ม่านปรับแสงหรือมู่ลี่ ในปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลาย ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติและความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกันไป ลองมาดูกันนะคะ
ม่านปรับแสงแบบอะลูมิเนียม
มีทั้งแบบแนวนอนและแนวตั้ง เป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบา สามารถป้องกันแสงและความร้อนได้ดี รวมทั้งทนความชื้น มีสีสันให้เลือกหลากหลาย ให้ความรู้สึกทันสมัย เหมาะกับบ้านโมเดิร์นหรือสำนักงาน ทำความสะอาดง่ายโดยใช้ผ้าชุบน้ำหรือน้ำสบู่เช็ด อีกทั้งมีราคาไม่แพง สำหรับข้อควรระวังในการใช้ คืออย่าบิดหรือหักใบอะลูมิเนียม เพราะจะไม่สามารถคืนรูปให้คงเดิมได้
ม่านปรับแสงแบบไม้เนื้อแข็ง และ ไม้ไผ่
นิยมทำในแบบแนวนอน ป้องกันแสงและความร้อนได้ดี ดูเป็นธรรมชาติ และให้ความรู้สึกอบอุ่น มีให้เลือกหลายโทนสี จึงเหมาะกับบ้านแทบทุกสไตล์ โดยเฉพาะบ้านที่มีสมาชิกในครอบครัวแพ้ฝุ่นจากผ้าม่าน มู่ลี่ไม้ทำความสะอาดง่าย โดยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด สำหรับม่านมู่ลี่ไม้เนื้อแข็งมีราคาค่อนข้างสูง ไม่เหมาะกับที่ชื้นและมีน้ำหนักมาก จึงไม่สามารถทำเป็นผืนขนาดใหญ่มากได้
ม่านปรับแสงแบบไวนิล พีวีซี
ใช้ทำม่านปรับแสงแนวตั้ง มีน้ำหนักเบา ตัววัสดุทึบแสง จึงสามารถป้องกันแสงได้ 100% เมื่อปิดหมดจะสามารถป้องกันความร้อนได้ดี ไม่มีปัญหาเรื่องใบหักงอ ทำความสะอาดง่ายโดยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด เหมาะกับสำนักงาน โดยเฉพาะด้านที่รับแสงแดดโดยตรง และพื้นที่ที่มีความชื้นสูง
ม่านปรับแสงแบบผ้าโพลีเอสเตอร์
มีให้เลือกทั้งแบบที่เป็นโพลีเอสเตอร์ 100% แบบผสมไฟเบอร์และแบบเคลือบโฟม มีน้ำหนักเบา ทนความชื้น ตัววัสดุมัลักษณะโปร่งแสงจึงป้องกันความร้อนได้ไม่มากนัก เหมาะสำหรับห้องที่ไม่ได้รับแสงอาทิตย์โดยตรง เช่น ห้องทางทิศเหนือ หรือห้องที่มีเงาชายคา
ม่านปรับแสงแบบผ้า
ให้ความรู้สึกนุ่มนวลโปร่งเบา แต่ป้องกันแสงและความร้อนได้ไม่มากนัก ทำความสะอาดค่อนข้างยาก เหมาะกับห้องที่ไม่มีฝุ่นมากนัก อย่างเช่นห้องนอน ห้องพักผ่อน โดยอาจใช้เป็นม่านโปร่งร่วมกับผ้าทึบที่ทำเป็นม่านจับจีบ หรือม่านพับก็ได้
ในการเลือกซื้อนั้น นอกจากจะเลือกวัสดุและสีสันแล้ว ต้องพิจารณาเลือกที่ความแข็งแรงทนทานของอุปกรณ์ด้วย โดยเมื่อทดสอบต่างองศา และดึงเปิด-ปิดดูจะต้องสามารถปรับได้ง่าย เบามือ และไม่ติดขัด พร้อมพิจารณาถึงเรื่องระยะเวลาการรับประกันคุณภาพด้วย
(ขอบคุณ แอล เดคคอเรชั่น) By หญิงอ้อน
|