Van Gogh - The Night Café in the Place Lamartine in Arles

สวัสดีค่ะ ก้าวเข้าสู่เดือน 9 ของปี 2555 กันแล้วนะคะ เป็นเลขดีซะด้วย ก็ขอให้เป็นอีกเดือนแห่งการ “ก้าว” และ “55” เสียงหัวเราะนะคะ


มาถึงเรื่องงานเขียนกันบ้าง ตอนแรกนับว่ายากที่เดียวกับการต้องหาหัวข้อที่เกี่ยวกับเลข 9 มาเขียน บังเอิญนึกถึงศิลปินชื่อดังอย่าง "ฟาน ก็อกฮ์" (Van Gogh) ขึ้นมา เชื่อว่าใครๆก็ต้องเคยได้ยินชื่อของจิตรกรเอกของโลกคนนี้ พร้อมกับเรื่องที่เขาตัดหูตัวเองและห่อผ้าส่งไปให้โสเภณีชื่อราเชล แต่คราวนี้จะขอเขียนถึงภาพๆหนึ่งที่แวน โก๊ะได้สร้างสรรค์ขึ้นในเดือนกันยายน ปี 1888 ภาพนี้มีอายุ 124 ปีแล้วค่ะ ชื่อว่าภาพ The Night Café in the Place Lamartine in Arles หรือเรียกสั้นๆว่า The Night Café ฟังจากชื่อหลายคนอาจนึกถึงภาพ The Night Café Terrace on Place du Forum Arles ที่เป็นภาพระเบียงร้านกาแฟในตอนกลางคืน

 

 


The Night Café in the Place Lamartine in Arles
Click picture for Enlarge

แต่ภาพ The Night Café in the Place Lamartine in Arles นี้จะเป็นบรรยากาศภายในร้านกาแฟชื่อ Café de la Gare (คาเฟ่ เดอ ลา การ์) เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า “Café of the Train Station” หรือ “ร้านกาแฟของสถานีรถไฟ” นั่นเองค่ะ ร้านกาแฟแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองอาลส์ (Arles) ในแคว้นโปรว็องซ์ (Provence) ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เจ้าของคือโจเซฟ-มิเชล จินู (Joseph-Michel Ginoux) และภรรยา ซึ่งอยู่ในภาพนี้ด้วย ภาพนี้เป็นอีกหนึ่งผลงานของแวน โก๊ะ ที่ได้สร้างสรรค์ไว้ตอนที่ย้ายออกจากกรุงปารีสไปอยู่ที่เมืองอาล์สในปี 1888 ภาพ Starry Night ที่โด่งดังก็เป็นฉากยามค่ำคืนของเมืองนี้เช่นกัน ดูเหมือนว่าเมืองนี้จะเป็นแรงบันดาลใจของพวกศิลปินแขนงต่างๆ อย่างคริสเตียน ลาครัว (Christian Lacroix) ดีไซน์เนอร์ชื่อดังชาวฝรั่งเศสก็เกิดและสร้างสรรค์ผลงานที่เมืองนี้ สวยงามแค่ไหน ถ้ามีโอกาสได้ไปเที่ยวประเทศฝรั่งเศส นอกจากกรุงปารีสแล้ว ลองลงไปเที่ยวทางใต้ที่ติดชายฝั่งทะเลกันนะคะ เผื่อจะได้อินสไปเรชั่นดีๆแบบศิลปินดัง


Starry Night
Click picture for Enlarge

มาดูกันที่ลายเซ็นของ ฟาน ก็อกฮ์ ในภาพนี้กันบ้างค่ะ ไม่ใช่ลายเซ็นที่เป็นการขีดเขียนชื่อหรอกนะคะ แต่เป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับงานของแวน โก๊ะ เหตุผลที่เขาเรียกโลเคชั่นเป็นร้านกาแฟก็เพราะเป็นคนที่ชอบแวะเวียนไปที่ซ่องโสเภณี ดื่มเหล้าถูกๆ ซึ่งฉากในร้านกาแฟที่เขากำลังนั่งอยู่ในวันนั้นดูซอมซอแต่กลับจุดประกายให้เขาเขียนภาพนี้ขึ้น ตามที่แวน โก๊ะ เขียนเล่าในจดหมายที่ส่งถึงน้องชายชื่อธีโอ (Theo) เขากล่าวว่า

“ภาพ Night Café นี้เราอยากให้เห็นว่าร้านกาแฟเป็นสถานที่ๆคุณจะมาทำร้ายตัวเอง คลุ้งคลั่ง ก่ออาชญากรรมก็ได้ เราแสดงมันออกมาผ่านที่สาธารณะที่ดูซอมซ่อ สีเขียวหม่นๆ ดูขัดกับสีเขียวอมเหลืองและฟ้าอมเขียว ราวกับเตาเผาของเหล่าภูตผี”

 

ฟังดูแล้วก็ตรงกับคาแรกเตอร์ของฟาน ก็อกฮ์ มาก เขาเป็นจิตรกรที่ป่วยเป็นโรคจิตและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่เมือง อาลส์แห่งนี้ตั้งแต่ปี 1888 ปีที่วาดภาพนี้นั่นเองค่ะ และนอกจากการใช้สีแล้ว สิ่งของและคนในภาพก็ดูเศร้าสร้อย ซึ่งเจ้าตัวก็ถูกใจกับผลงานชิ้นนี้จนต้องเซ็นชื่อกำกับไว้ที่มุมขวาล่างของภาพว่า “Vincent le café de nuit” (Vincent the café of night) เพราะถ้าไม่ชอบจริงๆจะไม่มีการเซ็นชื่อกำกับหรอกนะคะ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งชิ้นที่เขาชอบในบรรดาผลงานทั้งหมดในบรรดาภาพเขียนสีน้ำมันกว่า 800 ภาพ และภาพวาดอีกกว่า 700 ภาพและบังเอิญว่าพอล โกแกง ศิลปินที่เป็นทั้งเพื่อนและไม้เบื่อไม้เมากับฟาน ก็อกฮ์ ก็ได้เขียนภาพนี้ขึ้นในแบบของตัวเองโดยใช้โลเคชั่นเดียวกันแต่งานของโกแกงดูมีความสดใสมากกว่า ซึ่งก็ตรงกับบุคลิกของเขา เรียกได้ว่าผลงานทั้ง 2 ชิ้นนี้แสดงถึงขั้วขนานของศิลปินทั้งสองคนนี้อย่างเห็นได้ชัด
ผลงานศิลปะเพียงชิ้นเดียวแต่มีหลายอย่างที่ซ่อนอยู่ในภาพและแถมยังโยงไปถึงบุคลิกและชีวิตส่วนตัวของศิลปินอีกด้วยค่ะ อย่างฝีแปรงที่วนไปวนมาบนท้องฟ้าของภาพ Starry Night อันโด่งดังของแวน โก๊ะผู้วาดภาพนี้ขึ้นในโรงพยาบาลบ้าที่เขาเข้ารับการรักษา บอกถึงสภาพจิตใจของศิลปินชื่อก้องคนนี้ที่จากโลกไปด้วยวัยเพียง 37 ปีเท่านั้น แต่ผลงานของเขายังคงเป็นที่กล่าวถึงอยู่เสมอ ดั่งคำพูดที่ว่า “Ars Longa Vita Brevis” หรือ “ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น” นั่นเองค่ะ

   
   
   
บริษัท บาริโอ จำกัด
50 ซอยบรมราชชนนี 4 ถนนบรมราชชนนี เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700   Tel. 66 2881 8536-7   Fax. 66 2881 8538