกอบของ แอสเบสตอส (Asbestos) จึงปลอดภัยต่อสุขภาพ สมบัติในการกันความร้อน และดูดซับเสียง เทียบเท่ากับฉนวนใยแก้ว แต่สามารถทนไฟได้ดีกว่า ทั้งวัสดุฉนวนชนิดใยแก้ว และใยหิน มีข้อด้อยคือไม่ทนทานต่อความเปียกชื้น
|
ประโยชน์ที่ได้รับจากการติดตั้งฉนวนกันความร้อนหรือโฟมกันความร้อน
1. สามารถลดความร้อนหรือลดอุณหภูมิภายในอาคารลงได้มากกว่า 90% จากการพ่นฉนวนกันความร้อนโพลียูรีเทนโฟมหรือฉนวนป้องกันความร้อน
2. สามารถลดค่าใช้จ่ายในเรื่องค่ากระแสไฟฟ้าลงได้อย่างมากต่อปี ถ้ามีการติดตั้งฉนวนป้องกันความร้อนหรือฉนวนป้องกันร้อน
3 . ความคุ้มค่าต่อการลงทุนในระยะยาว เมื่อติดตั้งพ่นฉนวนกันความร้อนโพลียูรีเทนโฟมหรือฉนวนป้องกันความร้อน/ฉนวนป้องกันร้อน
|
เป็นอย่างไรบ้างกับหลักเกณฑ์ง่ายๆในการเลือกใช้วัสดุฉนวนกันความร้อน ซึ่งเพียงเท่านี้ ก็ทำให้คุณสามารถเลือกซื้อวัสดุฉนวนกันความร้อนที่เหมาะสม และสามารถช่วยประหยัดพลังงานภายในที่อยู่อาศัยของคุณได้แล้ว ซึ่งนอกจากจะประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยประเทศชาติประหยัดพลังงานโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในตอนหน้าจะมีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับบ้านอะไรบ้าง ต้องคอยติดตามกันนะครับสวัสดีครับ
|
|