ไฟฟ้าที่เราใช้กันตามบ้านมีที่มาจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต และส่งมาตามหน่วยควบคุมต่าง ๆ จนกระทั่งมาเข้ามิเตอร์ไฟฟ้าหน้าบ้านของเรา มิเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้กันทั่วไปจะมีขนาด 5, 10, 15 แอมป์ แล้วแต่การใช้งานของแต่ละบ้านว่ามีการใช้กระแสมากน้อยเพียงใด แต่โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นขนาด 5 แอมป์ค่ะ จากนั้นเราก็ต่อเข้ามาเมนไฟฟ้าหลัก หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์ (Circuit breaker) ซึ่งทำหน้าที่เปิดปิดและควบคุมวงจรไฟฟ้านั่นเอง และจากนั้นก็จะต่อไฟไปเข้าเบรกเกอร์ย่อย และจุดจั้มไฟ หรืออาจเรียกกันว่า Junction Box หรือ Terminal ก็ได้ จากนั้นก็เดินสายเข้ากับสวิทซ์เพื่อควบคุมการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือเดินสายเข้าไปที่เต้ารับเพื่อใช้จ่ายไฟให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ต่อไป
ส่วนการเลือกใช้เบรกเกอร์ไฟฟ้าย่อย ต้องดูด้วยว่าเราจะใช้ควบคุมอะไร ถ้าใช้ควบคุมเฉพาะแสงสว่างเป็นโซน ๆ ก็ควรเลือก 5, 10 แอมป์ก็พอ แต่ถ้ามีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยก็เลือก 30 แอมป์ขึ้นไป หรือถ้าใช้ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเดียว เช่น แอร์บ้านก็เลือกใช้ที่ 10 แอมป์ก็พอค่ะ หรือใช้คุมห้องครัวทั้งหมด อาจใช้ 100 ไปเลยค่ะ ทั้งนี้ต้องคำนวณดี ๆ นะคะ ว่าโหลดเรื่องใช้ไฟฟ้าของเราเท่าไหร่ จะได้เลือกใช้ได้ถูกต้องและปลอดภัยค่ะ
นอกจากนี้ การเลือกสายไฟฟ้า ก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าเราเลือกไม่ดีหรือเลือกไม่เป็นอาจทำให้เกิดไฟไหม้ได้เช่นกัน ลองสังเกตที่สายไฟ จะมีข้อมูลบอก เช่น สายไฟเส้นนี้ขนาดเท่าไร เบอร์อะไร สามารถทนกระแสได้เท่าไหร่ แรงดันเท่าไหร่ หรืออุณหภูมิความร้อนกี่องศา และที่สำคัญสายไฟก็มีอายุการใช้งานเหมือนกัน ถ้าระหว่างใช้งานหากพบว่าฉนวนที่หุ้มสายไฟเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองเริ่มกรอบและแตกก็ควรที่จะเปลี่ยนสายไฟใหม่ได้เลยค่ะ เพื่อความปลอดภัยของคุณเองค่ะ
การออกแบบระบบไฟฟ้าในบ้านที่ดี
การวางระบบไฟฟ้าภายในบ้านที่ดี ควรแยกออกตามชั้นของบ้านหรือแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ตามพื้นที่ หรือจะแยกตามประเภทของการใช้งาน ซึ่งจะง่ายก่อการซ่อมบำรุงหากเกิดไฟฟ้าขัดข้อง ไฟฟ้าภายในห้องครัวควรแยกไว้ด้วย หากต้องดับไฟภายในบ้านเพื่อซ่อมแซม จะได้ไม่ต้องดับไฟห้องครัวที่มีตู้เย็นไว้ อาหารภายในตู้จะได้ไม่เสีย ระบบไฟฟ้าในห้องน้ำ ควรจะมีไฟฟ้าส่องสว่างบริเวณหน้ากระจกเพื่อใช้ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ และบริเวณกลางห้องน้ำส่วนที่เป็นอ่างอาบน้ำ หรือฝักบัว ไม่ควรติดไฟฟ้าต่ำจนเดินไปซึ่งอาจจะ ถูกน้ำกระเด็นมาโดนได้ ถ้าหากในห้องน้ำมีพื้นที่ใช้สอยไม่มากให้เลือก ติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างที่กลางห้องเพียงจุดเดียวก็ได้ หากจำเป็นต้องมีปลั๊กภายในห้องน้ำ ควรอยู่ในระดับที่สูงพอ เพื่อไม่ให้โดนน้ำหรือทำฝาครอบไว้ป้องกันอันตราย สวิทซ์เปิด ปิดควรอยู่ด้านนอกห้อง เพื่อเป็นการป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ห้องน้ำควรติดตั้งเบรคเกอร์ไว้ตัดไฟด้วย
นี่ก็เป็นการเลือกใช้อุปกรณ์ และการเดินไฟฟ้า แบบคร่าว ๆ เพื่อจะได้เข้าใจง่ายนะคะ ยังมีเทคนิคและอุปกรณ์อื่น ๆ อีกมากมาย สำหรับงานไฟฟ้า ไว้คราวหน้าจะนำเรื่องราวดี ๆ มาฝากกันอีกนะคะ
By หญิงอ้อน
ภาพประกอบจาก http://www.flickr.com/photos/tomsaint/2868226565/ |