ทีนี้ ภายหลังจากโรงไฟฟ้าแห่งนี้ ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากแผ่นดินไหว Tohoku หรือ Tohoku Earthquake ต่อด้วย Tsunami ทำให้ระบบการผลิตไฟฟ้าปิดตัวลงอย่างอัตโนมัติ และระบบควบคุมนิวตรอนต้องอาศัยระบบไฟสำรอง ในการทำงาน แต่ระบบไฟสำรองก็ได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน ทำให้ระบบควบคุมนิวตรอนไม่สามารถทำงานได้ จนเกิดปฎิกิริยานิวเคลียร์ที่มากจนทำความเสียหายให้กับตัวเตาปฎิกรณ์เอง ซึ่งทาง TEPCO จึงได้พยายามที่จะลดแรงดัน และความร้อนที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด ทั้งการใช้น้ำจากมหาสมุทรจำนวนมหาศาล และการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปต่อระบบไฟฟ้า สำรองเพื่อให้ระบบควบคุมนิวตรอนสามารถทำงานในส่วนของเตาที่เหลือได้
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ตามมาจากความเสียหายครั้งนี้ ที่ไม่เฉพาะชาวญี่ปุ่นที่ต้องสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินไปอย่างมาก รวมทั้งพลังงานไฟฟ้าที่หายไปจากระบบถึง 11% ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด แต่โลกของเราก็จะมีละอองนิวเคลียร์และ ปริมาณของรังสีที่ต้องค้างในน้ำในมหาสมุทรไปอีกระยะหนึ่ง
แม้ว่าในขณะนี้ ปริมาณของละอองและสารปนเปื้อนเหล่านั้น จะมีปริมาณที่เล็กน้อยมาก และไม่ทำให้เกิดอันตราย กับมนุษย์ แต่เราก็คงจะต้องระมัดระวังและมีการตรวจสอบที่เข้มข้นไปอีกนานพอสมควรทีเดียวครับสำหรับผู้ที่ต้องการทราบ ข่าวคราวความคืบหน้าของโรงไฟฟ้า Fukushima สามารถติดตาม Update ได้เป็นรายวันตาม Link ข้างล่างครับ
http://www.nytimes.com/interactive/2011/03/16/world/asia/reactors-status.html
สุดท้ายนี้ ผมคิดว่าอุบัติเหตุเหล่านี้เป็นเรื่องปลายเหตุที่ทำให้มนุษย์เราต้องสูญเสีย แต่สาเหตุที่แท้จริง น่าจะมาจาก ความโลภของเราที่ต้องการใช้พื้นที่จากทุกส่วนของโลก แม้กระทั่งในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดภัยพิบัติ และความต้องการในการใช้พลังงานอย่างมหาศาลและเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งจากพลังงานไฟฟ้า และพลังงานน้ำมัน ตลอดจนถ่านหิน ที่ส่งผลกระทบและทำให้โลกของเราเองเสียสมดุลย์ จนแสดงออกมาเป็นภาวะเรือนกระจก เกิดฝนกรด น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ฯลฯ ซึ่งหากเรายังไม่หยุดทำลายโลกใบนี้ ในท้ายที่สุดแล้ว มนุษย์เราเองนี่แหละ ที่จะต้องเป็น ผู้จ่ายค่าเสียหายอย่างแน่นอน
|