สวัสดีครับหลังจากที่ผมอธิบายส่วนต่างๆของบ้านมาหลายตอน ไล่ลงมาจากส่วนบนสุดของบ้านนั่นคือ หลังคา มาถึงตอนนี้ก็จะเป็นส่วนของตัวบ้านกันแล้วนะครับ ในตอนนี้ผมจะอธิบายถึงส่วน ผิวหนังของบ้าน ( skin ) หลายๆท่านคงพอที่จะเดาได้ใช่ไหมครับว่าผิวหนังของบ้านนั่นก็คือ ผนังบ้านนั่นเอง
|
ผนังบ้านจะมีทั้งภายนอกและภายใน โดยผนังภายนอกนั้นคอยปกป้องตัวบ้านจากสภาพอากาศต่างๆทั้งแสงแดด ความร้อน กระแสลม สายฝน ส่วนผนังภายในนั้นทำหน้าที่เป็นส่วนแบ่งพื้นที่ใช้สอยต่างๆ ภายในบ้านให้เป็นสัดส่วนตามการใช้สอย เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว เป็นต้น
|
นอกจากจะแบ่งผนังเป็นผนังภายนอกและภายในแล้ว ผนังบ้านยังถูกแบ่งออกเป็นผนังที่ทำหน้าที่เป็นโครงสร้าง หรือผนังรับน้ำหนัก ให้ลองนึกภาพเสาที่ยึดยาวออกไปเป็นผนังนั่นเอง ผนังชนิดนี้จะมีราคาแพงกว่าผนังปกติซึ่งจะแยกย่อยออกได้เป็น ผนังรับน้ำหนักที่เป็น คอนกรีตเสริมเหล็ก และผนังรับน้ำหนักที่ใช้การก่ออิฐเต็มแผ่น โดยเราจะเริ่มกันที่ผนังก่ออิฐกันก่อนนะครับ ผนังก่ออิฐ มีสองลักษณะ การก่ออิฐโชว์แนว และ ผนังก่ออิฐฉาบปูน
|
|
ผนังก่ออิฐโชว์แนว คือผนังที่มีการก่ออิฐเรียงกัน และไม่มีการฉาบทับ เพื่อต้องการโชว์แนวของอิฐผนังชนิดนี้ จึงไม่มีปูนฉาบหน้า กันความชื้น ดังนั้นในการก่ออิฐโชว์แนวสำหรับผนัง ด้านนอกอาคาร ไม่ควรจะก่อโชว์ทั้งสองด้าน เพราะเวลาฝนตก หรือมีความชื้น เข้ากระทบผนัง น้ำจะซึมเข้าด้านในได้โดยง่าย ข้อควรระวัง อีกประการ ก็คือ อย่าก่อในบริเวณที่มีรถวิ่งผ่านหรือวิ่งเฉียด (เช่นโรงรถ ข้างถนน เป็นต้น) เพราะหากมีการกระทบให้อิฐโชว์แนวมีรอย การแก้ไขทำได้ยาก ส่วนใหญ่มักต้องทุบผนังทั้งแผงออก และก่อขึ้นใหม่ |
ผนังก่ออิฐฉาบปูน นั้น เป็นผนังที่ใช้อิฐก่อขึ้นมา และฉาบทับด้วยปูน เพื่อความเรียบร้อย สำหรับการก่ออิฐในผนังชนิดนี้ จะต่างจาก การก่ออิฐของ ผนังก่ออิฐโชว์แนว เพราะจะต้องก่ออิฐให้ ผิวคอนกรีตมีรอยบุ๋ม ลึกประมาณ 3-5 มิลลิเมตร เพื่อเวลาฉาบปูน จะได้ยึดเกาะ ผิวคอนกรีตได้แน่นหนา ก่อนฉาบปูนก็ควร ทำความสะอาดผนัง ด้วยไม้กวาด หรือลมเป่า ให้เศษ หรือฝุ่นปูน หลุดออกเสียก่อน และทำการรดน้ำให้ชุ่มเสีย ทิ้งไว้ซักครึ่งนาที ก่อนให้อิฐดูดน้ำให้เต็มที่ ป้องกันไม่ไห้อิฐ ดูดน้ำ ไปจากปูน อันจะก่อให้เกิดการแตกร้าวของผนังได้ |
ผนังรับน้ำหนักอีกชนิดคือ ผนังคอนกรีตเสริมเหล็ก ซึ่งจะมีทั้งแบบที่สร้างแบบแล้วหล่อขึ้นมาเองและแบบสำเร็จรูป โดยที่ผนังสำเร็จรูปจะผลิตด้วยวิธีใดขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีของผู้ผลิตหรือผู้ก่อสร้างแต่ละราย ซึ่งจะประกอบขึ้นจากโรงงานที่มีการควบคุมคุณภาพการผลิตและ อัตราส่วนของส่วนประกอบต่างๆโดยระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นขนาดของเหล็ก ส่วนผสมของคอน- กรีต รวมทั้งการใช้เครื่องจักรกลเป็นส่วนหลักในการผลิต ที่ให้ความแม่นยำสูง |
ส่วนผนังอีกประเภทคือผนังปกติเป็นผนังที่ไม่ได้เป็นโครงสร้าง หรือไม่ได้รับน้ำหนัก ส่วนมากเป็นผนังก่อด้วยอิฐ หรืออาจใช้เป็นแผ่นยิปซั่มบอร์ดก็ได้ แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปมากทำให้มีผนังเกิดขึ้นหลากหลายแบบมากขึ้น เช่น ผนังหิน บล๊อคอิฐแก้ว นอกจากนี้ก็ยังมีผนังที่เป็นผนังกระจกนิยมใช้กันมากในตึกสูง และมีการนำมาใช้กับบ้านพักอาศัยในส่วนที่ต้องการเปิดมุมมองสู่ภายนอก เช่น ห้องรับแขก ห้องพักผ่อน เป็นต้น |
1. ผนังบล๊อคอิฐแก้ว (glass block) นั้นส่วนใหญ่นิยมใช้ก่อเป็นผนังในส่วนที่ต้องการแสงสว่างหรือตกแต่งเพื่อ ความสวยงาม ในการทำผนังบล๊อคอิฐแก้ว ก็มีข้อควรระวังคล้าย ๆ กับการก่อผนังอิฐโชว์แนว เพราะหากผนังอิฐบล๊อคเกิดการแตกร้าวขึ้นสักก้อนก็ยากแก่การปรับเปลี่ยนแก้ไข เพราะฉะนั้นการทำผนังก่ออิฐบล๊อคจึงนิยมทำกันในพื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก |
|
2. ผนังกระจก (curtain wall) ด้วยวิทยาการปัจจุบันเราสามารถพัฒนาการก่อสร้างจนสามารถนำกระจกมาใช้เป็น ผนังได้แล้ว ซึ่งผนังกระจกเหล่านี้จะมีลักษณะการติดตั้งต่าง ๆ กันตามลักษณะการยึดเกาะของแผ่นกระจก คือ |
2.1 กระจกยึดติดกับกรอบเพียง 2 ด้าน (two-side support) ซึ่งมักจะยึดที่พื้นหรือเพดาน ส่วนอีก 2 ด้านที่เหลือปล่อยให้ชิดกับกระจกแผ่นอื่นๆ การยึดติดกระจกแบบนี้จะมีปัญหาเรื่องการแอ่นตัวของกระจก ซึ่งสามารถป้องกันแก้ไขโดยเพิ่มความหนาของกระจกหรือเปลี่ยนการยึดติดกระจก เป็น 3 ด้านหรือ 4 ด้าน ตามความเหมาะสม
|
2.2 กระจกยึดติดกับกรอบเพียง 3 ด้าน (three-sided support) กระจกจะยึดติดกับกรอบ 3 ด้าน อีกด้านหนึ่งอาจจะวางลอยๆหรือต่อกับกระจกแผ่นอื่นๆซึ่งมีความแข็งแรงกว่าแบบแรก
|
2.3 กระจกยึดติดกับกรอบ 4 ด้าน (four-sided support) เป็นรูปแบบการติดตั้งที่แข็งแรงที่สุด
ใน การติดตั้งผนังกระจกนั้นควรหาช่างที่ชำนาญมาติดนะครับ ส่วนผนังที่เป็นกระจกโค้งนั้นก็สามารถทำได้ครับเพียงแต่มีราคาแพงและต้อง อาศัยความชำนาญในการติดตั้งมากเป็นพิเศษ เมื่อเสียหายก็ยากในการซ่อมแซมและหามาเปลี่ยนใหม่ครับ เพราะฉะนั้น หากบรรดาแฟนๆคนรักบ้านไม่ต้องการมีปัญหายุ่งยากกับการซ่อมแซมในภายหลังก็ควร ที่จะหลีกเลี่ยงเสีย
|
|
3. ผนังยิปซั่มหรือผนังเบา เป็นผนังที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบันเพราะมีน้ำหนักเบา ประหยัด และติดตั้งได้รวดเร็ว ในการติดตั้งผนังเบานั้นต้องคำนึงถึงตำแหน่ง สวิทช์และปลั๊กไฟต่างๆให้ครบถ้วนนะครับ เพราะหากต้องการติดเพิ่มเติมทีหลังนั้นจะมีความยุ่งยากมาก และอาจทำให้เกิดการเสียหายกับผนังขึ้นได้ ผนังยิปซั่มมีอายุการใช้งานสั้นและมักจะมีปัญหาในเรื่องความชื้น จึงนิยมใช้กับผนังภายในและผนังตกแต่งที่มีการปรับเปลี่ยนบ่อย ๆ
|
เป็นอย่างไรบ้างครับกับความรู้เรื่องผนังบ้าน ในการที่เราจะเลือกผนังให้เหมาะกับบ้านหรือพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน เช่น ในห้องน้ำควรจะมีผนังบล๊อคอิฐแก้ว เพื่อให้แสงสว่างส่องเข้ามาเพื่อประหยัดไฟและฆ่าเชื้อโรคไปในตัว ถ้าใครมีสวนรอบๆบ้านและต้องการมองเห็นวิวรอบๆบ้านควรจะใช้ผนังกระจก แต่ไม่ควรไว้ด้านทิศตะวันตกนะครับเพราะจะทำให้แสงแดดเข้าบ้านมากเกินไปทำให้บ้านของเราร้อน ส่วนการใช้ชีวิตประจำวันของเราภายในบ้านก็เป็นปัจจัยหนึ่งในการเลือกผนังบ้านนะครับ ผมว่าหลายๆท่านคงจะมีไอเดียในการเลือกผนังกันแล้วแน่ๆ ตอนนี้ผมต้องขอตัวลาไปก่อน ในตอนหน้าผมจะนำเสนอเรื่องอะไรนั้นขอให้ติดตามกันต่อไปนะครับ
|
|