Swedish Pop ใสๆ กับ "ละอองฟอง" ตอนที่ 2
แม้น้ำท่วมทั่วกรุง เจ๊ก็ไม่หวั่นแม้วันน้ำมาก ใน issue นี้ เจ๊ดันกลับมาตามสัญญาค่ะ พร้อมกับเรื่องราวดีดี เสียงร้องใสๆ และดนตรีน่าฟัง ของวงละอองฟอง ...หลังจากที่ใน issue ที่แล้ว เจ๊ได้เล่าตำนานของวงละอองฟองยุคแรกๆ ให้ชาวบาริโอได้หลงใหล ฝันเคลิ้มไปกับเสียงนักร้องน้ำกันไปแล้ว
เมื่อเร็วๆ นี้ ละอองฟองกลับมาอีกครั้งกับผลงานสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 3 คือ “Wind-Up City” ที่แม้จะห่างหายจากอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ไปร่วม 7 ปี แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทิ้งเวทีไปไหน เพราะที่ผ่านมามีผลงานเพลงออกมาคั่นๆ เป็นระยะตามที่ได้กล่าวมาแล้ว
Wind-Up City ออกมาภายใต้ในสังกัดเดิม(ตั้งแต่ชุดที่ 2) คือ “สไปร์ซซี่ ดิสก์” งานชุดนี้ทางต้นสังกัดให้ข้อมูลว่า วงละอองฟองเริ่มต้นทำเพลงจากภาคทำนองก่อน ก่อนจะนำในส่วนของเนื้อหามาใส่แล้วเข้าสู่กระบวนการปรุงแต่งเพลง
แน่นอนว่าคีย์แมนหลักในการทำเพลงทั้งเนื้อร้อง-ทำนอง ย่อมหนีไม่พ้น 2 คู่หู ละอองฟองยุคแรกอย่างเอ๊ะกับแมน ส่วนน้องออน ชุดนี้เธอมีเพลงที่เขียนเนื้อเองเต็มๆ 1 เพลง และร่วมแต่งอีก 1 เพลง นอกจากนี้ยังมีเพื่อนคนดนตรีอย่าง แสตมป์-อภิวัชร์ และ บอย-ตรัย มาช่วยแต่งเนื้อเพลงให้อีก ส่วน แทน-ลิปตา นี่มาแต่งให้แบบจัดเต็มมาทั้งเนื้อร้อง-ทำนองให้ 1 เพลง ร่วมด้วย ก้อ-ณัฐพล ศรีจอมขวัญ มือเบสคนเก่งจากวงกรูฟไรเดอร์มาร่วมเขียนเพลงและเป็น โค-โปรดิวเซอร์ โดยมีโปรดิวเซอร์เป็นวงละอองฟองนั่นเอง
Wind-Up City ไขลานเปิดตัวกันด้วย “So In Love” (เนื้อร้อง : แสตมป์ อภิวัชร์) เพลงไทยในชื่อฝรั่ง ชวนแด๊นซ์ขยับแข้งขากับจังหวะสนุกๆในอารมณ์ดิสโก้ติดกลิ่นย้อนยุค เบสเล่นคู่ 8 ในแบบดิสโก้ พร้อมมีเกี่ยว-ตบ เสริมสีสัน ร่วมด้วยไลน์เครื่องสายเล่นอุ้มเป็นแถวสอง หนุน-ส่ง คลอไปตลอดเพลง น้องออนร้องเพลงนี้ด้วยลูกออดอ้อน งุ๊งงิ๊ง ฟังดูใส่จริตมากไปหน่อย ซึ่งถ้าเพลงต่อๆ ไป เธอยังร้องงุ๊งงิ๊งแบบนี้ไปทั้งอัลบั้ม เจ๊คงต้องคิดหนักว่าจะฟังแมวร้องหาปลาทูหรือฟังหลาน 3 ขวบที่บ้านร้องอ้อนแม่แทนดี
แต่โชคดีที่เพลงที่ 2 “แอบชอบ”(เนื้อร้อง : ก้อ) น้องออนปรับทางเสียงมาร้องเพลงคู่กับพี่เอ๊ะมือเบสได้อย่างน่าฟัง ด้วยน้ำเสียงธรรมชาติใสๆ ตามสไตล์ถนัดของเธอ
เพลงนี้ขึ้นนำด้วยอะคูสติกกีตาร์บางๆ ตามมาสบทบด้วยเสียงเครื่องสาย ก่อนส่งต่อเข้าตัวเพลงจังหวะปานกลางกับเนื้อหาน่ารัก ในอารมณ์ต่างคนต่างแอบชอบกันอยู่และอยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดเหมือนตนหรือเปล่า ท่อนกลางเพลงแต้มสีสันด้วยเสียงเครื่องเป่า ทรอมโบนโซโลเล่นโน้ตกระชับๆ แซมด้วยเสียงทรัมเป็ตเข้ามาตบท้าย ฟังแล้วเจ๊ชักแอบชอบน้องออนเข้าแล้วสิ เอ๊ย!?! ไม่ใช่ ชักแอบชอบผลงานชุดนี้เข้าแล้วสิ
ถัดมาเป็น “กอดเธอได้ไหม” ว่าด้วยสาวขี้เหงา ในคืนหนาวเหน็บอยากจะขอกอดคนรักให้อบอุ่นหัวใจ โอ้ว...นี่น่ารักขนาดน้องออนยังต้องไปขอกอดคนอื่น แล้วถ้าเป็นตัวเราล่ะ เฮ้อ...ไม่อยากจะคิด
กอดเธอได้ไหม เป็นเพลงเร็วมาอารมณ์โซลย้อนยุคสนุกๆ เสียงกีตาร์เด่นไม่เบาทั้งโซโลและริทึ่ม ส่วนไลน์เครื่องสายนั้นก็แน่นอีกแล้ว
จากนั้นเป็นเพลงอะไร? เอ้า!!!แล้วมันเพลงอะไรล่ะ ก็เพลงนี้นี่แหละชื่อเพลง“อะไร”(เนื้อร้อง : บอยตรัย) ดนตรีเพลงนี้ทำออกมาได้ลงตัวและเท่น่ารักไม่หยอก เสียงเครื่องสายมากพี่น้องเอ๊ย โดยเฉพาะไอ้ลูกเสียงแหลมๆ ฟิ๊วๆ นั้น สร้างจุดเด่นจุดโดนให้เพลงได้ดีทีเดียว
เสียงร้องของน้องออนในเพลงนี้ เธอหยอดลูกอ้อนลงไปใช่ย่อย ฟังออกลูกแบ๊วนิดๆ แต่ยังดีที่ไม่ใส่ลูกงุ๊งงิ๊งลงไปแบบเกินพิกัด ทำให้เพลงนี้ออกมาน่ารักน่าฟัง และน่าดู MV ไม่น้อยเลย
“เหงาจนชิน” เพลงเก่าจากอีพีปี 50 มาทำใหม่เป็นป็อบแจ๊ซสวยๆจังหวะปานกลาง ซึ่งเจ๊ชอบน้องออนร้องเพลงจังหวะช้าๆ กับปานกลางในอารมณ์แบบนี้มากกว่า มันฟังเป็นธรรมชาติดี ไม่ต้องใส่จริต ใส่ลูกอ้อนลงไปมากมายเหมือนในเพลงเร็ว ที่แม้จะฟังน่ารักและแสดงให้เห็นถึงทักษะการร้องเพลงของเธอว่า สามารถร้องได้หลายสไตล์หลายอารมณ์ แต่เมื่อฟังกันดีๆ มันให้ความรู้สึกฝืนๆ อยู่พอตัว เป็นการฝืนทั้งธรรมชาติและฝืนวัยอยู่ในที อิอิ
ใครไม่เชื่อลองฟังเพลง“เหงาจนชิน” เปรียบเทียบกับเพลง “So In Love” ฟังดูเหมือนไม่ใช่นักร้องคนเดียวกันเลย
ตามต่ออารมณ์กันด้วย“เมื่อไหร่จะเช้า”(เนื้อร้อง-ทำนอง : แทน-วงลิปตา) เพลงเศร้าซึ้งในอารมณ์โซลช้าๆ โซโลกีตาร์หยอดลูกบลูส์หวานๆ มาก่อนจัดเต็มใส่มาทั้งไลน์เครื่องสาย เครื่องเป่า น้องออนร้องเพลงนี้ได้เนียนเพราะ ได้อารมณ์ไม่ต่างจากเหงาจนชิน
|
สมาชิกทั้ง 3 ของละอองฟอง |
ส่วน“แค่ฝันก็พอ” กับ “รักเปิดเผย” เป็น 2 เพลงต่อเนื่องที่มาในอารมณ์สนุกๆ โดยเพลงหลังนั้น พี่เอ๊ะมือเบสทั้งแต่งเนื้อร้อง-ทำนอง และขับร้องเอง
จากนั้นสลับอารมณ์ไปเศร้าเหงากับ “รอ” บัลลาดๆช้า เปิดพื้นที่ให้น้องออนโชว์เสียงร้องคู่ไปกับกีตาร์และไลน์เครื่องสายบางๆ แล้วต่อด้วยอีกหนึ่งเพลงช้าอย่าง “ใครหนอ” เพลงนี้ถึงคิวของพี่แมนมือกีตาร์โชว์บ้างในอารมณ์สแตนดาร์ดแจ๊ซช้าๆ ที่พี่แกจัดเต็มมาทั้งเขียนเนื้อร้อง-ทำนอง-เรียบเรียงและร้องนำ พร้อมกับเสียงร้องที่แม้จะไม่ใช่มืออาชีพ แต่ก็เอาตัวรอดไปได้
สองเพลงนี้มาแบบช้าๆ จังหวะหน่วงๆ ซึ่งถ้าเพลงที่สามตามมาในอารมณ์เนือยแบบๆ นี้อีก คงน่าเบื่อง่วงหาวแน่นอน
แต่เพลง“เธอทั้งนั้น” เพลงเก่าของกรูฟไรเดอร์ ดีดจังหวะให้สนุกกระชับขึ้นมา แม้ทางเพลงจะไม่ต่างจากต้นฉบับ แต่ที่น่าฟังของเพลงนี้คือฟิลลิ่งของเพลง เพราะการร้องสลับชาย-หญิง ระหว่างน้องออนกับพี่เอ๊ะนั้น มันให้อารมณ์แตกต่างจากกรูฟไรเดอร์ไปอีกแบบ
สุดท้ายเป็น “ขอบคุณนะ” เพลงปิดท้าย ฝีมือการเขียนเนื้อร้องของน้องออนเอง มาในสไตล์อะคูสติกบอสซ่า เนื้อเพลงเธอแต่งขึ้นเพื่อขอบคุณคุณแม่ของเธอ เป็นเพลงรักแม่ที่ฟังไม่เศร้าแต่ฟังอบอุ่นน่ารักดี และเจ๊ก็ขอขอบคุณนะเธอที่ไม่ได้ร้องเพลงนี้ให้มันออกมางุ๊งงิ๊งจนเกินงามตามสไตล์บอสซ่าไทยๆ สมัยนิยมที่เน้นเสียงตะแง๊วงุ๊งงิ๊งมากเป็นพิเศษ
และนี่ก็คือ 12 บทเพลงจาก Wind-Up City อัลบั้มที่ละอองฟองยังเลือกเดินในแนวทางถนัดกับสไตล์เพลงป็อบใสๆ ฟังสบาย ทำนองติดหูง่าย เจือความเป็น ดิสโก้ โซล แจ๊ซ ลงไปในอารมณ์เพลงร่วมสมัยที่ให้กลิ่นอายย้อนยุค(60‘s-70’s)ได้เป็นอย่างดี พร้อมกันนี้ยังมีการใส่ไลน์เครื่องสาย เสียงเครื่องเป่า ลงไปโอบอุ้มแต่งแต้มให้ตัวเพลงมีสีสันน่าฟังมากขึ้น โดยเฉพาะกับไลน์เครื่องสายนั้นพวกเขาจัดเน้นใส่กันมาเยอะเป็นพิเศษ ส่วนที่มีฟังขัดเขินบ้างก็เห็นจะเป็นเรื่องเนื้อร้องที่ฟังไม่เนียนไม่รื่นไหลในบางเพลง
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจในงานเพลงของละอองฟองคือจินตนาการ ที่ปล่อยให้คนฟังคิดตาม งานเพลงของพวกเขาไม่ใช่แค่เพลงที่มีไว้เปิดคลอฟังผ่านๆ ยามรถติด แต่ด้วยเนื้อหาของเพลงแง่บวก ที่ถูกผูกเข้ากับเมโลดี้สวยงามที่ลงตัว ทำให้เพลงของพวกเขา น่าจะช่วยเยียวยาความตึงเครียดของสังคมไทยปัจจุบันได้อย่างมาก… ถ้าไม่เชื่อลองเปิดเพลงของละออง หลับตา แล้วฟังดูนะคะ
สามารถติดตามผลงานและเข้าถึงพวกเขาได้มากกว่านี้ผ่า่นทาง
Official Web Site: http://www.laongfong.com/
Facebook Fan page: http://www.facebook.com/laongfongband
Twitter: http://twitter.com/laongfong
YouTube Channel: http://www.youtube.com/laongfongband
-- เจ๊ดัน --