หากจะว่าไป งานออกแบบตกแต่งภายในของบ้านเราในยุคนี้ ก็ได้ตื่นตัวขึ้นมาก มี Designer ใหม่ๆ ที่กล้าเล่นอะไรแปลกๆ และลูกค้าที่เข้าใจในแนวคิดมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้ง Style ต่างๆ ที่มีอยู่กันตั้งแต่อดีตมา วงการออกแบบบ้านเราคงรู้จักกันเกือบหมดทุกสไตล์ ตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณ เรื่อยมาจนถึงงาน Contemporary หรือแม้กระทั่ง Neo-Barouque ในปัจจุบัน เราก็นำมาใช้กันจนปรุโปร่ง และมีผลงานให้เห็นกันอย่างสม่ำเสมอตามหน้านิตยสารต่างๆ

อย่างไรก็ดี ยังมีงานบางสไตล์ที่เคยผ่านมา แต่ก็ไม่สามารถมาเกิดในบ้านเราได้สักที จนหายไปหลายสิบปี และเพิ่งจะเริ่มหวนกลับมาในบ้านเราเมื่อไม่นานมานี้เองครับ

“Scandinavian Modern” เป็นชื่อที่ค่อนข้างแปลกหูสักนิด แต่หากว่าเราแบ่งชื่อนี้เป็น 2 ส่วน คือ Scandinavian และ Modern ก็คงจะทำให้รู้สึกคุ้นเคยมากขึ้น

อันที่จริง Modern Style เป็นงานออกแบบในยุคปฎิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หรือประมาณปี 1900 เป็นต้นมา โดยบรรดานักออกแบบในยุคนั้น ได้เริ่มทดลองนำเอากระบวนการผลิตเชิงอุตสาหกรรม เข้ามาใช้กับงานสถาปัตยกรรม แล้วค่อยๆ ลามมาถึงงานเฟอร์นิเจอร์ เพื่อทำให้สามารถผลิตสินค้าได้ในปริมาณมาก และทำให้สินค้ามีราคาถูกลง ลูกค้าสามารถหาซื้อได้ง่ายขึ้น

อย่างไรก็ดี ทุกอย่างในโลกนี้ เมื่อมีได้ก็ต้องมีเสีย โดยสิ่งที่บรรดา Designer ในยุคนั้น ต้องจ่ายชดเชยให้กับระบบ การผลิตเชิงอุตสาหกรรม ก็คือรายละเอียดของชิ้นงานที่จะต้องหดหายไป เพื่อลดปัญหาในการผลิตรวมทั้งเป็นการลดต้นทุนลง จนเฟอร์นิเจอร์ในยุคนั้น กลายเป็นอะไรที่เรียบและง่าย สามารถผลิตด้วยเครื่องจักรได้ในปริมาณที่มาก แต่มาเล่นที่ความชาญ ฉลาดในการออกแบบ รวมทั้งการนำวัสดุต่างๆ มาพัฒนาใช้งานจนถึงจุดสูงสุด จึงกลายเป็นที่มาของ Concept ที่ว่า “Less is More” ที่โด่งดังนั่นเองครับ

และเมื่อ Modern Style ได้แพร่ระบาดไปทั่วทั้งอเมริกา ทวีปยุโรปก็ได้ซึมซับเอาอิทธิพลของงานออกแบบสไตล์นี้ เข้าไปด้วยเช่นกัน เพียงแต่ท้องถิ่นแต่ละแห่งก็ได้มีการดูดซับอิทธิพลของสไตล์ Modern ในอัตราที่ไม่เท่ากัน ทั้งในแง่ของ ปริมาณและระยะเวลา

นักออกแบบที่มีชื่อเสียงของ Scandinavian Modern ได้แก่ Alvar Aalto ซึ่งเป็นสถาปนิก และนักออกแบบ ชาวฟินแลนด์ เจ้าของผลงานออกแบบ Tea Trolley No.98 และ Paimio Chair

Arne Jacobsen เจ้าของผลงานออกแบบ Munkegaํrd School Desk โต๊ะไม้อัดหน้าตาเรียบง่าย แต่มี Function ครบถ้วน และ Stacking Side Chair รวมถึง Chair Series 7 ที่โด่งดัง และเป็นหนึ่งในเก้าอี้ ที่งานออกแบบสไตล์ Modern จะต้องมีไว้เสมอ

นอกจากนี้ ยังมีนักออกแบบเด่นๆ อีกหลายท่าน เช่น Kaare Klint ชาวเดนมาร์ก ที่มีแนวความคิดแตกต่างจากกลุ่ม Bauhaus อย่างสุดขั้ว โดยเขาเชื่อว่า งาน Modern ไม่จำเป็นต้องทิ้งอดีตไปทั้งหมด และพื้นฐานงานออกแบบในยุค Classic สามารถนำมาปรับใช้ในงาน Modern ได้ ดังนั้น ผลงานส่วนใหญ่ของเขาจึงยังมีกลิ่นอายของความงามในอดีต ผสมกับแนวคิดของ Modern ดังจะเห็นได้จาก Faaborg Chair หรือ Deck Chair

และนักออกแบบคนสุดท้ายที่อดจะกล่าวถึงไม่ได้ นั่นคือ Hans J.Wegner ซึ่งเริ่มต้นอาชีพในฐานะช่างเฟอร์นิเจอร์ ต่อมาเขาได้หลงใหลและหันมาออกแบบเก้าอี้อย่างจริงจัง โดยตลอดชีวิตของเขา เขาได้ออกแบบเก้าอี้มากกว่า 500 แบบเลยทีเดียว โดยเก้าอี้ที่สร้างชื่อเสียงให้เขามากที่สุด ได้แก่ Round Chair ซึ่งได้ขึ้นปกและได้รับการยกย่องจากนิตยสาร ตกแต่งภายในของอเมริกาว่าเป็นเก้าอี้ที่งดงามที่สุดในโลกในยุคนั้น และเก้าอี้ตัวนี้ ก็ยังได้รับเลือกให้เป็นเก้าอี้สำหรับนั่ง Debate ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ระหว่างริชาร์ด นิกสัน และจอห์น เอฟ.เคนเนดี้อีกด้วย

ซึ่งภายหลัง เก้าอี้ Round Chair ได้รับการเปลี่ยนชื่อใหม่ เป็น The Chair จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นเอง

นอกจากนี้ ยังมีเก้าอี้ตัวโปรดของผม เช่น Ox Chair ที่เรียบง่าย แต่สวยงาม ทั้งในแง่ของฟอร์ม และความผสมผสาน ระหว่างความบึกบึนและเส้นสายที่บางเบา หรือเก้าอี้สามขา (Three Legged Chair) ที่ยังคงพบเห็นอยู่บ่อยๆ รวมทั้ง Y-Chair เก้าอี้ที่มีฟอร์มคล้ายต้นไม้ และโดดเด่นเอามากๆ

แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านมานานกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว แต่บรรดาผลงานของเหล่านักออกแบบในกลุ่ม Scandinavian Modern ก็ยังคงโลดแล่นอยู่ในกระแสงานออกแบบ อย่างสม่ำเสมอ และในยุคปัจจุบัน ตัวแทนของ Scandinavian Modern ก็ยังคงก้าวย่างอย่างมั่นคงในโลกธุรกิจได้อย่างสวยงาม

ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก IKEA ตัวแทนจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ยักษ์ใหญ่ จากสวีเดน ที่ยังคงยืนหยัดใน Concept ที่ว่า “Beauty for all” ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานนั่นเองครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
www.moma.org
www.danish-furniture.com 

Isyss