สวัสดีครับเบื่อ กรุงโซล กันหรือยังครับ เพราะผมก็ได้ลงเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงโซลมาหลายตอนแล้ว ตอนนี้คงเป็นตอนสุดท้ายแล้วนะครับ ดังนั้นผมขอคัดเอาสิ่งที่ท่านต้องลองเมื่อท่านไปเยือนกรุงโซล โดยจะเอาทั้งสถานที่ท่องเที่ยว อาหารการกิน รวมทั้งแหล่งบันเทิงต่างๆ มาไว้รวมกันในตอนนี้ เพื่อที่บางท่านที่คิดจะเดินทางไปเกาหลีจะได้ไม่พลาดของดีของแดนกิมจิ โดยขอเริ่มจากอันดับ 10 ก่อนเลยนะครับ |
อันดับ 10 คลองชองเกชอน
ที่เอาคลองซองเกชอนเข้ามาติดอันดับนั้น ก็เพราะว่าผมอยากให้เห็นถึงนวัตกรรมในการบำบัดน้ำเสีย และความตั้งใจจริงของรัฐบาลและประชาชนเกาหลี ที่จะเปลี่ยนคลองที่มีน้ำเน่าเสียและตื้นเขินให้หลายเป็นคลองที่ ไม่มีกลิ่นเหม็น น้ำใสสะอาด ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของกรุงโซล ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับบ้านเราก็คงจะเป็นคลองแสนแสบ แต่จะให้น้ำใสสะอาดเหมือนคลองซองเกชอน ก็คงต้องใช้ความร่วมมือทั้งรัฐบาลและประชาชนอย่างมาก
|
|
คลองชองเกชอน เป็นคลองโบราณในสมัยราชวงศ์โชซอน อายุกว่า 600 ปี ความยาวประมาณ 5.84 กิโลเมตร ไหลผ่านย่านใจกลางกรุงโซล แต่ในช่วงค.ศ. 1957-1977 ได้มีการพัฒนาประเทศอย่างก้าวกระโดด ทำให้คลองถูกถมลงเป็นถนนและทางด่วน เกิดตึกสูงมากมาย คลองชองกเยชอนก็เริ่มเน่าเสียและตื้นเขิน เรียงไปด้วยชุมชนแออัด
|
|
จนกระทั่งปีค.ศ. 2002 นายลี มยองปาก ได้รับตำแหน่งเป็นผู้ว่าการกรุงโซล เขาได้เสนอโครงการฟื้นฟูคลองชองเกชอน โดยมีพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนต่อต้านจำนวนมาก จนต้องมีการประชุมร่วมกันมากกว่า 2,000 ครั้ง แต่โครงการก็เริ่มขึ้นได้ด้วยดีในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2003 โดยเริ่มทุบทางด่วน และรื้อถนนโดยรอบมากมาย จนแล้วเสร็จในปีค.ศ. 2005 มีพิธีเปิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ใช้งบประมาณกว่า 380,000,000,000 วอน หรือราวๆ 1 หมื่นล้านบาท พร้อมกับฟื้นฟูธรรมชาติสองฝั่งคลอง ขุดท่อผันน้ำจากแม่น้ำฮันเข้ามาที่ต้นคลอง มีการสร้างน้ำพุตลอดแนว และมีน้ำตกเป็นแนวกั้นน้ำฝน มีสะพานกว่า 22 แห่ง และทางเดินเลียบคลอง จนปัจจุบันคลองชองกเยชอนได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญมากในกรุงโซล
|
อันดับที่ 9 หมูย่างเกาหลี
อีกหนึ่งเมนูที่คนไทยคุ้นเคยกันนี้นั่นคือ หมูย่างเกาหลี ซึ่งอาหารชนิดนี้มาแพร่หลายในเมืองไทยได้หลายปี แล้วกลายเป็นที่นิยมชนิดที่ใครไม่เคยทานถือว่าเชยเลยทีเดียว แต่ผมอยากให้ทุกท่านที่ไปเยือนเกาหลีได้ลอง นั้นต้องเป็นต้นตำหรับหมูย่างเกาหลีอยู่แล้วล่ะครับ ถ้าได้ลองจะรู้ว่าหมูนั้นชิ้นใหญ่ถึงขนาดว่าก่อนกินต้องใช้กรรไกรมาตัดให้เป็นชิ้นเล็ก และเนื้อนุ่มมาก ทานกับกิมจิสูตรลับของร้านซึ่งต้องบอกว่ากิมจินั้นแต่ละร้านรสชาติจะไม่เหมือนกันนะครับ ส่วนเครื่องเคียงนั้นก็มีหลายอย่าง จนเลือกกินไม่ถูกเลยครับ ทั้งผักสดๆ ซุบสาหร่าย ผักดอง แต่ถ้าอากาศหนาวๆก็ขาดไม่ได้เลยคือ โซจู ครับ ซึ่งโซจูนั้นจะคล้ายๆเหล้าขาวบ้านเราแต่ ดีกรีจะต่ำว่าและรสชาติออกหวานๆครับ แต่ขอสงวนไว้สำหรับผู้ที่บรรลุนิติภาวะนะครับ
|
|
|
อันดับ 8 พระราชวังเคียงบก
การมาประเทศเกาหลีทั้งที เราก็ต้องเรียนรู้วัฒนธรรมบ้านเค้าเอาไว้ใช่ไหมครับ เผื่อใครถามเราจะได้ยืดอกตอบได้อย่างภาคภูมิใจว่าเรามาเกาหลีไม่ได้แต่ช๊อปอย่างเดียว โดยที่พระราชวังเคียงบกเป็นที่รวมเอาประวัติความเป็นมาทั้งหมดของประเทศเกาหลีมาไว้ในที่เดียว เพราะในพระราชวังนั้นเป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเกาหลี และพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติ ซึ่งรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านได้จากตอนก่อนที่ผมเขียนมานะครับ ตามรอยวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์เกาหลี
|
|
อันดับ 7 รถไฟฟ้ากรุงโซล
เวลาเราจะเดินทางท่องเที่ยวที่กรุงโซล การเดินทางที่สะดวกที่สุดคงจะไม่พ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่อย่าคิดว่าง่ายแบบบ้านเรานะครับ เพราะที่กรุงโซลนั้นมีรถไฟฟ้าหลายสายมาก ถ้ามองด้วยสายตาคงตาลาย ถึงขนาดที่คนเกาหลีเองจะต้องมีแผนที่ของรถไฟฟ้าใต้ดินไว้ในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นพื้นฐานของโทรศัพท์มือถือเลยทีเดียว ซึ่งก่อนขึ้นเราต้องศึกษาว่าจะขึ้นสายสีอะไร มีจุดเชื่อมต่อกับสายไหนบ้าง ซึ่งรถไฟฟ้าใต้ดินในกรุงโซลมีด้วยกัน 8 สาย 263 สถานี เรียกได้ว่ารถไฟใต้ดินนั้นครอบคลุมทั่วกรุงโซลเลย แถมยังยาวไปถึงต่างจังหวัดหรือเขตปริมณฑลด้วย เปิดให้บริการทุกวัน 06.00 - 24.00 น. รถไฟฟ้าในกรุงโซลจะแบ่งออกเป็นชื่อสี คือ สายสีน้ำเงิน เขียว ส้ม ฟ้า ม่วง น้ำตาลส้ม เขียวแก่ ชมพู บางสายก็ออกมาวิ่งบนดินให้เราชมวิวของกรุงโซลด้วยนะครับ
|
|
อันดับ 6 ละครเวที
สำหรับท่านที่เที่ยวในกรุงโซลจนเมื่อย แล้วอยากนั่งพักชมอะไรสนุกๆ ขำๆ แล้วล่ะก็ ในกรุงโซลก็มีโรงละครเวทีหลายที่มีการแสดงหลายประเภทให้เลือกชม เพราะจะคล้ายๆละครใบ้ เราไม่จำเป็นต้องรู้ภาษาเกาหลีก็สามารถเข้าใจได้ แต่ถ้ารู้ภาษาอังกษนิดหน่อยก็จะดีครับ การแสดงบางอย่างก็เคยเข้ามา โชว์ในเมืองไทยแล้วได้รับการตอบรับที่ดี เช่น
|
Jump show เป็นละครใบ้ที่มีเอกลักษณ์อยู่ที่การนำเสนอศิลปะการต่อสู้แบบโบราณของเกาหลี ได้แก่ เทควันโด้และเทคยอน ผสมผสานกับศิลปะการต่อสู้ของชนชาติอื่นในแถบเอเชีย เช่น กังฟู คาราเต้ กระบี่กระบอง และมวยจีน โดยมีมุกตลกขำขันแทรกอยู่มากมาย
|
|
Nanta show เป็นการแสดงเกี่ยวกับการทำอาหาร โดยใช้อุปกรณ์ในครัวมาประกอบการแสดง จะมีจังหวะที่สนุกสนาน และ เนื้อเรื่องการแสดงที่ตลก เรียกเสียงฮาจากผู้ชมได้ตลอดเวลา
|
อันดับ 5 ไก่ตุ๋นโสม
อาหารขึ้นชื่ออีกอย่างของเกาหลีแถมยังใช้สมุนไพรประจำชาติอย่างโสมมาใช้ในการปรุงด้วยนั่นคือ ไก่ตุ๋นโสม หรือ ซัม-กเย-ทัง เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ผมประทับใจ เพราะเป็นเมนูบำรุงสุขภาพ คลายหนาวได้ในฤดูหนาว (เป็นการปรับสภาพร่างกายให้อุ่นขึ้นจากภายใน) และที่น่าแปลกคือเอาไก่ทั้งตัวไปตุ๋นกับโสม และสมุนไพรจีน แล้วเอามาเสริฟกับชามร้อนๆ พร้อมด้วยกิมจิ, หัวไชท้าวดอง, เส้นขนมจีน, เหล้าโซจู และพริกไทย
|
|
วิธีกินไก่ตุ๋นโสม คือจะต้องเทเหล้า โซจู ลงไปในชามไก่ เพื่อที่เนื้อไก่จะได้นุ่ม ไม่ต้องกลัวเมาครับ เพราะมันแทบจะไม่มีกลิ่นเหล้าเลยครับ แหวะตัวไก่ออกข้างในจะมีข้าวหมักไว้ ใส่เส้นขนมจีนลงไป แล้วปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย สูตรผมจะใส่พริกไทยเยอะ เพราะมันมีรสออกจัดจ้านขึ้น เพราะรสดั้งเดิมจะออกจืดๆหน่อยๆ แล้วกินกับเครื่องเคียงครับ อร่อยเหาะเลยทีเดียว
|
อันดับ 4 T-Express สวนสนุก Everland
อาจจะออกมานอกกรุงโซลซักนิดนึงนะครับ แต่ผมไม่อยากพลาดความตื่นเต้นของเจ้า T-Express ซึ่งคือรถไฟเหาะที่รางทำจากไม้แห่งแรกในเอเชีย และเป็นรถไฟเหาะที่เร็วสุด 104 km/hr และใช้เวลาวิ่งนานสุดในเอเชียด้วย เวลา 3 นาที ความสูงก็ 56 m เวลาวิ่งจะถูกอัดด้วยแรง 4.5 G โดยความชันตอนทิ้งดิ่งสุดๆ คือ 77 องศา เป็นรถไฟเหาะไม้ที่องศาชันสุดๆด้วย การจะเล่น T-Express นั้นอาจจะต้องคำนวณเวลากันด้วยนะครับ เพราะท่านอาจจะต้องต่อแถวเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว แล้วอาจทำให้ท่านพลาดเครื่องเล่นอื่นๆ (แต่ผมคิดว่าคุ้มนะครับ)
|
|
สวนสนุก Everland เป็นสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลี มีเครื่องเล่นอีกมากมาย เช่น รถไฟเหาะ สวนสัตว์ และอื่นๆอีกมากมาย อีกทั้งโชว์ตระการตาและขบวนพาเหรดที่เป็นแบบฉบับเฉพาะไม่เหมือนใคร และที่นี่ยังมี Liger สัตว์ลูกผสมระหว่างสัตว์กับเสือ ( Lion+Tiger ) ที่หาดูได้ที่นี่ที่เดียวในโลกอีกด้วย ที่สำคัญไม่แนะนำให้ไปวันเสาร์-อาทิตย์ นะครับเพราะคนจะเยอะมากๆ
|
อันดับ 3 ทงแดมุน
ย่านช๊อปปิ้งชื่อดังของเกาหลี ที่นี่เราจะสนุกกับการเลือกซื้อเสื้อผ้านานๆชนิด ทั้งขายส่งและขายปลีก พูดไปก็เหมือนประตูน้ำบ้านเรานั้นเอง แถมยังต่อราคาได้อย่างสนุกสนานอีกด้วย จะต่อได้มากได้น้อยอันนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถนะครับ และอย่าลืมเอาเครื่องคิดเลขติดตัวไปด้วยนะครับ ถ้าพูดกันไม่เข้าใจจิ้มที่เครื่องคิดเลขเอาเลยครับง่ายที่สุด ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถอ่านได้ในตอน ตะลุยแหล้งช๊อปปิ้งแดนกิมจิ ครับ
|
|
อันดับ 2 Seoul Tower
หอคอยกรุงโซล (Seoul Tower) หรือบางครั้งเรียก นัมซันทาวเวอร์ เพราะตั้งอยู่บนภูเขานัมซาน มีทางขึ้นอยู่ตรงสวนนัมซาน ซึ่งเป็นหอคอยที่มีความสูงจากฐานประมาณ 236.7 เมตร มีความสูงถึง 480 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ถูกสร้างขึ้นในปี 1969 และเปิดให้เข้าชมเมื่อ ปี 1980 ซึ่ง Seoul Tower เป็นหอคอย 1 ใน 18 หอคอยเมืองที่สูงที่สุดในโลก มีทั้งหอคอยดูดาว มีภัตตาคาร ซึ่งแยกเป็น 3 โซน Tower, Plaza, และ Lobby
|
|
แต่หลายๆท่านจะไม่ได้หวังที่จะมาชมวิวเท่าไหร่ใช่ไหมครับ เพราะไฮไลท์ ของ Seoul Tower ที่คู่รักทุกคู่จะต้องทำอย่างเสียไม่ได้คือ การคล้องกุญแจคู่รัก Love Key Ceremony บนโซลทาวเวอร์ โดยที่จะเขียนข้อความ หรือชื่อของคู่รักไว้บนแม่กุญแจ และก็จะนำแม่กุญแจนี้ไปคล้องกับรั้วเหล็ก ส่วนลูกกุญแจเค้าจะทิ้งไป ด้วยความเชื่อที่ว่าหากคู่รักคู่ใด ได้มาเยือนและคล้องกุญแจคู่รักกันที่นี่ จะทำให้ความรักของทั้งคู่ยืนยาว ไม่พรากจากกันไปตลอดกาล
|
|
ไม่เพียงแค่ไปคล้องกุญแจคู่รักนะครับ ที่นี่ยังมี พิพิธภัณฑ์เท็ดดี้แบร์ ( Teddy Bear Museum) สถานที่ที่เราจะได้เห็นได้สัมผัสหมีแท็คดี้แบร์ที่น่ารักจากทั่วโลก โดยจัดทำเป็นเรื่องราวและฉากที่แสดงเรื่องราวการก่อกำเนิดชนชาติ และบรรพบุรุษของคนเกาหลีว่ามีความเป็นมาอย่างไรบ้าง และจำลองวิถีชีวิตของคนเกาหลีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยใช้ตุ๊กตาหมีแต่งตัวตามสไตล์น่ารักๆ ซึ่งอยู่ในอิริยาบทต่างๆ บ้างก็เคลื่อนไหวได้ แบ่งเป็น 2 โซนใหญ่ๆ คือโซนอดีตและโซนปัจจุปัน ท่านยังสามารถซื้อ ตุ๊กตาหมี Teddy Bear Shop ได้ที่ด้านล่างของ Seoul Tower อีกด้วย
|
|
อันดับ 1 ตลาดเมียนดง
แหล่งช๊อปปิ้งยอดนิยมของกรุงโซลเป็น ที่ตลาดเมียงดงนี้จะมีเสื้อผ้าแฟชั่น กางเกง รองเท้า น้ำหอม เครื่องสำอางค์ ทั้งแบบแบรนด์เนมชื่อดัง และโลคอลแบรนด์ ซีดีเพลง รูปดารา และอีกมากมาย ประมาณว่าอะไรที่วัยรุ่นอย่างเราๆ ต้องการก็สามารถหาได้จากที่ตลาดนี้เลยทีเดียวเลย แต่เป้าหมายหลักๆของคนไทยก็คงจะหนีไม่พ้น เครื่องสำอางค์ครับ ยี่ห้อดังๆ ก็จะเป็น Skin Food , Etude House , The Face Shop, Rojukiss ซึ่งกำลังเป็นที่นิบมในบ้านเราและราคาที่นี่ถูกกว่า shop ในบ้านเรามากครับ ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมผมได้เขียนเล่าในตอน ตะลุยแหล้งช๊อปปิ้งแดนกิมจิ แล้วครับ
|
|
สำหรับเรื่องท่องเที่ยวประเทศเกาหลีก็คงจบเพียงเท่านี้นะครับ หวังว่าข้อมูลที่ทุกท่านได้อ่านจะเป็นประโยชน์ช่วยให้ท่านท่องเที่ยวเกาหลีได้สนุกขึ้นนะครับ แต่การจัดอันดับนี้เป็นแค่ความคิดส่วนตัวนะครับ ถ้าใครมีสถานที่น่าสนใจที่เหมาะกับการต้องลองเมื่อไปเที่ยวเกาหลีนะครับ ก็สามารถส่งเมลล์มาบอกกันได้นะครับ ส่วนในตอนหน้าผมจะพาไปเที่ยวที่ไหนโปรดติดตามกันด้วยนะครับ สวัสดีครับ
|
|