ศาสตร์แห่งการทำความสะอาด

เวลาในแต่ละวันอันเร่งรีบของมนุษย์ทำงานอย่างเราๆ ถูกจำกัดเอาไว้เพื่อใช้กับ เรื่องที่ "จำเป็นต้องทำ" เสียเป็นส่วนใหญ่ ทั้งงาน การเดินทาง เข้าสังคม เหล่านี้เป็น เรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะเดียวกัน การดูแลบ้าน ก็เป็นอีกหนึ่งภาระที่ต้องทำเช่นกัน แต่ความเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้าในแต่ละวัน ทำให้งานบ้าน กลายเป็นเรื่องที่ "ต้องทำอย่าง เสียมิได้" ไปเสียแล้ว ความที่มันฟังดูน่าเบื่อหน่าย ทำให้เราต้องจ้างแม่บ้านเพื่อแบ่งเบา ภาระ และเปิดโอกาสให้เราได้ทำกิจกรรมเพื่อผ่อนคลายตัวเองบ้าง ..ด้วยเหตุนี้แหละที่ ทำให้งานบ้านกลายเป็นภาระอันหนักอึ้งที่แค่นึกขึ้นมา ก็ไม่อยากจะทำแล้ว ซึ่งทำให้เรา ละเลยสิ่งสำคัญหลายๆอย่าง ที่ต้องคำนึงถึงไปเสียอย่างนั้น

จริงๆแล้วการทำความสะอาดบ้านนั้น ไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่อหน่ายอย่างที่คิด เพราะ สาระสำคัญของมันไม่ได้อยู่ที่ "ความสะอาดของวัตถุ" เพียงอย่างเดียว แต่มันคือ "ความสะอาดของจิตใจ" ซึ่งเกิดขึ้นได้โดยตัวผู้ทำเอง เช่นนั้นแล้ว หากเราลงมือทำงาน บ้านด้วยตัวเอง และทำโดยใส่จิตวิญญาณลงไป ผลลัพธ์ที่ได้คือการบำบัดใจเรา และ ปัจจัยรอบๆตัวเราให้สะอาด ทั้งต่อตัวบ้านเอง และต่อสังคมอีกด้วย

- นั่งคุยกับตัวเอง การลงมือทำงานบ้านด้วยตัวเอง แทบไม่ต่างกับการ "นั่งคุยกับตัวเอง" เลย เพราะ เหมือนกับการทบทวนรายละเอียดปลีกย่อยในชีวิตว่า อะไรคือสิ่งที่เหมาะสมกับเรา จริงๆ ลองจินตนาการขณะกวาดบ้านว่า ข้าวของภายในบ้านเป็นเรื่องราวที่ผ่านเข้ามา ในชีวิตเรา เป็นคนที่เราเคยรู้จัก จะทำให้เราเข้าใจคุณค่าของสิ่งต่างๆภายในบ้านมาก ขึ้น เราอาจจะพบว่า โต๊ะกินข้าวตัวใหญ่ขนาด 8 ที่นั่งนั้นช่างห่างเหิน และไม่เหมาะกับ เราเลย ขณะที่โซฟาเก่าตัวเล็กๆ ที่เคยเปรยกับแฟนว่าควรจะเอาไปทิ้งซะ กลับกลาย เป็นเพื่อนแท้ที่มานั่งพักใจบ่อยที่สุด เราอาจจะได้พบหนังสือเล่มเก่าที่ซื้อไว้นานแสน นาน เพื่อจะได้มาทำความรู้จักกันในเวลาที่เหมาะสมเสียที หรือได้พบว่า แค่สลับโคมไฟ ไว้อีกจุดนึง กลับทำให้วิสัยทัศน์ในห้อง ดูดีขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ เสมือนชวนเพื่อนเปลี่ยน ไปนั่งดูวิวจากอีกฟากหนึ่งของถนนก็ไม่ปาน

ห้องครัวเองก็เช่นกัน การมีเครื่องครัวมากชิ้นเกินไป ก็ไม่ได้ส่งผลดี เพราะมันไม่ ได้บ่งบอกว่าเราทำอาหารเก่ง แถมในบางครั้ง ยังสิ้นเปลืองน้ำเพื่อล้างทำความสะอาด อย่างไม่จำเป็น โดยส่วนมาก กระทะหรือหม้อที่ทำอาหารได้ถนัดมือที่สุด มักจะเป็นชิ้นที่ สวยน้อยที่สุด ฉะนั้นแล้ว มันจะไม่เคยอยู่เฉยๆให้ฝุ่นจับหนา จนต้องหยิบมาล้างบ่อยๆ เพราะเสียดาย แม้กระทั่งในตู้เย็นที่เต็มไปด้วยอาหารนานาชนิดอายุหลายเดือน ของ เหล่านี้ล้วนสิ้นเปลืองเนื้อที่ แถมยังเปลืองไฟ เลือกเก็บไว้แค่สิ่งที่เราได้ใช้ประโยชน์จาก มันจริงๆก็พอ

- คุณก็เพลิดเพลินได้ ใช่ว่างานบ้านจะเป็นเรื่องน่าเบื่อไปเสียทั้งหมด เพราะหากมุ่งมั่น และตั้งใจทำจริงๆ จะพบกับความสนุกสนานได้อย่างไม่น่าเชื่อ อย่างแรกคือได้ฝึกเป็นมัณฑนากรสมัคร เล่น ด้วยการย้ายข้าวของมาอยู่ในตำแหน่งที่เราพอใจ ซึ่งทำให้เราได้คำนึงถึงการใช้ งานของเหล่านั้นอย่างจริงจังเสียที รวมทั้งจัดหมวดหมู่สิ่งของให้อยู่ใกล้กัน เช่นหนังสือที่ วางระเกะระกะตามจุดต่างๆ เครื่องประดับชิ้นเล็กๆ ซีดีเพลงโปรดที่เวลาอยากฟังมักจะ หาไม่เจอ ฯลฯ ผลลัพธ์คือบ้านจะดูเป็นสัดเป็นส่วนขึ้น เพียงแต่ต้องค่อยๆทำอย่าง ใจเย็น และทำให้เสร็จไปทีละจุด ไม่เช่นนั้นแล้วจะกลายเป็นงานช้างทันที เพราะทุกสิ่งทุก อย่างจะขัดหูขัดตา อยากทำไปหมด ทั้งนี้ทั้งนั้น ผลพลอยได้ที่ยอดเยี่ยมก็คือ เราได้ เคลื่อนไหวทุกส่วนของร่างกายอย่างเป็นระบบ ตามประสาทสัมผัส เผาผลาญไขมันส่วน เกินไปในตัว เป็นการชดเชยเวลาออกกำลังกายที่เราแทบจะไม่ได้ให้ค่ากับมันเท่าไหร่นัก ไปอย่างแนบเนียน

นอกจากนี้ยังทำให้เราได้ใช้เวลาร่วมกันกับครอบครัวได้ด้วยเช่นกัน เปิดเพลง เพื่อกระตุ้นความสนุกของลูกๆ หรืออาจจะเป็นเวลาที่พ่อแม่ลูก, พี่-น้อง ได้มีกิจกรรม ร่วมกัน เป็นการใช้เวลาที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง

- คำนึงถึงสังคม สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงอย่างมากคือผลลัพธ์ที่ตกไปยังสังคม ปัญหาน้ำเสีย และ ขยะมูลฝอย เป็นปัญหาที่ครัวเรือน สามารถแก้ไขได้ เช่นในประเทศญี่ปุ่น มีการแบ่ง ลักษณะการแยกขยะที่ละเอียดมาก โดยเฉพาะขยะที่รีไซเคิลได้ จะแยกหมวดหมู่ออก จากกันอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นขวดพลาสติก แก้ว กระป๋อง เครื่องใช้ไฟฟ้า ถ่าน แต่ละ ประภท ต้องทิ้งด้วยกันเท่านั้น

รวมไปถึงการใช้น้ำในการซักล้าง เราสามารถนำน้ำที่ใช้มารีไซเคิลได้ เช่นนำไป รดน้ำต้นไม้ เช็ดกระจก หรือใช้ซักผ้าชนิดอื่นต่อ สำหรับน้ำที่ใช้ ล้างจาน จะมีผลเสียต่อ ระบบน้ำคือทำให้ผักตบชวาเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเราสามารถหันมาใช้น้ำยาล้าง จานที่ไร้สารเคมีมาทดแทนได้เช่นกัน

ทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นเรื่องที่ไม่เกินศักยภาพของทุกคน เพียงแต่การจะทำให้เกิด ผลอย่างชัดเจนต้องมีวินัยอย่างมาก สิ่งเหล่านี้เองก็สามารถปลูกฝังได้ โดยเริ่มที่ ครอบครัวของเรา เมื่อแต่ละครอบครัวร่วมมือกัน ผลลัพธ์ต่อสังคมก็ย่อมดีขึ้นตามมา ปัญหาสาธารณสุขเช่นห้องน้ำสกปรก ท้องถนนเต็มไปด้วยขยะ แม่น้ำเน่าเสีย ก็มีความ เป็นไปได้ว่าจะลดน้อยลง ตามพฤติกรรมของสังคมที่ดีขึ้น

และแม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วม จะพัดพาเอาทรัพย์สินของเราจมหายไปพร้อมกับ รอยยิ้ม แต่สิ่งที่รอคอยให้เราทุกคนลุกขึ้นมาเยียวยา และฟื้นฟูร่วมกันก็คือ "บ้านหลัง ใหญ่" การทำความสะอาดใหญ่ครั้งนี้จะทำให้คนไทยทั้งหมด ได้ทบทวนความหมาย ของคำว่าบ้านใหม่ ซึ่งไม่ใช่แค่การฟื้นฟูบูรณะทรัพย์สินให้กลับมาคงเดิมเพียงเท่านั้น แต่เป็นฟื้นฟูจิตใจ ชะล้างความทุกข์ในใจของคนไทยให้สะอาดไปพร้อมกัน เพื่อให้เรา กลับมาอาศัยร่วมกันในบ้านหลังเดิมอย่างเป็นสุขอีกครั้ง

By อัศว์ เมฆมนัสกิจ