เราเชื่อว่าไม่ว่าใครก็ต่างมีมุมโปรดในบ้านของตัวเอง...

บางคนชอบไปนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น บางคนมีมุมสุดโปรดอยู่ในห้องนอน หรือบางคนเองก็ชอบยกเก้าอี้ออกไปนั่ง Outdoor อยู่ในสวนสวยๆ บ้านของตัวเองกันใช่มั๊ยล่ะคะ

และแน่นอนค่ะ สำหรับเราแล้วจะเป็นที่ไหนไม่ได้เลยนอกจาก…

        ...ห้องกินข้าวค่ะ!!

        ก็แหม...พอเผลอทีไร ขาเรามันก็ชอบขยับไปหาห้องกินข้าวอยู่เรื่อยเลย เก้าอี้ก็นั่งสบาย โต๊ะก็กว้างแถมยังสูงได้ระดับพอดี มองไปข้างนอกก็เห็นสวนชวนสบายตาและที่สำคัญที่สุด...หิวเมื่อไหร่ก็เดินไปเปิดตู้เย็นได้ใกล้นิดเดียวนั่น เอง!!

        อะแฮ่ม...และเพราะอย่างนี้เอง ในเดือนนี้เราก็เลยขอยกเรื่องห้องกินข้าวหลากสไตล์หลายแบบขึ้นมาเป็นประเด็นหลักแนะนำให้ทุกๆ คนได้รู้จักกันคะ!

มาเริ่มกันที่ห้องแรกเลยค่ะ!

Elegancy Classic

          โอย...แค่มองไปแว๊บแรก รัศมีความไฮโซหรูหราก็กระเด็นมากระแทกตาเข้าอย่างจัง…

           

          ขอบอกว่าห้องนี้เป็นห้องกินข้าวสไตล์ Classic ค่ะ โดยส่วนตัวแล้วชอบห้องนี้ตรงที่มีการกั้นห้องเป็นสัดส่วน แต่ในขณะเดียว กันก็ใช้ผนังที่กั้นนั้นมาประยุกต์เป็นตู้สำหรับโชว์ของสะสมได้อย่างลงตัว นอกจากนี้โทนสีที่ใช้ยังเป็นโทนสีครีมให้ ความรู้สึกปลอดโปล่ง สบายตา แถมยังมีกระจกติดไว้ช่วยเพิ่มความสว่างให้กับห้องได้อีกด้วยค่ะ...แหม... หรูหราจริงๆ

สำหรับห้องถัดมานั้น โดดเด่นเรื่องการใช้ Space ค่ะ

The Country Contemporary

          สาเหตุที่เราบอกว่าห้องกินข้าวนี้เด่นเรื่องการใช้ Space ก็เพราะไม่ว่าจะการวางตำแหน่งให้ห้องกินข้าวอยู่ใกล้กับ ห้องแพนทรี่แล้วบริเวณโดยรอบโต๊ะกินข้าวยังมีพื้นที่กว้างขวางทำให้ห้องดูสะอาดเรียบร้อยอีกด้วยค่ะ

         

          สำหรับโทนสีแล้ว เน้นการใช้สีแบบ Antique ที่เน้นสีน้ำตาลเป็นหลัก...ให้ความรู้สึกมั่นคงแล้วก็เรียบร้อยไปอีกแบบ นะคะ ส่วนสไตล์ของห้องนี้เป็นการเอาลักษณะหวานๆ ของ Country มาผสมแต่งแต้มกับความหรูหราอย่างพอเหมาะ...... เพราะฉะนั้นเราจะขอขนานนามสไตล์ของห้องนี้ว่า Country Contemporary ค่ะ :)

          จากโต๊ะกินข้าว มองออกไปเห็นวิวสวน...เยี่ยมที่สุดแล้วล่ะค่ะ

Vintage Country

          สำหรับห้องที่สามที่เรายกมาในวันนี้เป็นห้องกินข้าวสไตล์ Country แบบดั้งเดิมที่เรียบง่าย จึงเป็นที่มาของคำว่า “Vintage Country” ไงคะ

          จะสังเกตุความเป็น Country ได้จากบนเพดานที่ทำเลียนแบบบ้านในชนบทแต่นำมาปรับและลดทอนบางส่วนเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของบ้านโดยการนำ ‘กล่องไม้พ่นสีขาว’ มาประดับแทน ‘แป’ ของบ้าน และเมื่อจัดวางเฟอร์นิเจอร์แบบ Ladderback Chair ย้อนยุคประมาณ 1900 ที่ดูซื่อๆ บ้านๆ นิดๆ ทำให้ห้องอาหารห้องนี้ดู Vintage สุดๆ ไปเลยค่ะ

          แล้วก็ความโดดเด่นที่มองข้ามไปไม่ได้เลยก็คือการที่ห้องติดข้าวนี้มองออกไปเห็นสวนสวยๆ เนี่ยล่ะค่ะ...วันไหนลมดีๆ เปิดหน้าต่างรับลมเย็นๆ เข้ามาในบ้าน เตรียมอาหารเบาๆ อย่างแซนวิชหอมๆ กับน้ำชาอุ่นๆ มานั่งกินที่โต๊ะ แหม...สบายกว่านี้ไม่มีอีกแล้วค่ะ

           ใครกันน้า...ที่เป็นคนพูดว่าในห้องคอนโดมีห้องกินข้าวสวยๆ กับเขาไม่ได้??

The Country Classic

          นี่เป็นห้องกินข้าวสไตล์ Country Classic ที่แชร์พื้นที่ร่วมกับห้องนั่งเล่นซึ่งตกแต่งในสไตล์เดียวกัน ทำให้ใช้ ประโยชน์จากห้องโถงกลางส่วนนี้ได้เต็มพื้นที่ ผนวกกับการเลือกใช้สีโทนอ่อนทั้งตัวห้องและเฟอร์นิเจอร์ เติมอีกนิดด้วย ลายดอกไม้หวานๆ ทำให้ห้องนี้ดูกว้างและน่านั่งมากที่สุดเลยค่ะ

          นอกจากนี้ ในส่วนนั่งเล่น ยังมีการติดตั้ง LED TV จอใหญ่สำหรับให้ความบันเทิง ทำให้ส่วนทานอาหารได้ ประโยชน์ในส่วนนี้ไปด้วยเลยค่ะ สำหรับผู้ที่ชอบรับประทานอาหารไปพลาง ดูหนังไปพลาง ไม่ควรพลาดกับห้องสไตล์นี้ นะคะ :)

ห้องกินข้าวแบบนี้นี่เอง...ที่ทำให้รู้สึกว่าเราเป็นคนสำคัญสุดๆ

The Manhattan Style

          โซนกินข้าวสุดกิ๊บเก๋ที่ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือว่าอยู่ในห้องคอนโดก็ดูดีมีสไตล์อย่างไม่ต้องสงสัยด้วยการตกแต่งภายในแบบ Manhattan Style หรือสไตล์การตกแต่งแบบเมืองใหญ่ที่เน้นความหรูหรา แต่ยังคงความเป็นระเบียบเรียบร้อย แถมด้วย การเลือกใช้สีโทนขรึม แบบเมืองหนาว ช่วยทำให้ดูหนักแน่น เป็นผู้ใหญ่ และยังรักษาความสะอาดง่ายอีกด้วยค่ะ

          นอกจากนี้ การแบ่งโซนอย่างแนบเนียนโดยการยก Step ของส่วนกินข้าวให้สูงขึ้นมาจากพื้น ให้ความรู้สึกเป็น VIP สุดๆ แถมท้ายโดยการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการเพิ่มที่วางหนังสือใต้ชั้นที่นั่งด้านข้าง ทำให้ห้องนี้ มีเสน่ห์กว่าที่ คิดจริงๆ

Modern Contemporary

ก็เป็นอีกสไตล์ห้องกินข้าวที่ไม่ควรมองข้าม…

          ไม่ว่าจะกระจก แสตนเลสส์ หนังแท้หรือแม้แต่ หินอ่อนต่างก็เป็นวัสดุมันวาวที่ทำให้ ห้องกินข้าวห้องนี้ ดูปลอดโปร่ง โล่งใจแถมยังทันสมัยอีกด้วย รอบๆห้องเองก็ ใช้กระจกใสบานใหญ่รวมถึงประตู กระจกมาติดตั้งทำให้ สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่อยู่ภายนอก รวมถึงส่วนอื่นๆ ของบ้านได้และยังสามารถปิดประตู เพื่อกั้นส่วนเพิ่มความ เป็นส่วนตัวได้อีกด้วย

           โหย...ห้องแบบนี้เห็นแล้วอยากได้นะคะ เพราะใช้ได้ กับทุกสถานการณ์เลย ไม่ว่าจะกินข้าวกันเองในครอบครัว ชวนเพื่อนพ้องมาเฮฮาสังสรรค์ ไปจนถึงนัดประชุมสัมมนา กันก็ยังได้ค่ะ :)

           ครอบครัวไหนที่มีสมาชิกในบ้านเยอะ...ห้องกินข้าวแบบนี้ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่พลาดไม่ได้ค่ะ

Glittering Classic

          สำหรับห้องนี้เป็นห้องกินข้าวสไตล์ Classic สำหรับ ครอบครัวขนาดใหญ่ โดยจะเลือกใช้โต๊ะกินข้าวที่มีขนาด ยาวเพื่อที่ทุกคนจะได้นั่งด้วยกันอย่างพร้อมหน้า พร้อมตา แต่ถ้าวันไหนเกิดอยู่บ้านกันแค่ไม่กี่คน จะไปนั่ง กันสบายๆ ที่ Pantry Bar ก็ยังได้

          ในห้องนี้เลือกใช้โทนสีครีมและประดับด้วยสีทองระยิบระยับ เพื่อช่วยเพิ่มความหรูหราตามรสนิยมของเจ้าของ บ้าน ค่ะ แหม...เห็นแล้วก็ชักจะติดใจห้องนี้ด้วยแล้วสิ (>w<)

The Futurism

          ไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมให้วุ่นวาย เพราะตั้งแต่โทนสีที่ค่อนข้างแรงสะดุดตานี้แล้ว ห้องนี้ยังได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะแบบ Futurism ที่มีการใช้รูปทรงและเส้นสายมาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้พบเห็น

           ห้องกินข้าวห้องนี้ใช้สีโทนเข้มที่อาจทำให้อึดอัด ทว่าได้เลือกใช้วัสดุวาวที่ทำให้มองเห็นเงาสะท้อนบวกกับติดกระจกใส บานใหญ่ที่ทำให้มองลงไปเห็นวิวเมืองสุดสายตานั่นเอง จึงสามารถนำมาลบล้างความอึดอัดและกลายมาเป็นความสวยงาม อย่างมีเอกลักษณ์ไปอีกแบบค่ะ

          แล้วก็มาถึงห้องสุดท้ายที่เราจะหยิบมาแนะนำกันในวันนี้แล้วนะคะ

Contemporary

          กรี๊ดกร๊าด แบบว่าอยู่ติดสวนอย่างที่ปลื้มเล่ยอ่ะค่ะ -.,-

          เอ๊ย ไม่ใช่ละ...สำหรับห้องนี้เป็นห้องแบบ Contemporary ที่เรียบง่ายอย่างลงตัว มีหน้าต่างบานใหญ่อยู่รอบๆ ทำให้ดู กว้างขวางค่ะ มองออกไปเห็นสวนสีเขียวๆ แบบว่าร่มรื่นสุดๆ แถมโทนสีที่ใช้เองก็สบายตา ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เป็น Daily Use ที่ใช้ได้ทุกวันค่ะ :)

          แหม...และก็หมดลงแล้วนะคะสำหรับห้องกินข้าวหลากสไตล์หลายแบบที่เราได้เตรียมมาแนะนำกันในวันนี้มีห้องกินข้าวแบบ ไหนที่โดนใจทุกคนกันบ้างรึเปล่าคะ?

          สำหรับเราแล้วชอบ~ ทุกแบบเลยล่ะค่ะ!

          แล้วก็เราว่านะ...ยังต้องมีห้องกินข้าวอีกมากมายที่เรายังไม่เห็นแน่ๆ เลย เพราะฉะนั้นต้องขอพาใจไปหาแล้วก็ขอตัวลาไป ก่อนนะคะ

          ไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้า สวัสดีค่ะ :)