จากกระแสที่กำลังมาแรง ของการแต่งบ้านแบบ Modern Tropical Style นั้น ทาง Home & Style ได้ขอสัมภาษณ์ คุณมยุรี คุณวุฒิฤทธิรณ Projector Director คนเก่งของ บาริโอ ของเรา ทาง บก. เห็นว่าน่าจะมีประโยชน์กับท่านผู้อ่านจึงได้นำบทสัมภาษณ์ดังกล่าวมาลงใน Issue นี้ด้วยค่ะ

Modern Tropical คืออะไร

คำว่า Modern Tropical มาจากคำสองคำ คือ Modern และ Tropical โดย Modern ในที่นี้คือ Style Modern ที่เราๆ ท่านๆ รู้จักกันเป็นอย่างดี และคำว่า Tropical หมายถึงเขตร้อนชื้น ใกล้เส้นศูนย์สูตร ดังนั้น คำว่า Modern Tropical จึงหมายถึงงานออกแบบในสไตล์ Modern ที่นำมาประยุกต์ใช้กับเขตร้อนชื้น ไม่ว่าจะด้วยการปรับแต่งรูปลักษณ์บางอย่าง หรือการนำเอาวัสดุพื้นถิ่นมาประยุกต์ใช้ ซึ่งเขตร้อนชื้นนี่ ไม่ได้มีเพียงทวีปเอเชียเท่านั้น แต่ยังมีในส่วนอื่นๆ ของโลกอีกด้วย ดังนั้น พอพูดถึงคำว่า Modern Tropical จึงมีข้อแตกต่างกันออกไปบ้าง ตามถิ่นกำเนิดที่มีอยู่ทั่วโลก

Singapore เป็นประเทศแรกๆ ที่ได้นำสไตล์นี้มาใช้ โดยอาคารเหล่านี้ จะมีหน้าตาแบบอาคาร Modern เรียบ ง่าย แต่มีการเติมแผงบังแดดชนิดต่างๆ เช่น Fin เพื่อการประหยัดพลังงาน หรือยื่นขอบชายคาด้านบนออกมาเพื่อกันฝน ตลอดจนมีการนำไม้ชนิดต่างๆ มาใช้คู่กับกระจกและวัสดุสมัยใหม่อื่นๆ เพื่อสร้างเสน่ห์ที่ยากจะหาได้ในอาคาร Modern ทางแถบยุโรปและอเมริกา

หลักในการแต่งบ้านแบบ Modern Tropical

เนื่องจากสไตล์นี้ มีต้นกำเนิดมาจากสถาปัตยกรรม ดังนั้น Space ในงานสถาปัตยกรรมจึงเป็นพระัเอกสำหรับงานตกแต่งภายในประเภทนี้ โดยมาก Space ในงานแนวนี้จะเน้นที่ความโปร่ง โล่ง และมีการใช้แสงธรรมชาติเข้ามาเป็นผู้ช่วยพระเอก ผนวกกับการใช้เส้นสายที่เรียบง่ายของเฟอร์นิเจอร์ประเภท Built-in เพื่อเพิ่มประโยชน์ใช้สอย และเติมเสน่ห์อีกนิดด้วยลอยตัวเก๋ๆ แล้วคุณก็จะได้งาน Modern Tropical ที่จับใจวัย Chic ทั้งหลาย

ส่วนสำคัญที่มองข้ามไปไม่ได้ คือการผสมผสานบรรยากาศทั้งภายนอกและภายในอาคาร โดยงานตกแต่งแบบ Modern Tropical นี้ จะมีจุดเด่นที่การใช้ช่องแสงที่มีขนาดใหญ่เพื่อสร้าง Space ที่น่าประทับใจ ซึ่งสิ่งที่ตามมา ย่อมหนีไม่พ้นรายละเอียดทางสถาปัตยกรรม เช่น Fin หรือ Finishing ต่างๆ ตลอดจนงาน Landscape ที่รายล้อมตัวอาคาร ดังนั้น งานออกแบบสไตล์ Modern Tropical จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงองค์ประกอบที่สำคัญทั้งสามประการ คือ งานสถาปัตยกรรม งานตกแต่งภายใน และงานตกแต่งจัดสวน

ข้อควรคำนึง...

สิ่งแรกเลย สำหรับผู้ที่ต้องการบ้านในสไตล์ Modern Tropical คือคุณต้องระบุความต้องการของคุณให้ชัดเจนกับสถาปนิกของคุณ ซึ่งจะรวมไปถึงมัณฑนากรและภูิมิสถาปนิกด้วย

ต่อมาคุณต้องเข้าใจว่า บ้านแบบ Modern Tropical ต้องการพื้นที่มากๆ เพื่อเน้น Space ที่โปร่ง และโล่งมากๆ (อย่างน้อยก็ประมาณ 30-40% ของตัวบ้าน) ดังนั้นห้องอื่นๆ ของคุณอาจจะมีขนาดเล็กลงบ้าง รวมทั้งคุณต้องเริ่มสรรหางานลอยตัวสวยๆ มาช่วยสร้างความน่าสนใจให้กับห้อง เสมือนประติมากรรมชิ้นเอกอีกด้วย และที่สำคัญ คุณต้องเตรียมพื้นที่สำหรับเก็บของ ซึ่งอาจเป็นตู้ Built-in ติดผนังจำนวนมากๆ เพราะคุณจะไม่สามารถวางของใช้ทั่วไปให้เกะกะในงานแบบนี้ได้มากนัก (เดี๋ยวจะเสียสวยหมด) ซึ่งเจ้าตู้ Built-in เหล่านี้ คุณสามารถออกแบบให้หน้าบานกลมกลืนไปกับผนังมากที่สุดก็ได้ (ข้อนี้สำคัญมากนะคะ

เพราะบ้านที่ดูสวย แต่ไม่มีที่เก็บของ จะใช้สอยอะไรก็จะลำบาก ติดขัดไปหมด สุดท้ายก็ต้องเลือกว่าจะ้ต่อเติมห้องเก็บของใหม่ หรือวางให้มันรกไปซะ ซึ่งก็ต้องลงเอยด้วยการย้ายบ้านหนี..อันนี้ ห้ามหัวเราะนะคะ เพราะเคยมีให้เห็นมาแล้วจริงๆ)

สุดท้าย ก็ต้องเข้าใจลักษณะเด่น และการใช้สอยของ Material พื้นถิ่นที่จะนำมาใช้ อย่างบ้านเราก็จะเป็นจำพวกไม้ เพราะบ้านเราไม้เยอะ (ไม่งั้น ก็ตัดจากเพื่อนบ้านซะ) ซึ่งจะต่างจากทางแถบยุโรปหรืออเมริกา ที่จะเน้นวัสดุประเภทโลหะและกระจกเป็นส่วนใหญ่ (โลหะไม่เหมาะกับเขต Tropical เนื่องด้วยปัญหาสนิม)

อ้อ ! เกือบลืม ต้องให้ความสำคัญกับงาน Lighting ด้วยนะคะ เพราะถึงแม้จะเน้นแสงธรรมชาติ แต่พอตกกลางคืน แสงประดิษฐ์ก็จะกลายเป็นพระเอกไปแทนคะ

เตรียมตัว...

อันดับแรก ต้องเตรียมใจ และทำความเข้าใจว่า Modren Tropical style จะไม่เหมือนกับ Contemprorary style ว่าถ้าบ้านพื้นที่เท่ากัน แต่แต่งแบบ Modren Tropical style จะมีพื้นที่ใช้สอยน้อยกว่าการแต่งบ้านแบบอื่น เพราะ Modren Tropical style จะยึด concept “less is more” นั่นคือ เรียบๆ ง่ายๆ แต่ดูดี และถ้ารกเมื่อไหร่ก็จะไม่ใช่ Modren ทันที

สองต้องหา interior designer ที่เข้าใจการออกแบบ Modren Tropical style จริงๆ เพื่อให้ออกมาได้ตรง concept ที่เราอยากได้

สาม สิ่งที่ต้องทำต่อมาคือ ต้องพิถีพิถันในการหา furniture สวยๆ มาวางในบ้าน เพราะ Modren Tropical style ต้องมีการจัดแสดงจุดเด่นของบ้าน โดยมากจะเป็นภาพเขียน หรือบางทีเราอาจโชว์ Sculpture ประติมากรรมนูนสูง - ต่ำ ก็ได้ อ้อ ! สิ่งที่จะต้องระวังอีกเรื่องคือ เรื่อง lighting

ข้อดี - ข้อเสียของสไตล์นี้กับสไตล์อื่นๆ

อยากจะผ่านข้อนี้ เพราะงานออกแบบไม่ใช่การทดสอบ หรือการแข่งขันทางเทคนิค แต่มันคือศิลปะแขนงหนึ่งที่เราสามารถจับต้องได้ เข้าใจได้ ใช้สอยได้ และมีคุณค่าทางจิตใจมากเกินกว่าที่จะมาเปรียบเทียบข้อดี - ข้อเสียกับสไตล์อื่นๆ ได้ ซึ่งแต่ละ Style ก็มีแบบ และเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ขึ้นอยู่กับความชอบ

แต่ถ้าให้บอกข้อควรระวัง หรือจุดอ่อนของงานสไตล์นี้ ก็คงเป็นเรื่องของการประหยัดพลังงานคะ เพราะงานแบบ Modern นั้นมีต้นกำเนิดจากประเทศเมืองหนาว ซึ่งต้องการแสงสว่างและแสงธรรมชาติ ในขณะที่บ้านเราเองมีสิ่งเหล่านี้จนเกินพอ ทำให้ต้องใช้พลังงานเพื่อปรับอุณหภูมิ ทีนี้ หากออกแบบไม่เหมาะสม เจ้าของอาคารคงต้องเสียค่าพลังงานมากกว่าแบบอื่นๆ คะ

แพงมั้ย ?

ตอบไม่ได้เหมือนกัน เพราะมันเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจ เป็นศิลปะ ดังนั้นจึงเป็นการยาก ที่จะบอกได้ว่ามันแพงหรือไม่ เหมือนกับภาพโมนาลิซ่า บางคนก็ว่าสวย.. บางคนก็ว่าไม่สวย.. บางคนก็ว่าแพง.. บางคนก็ว่าไม่แพงนะ...เพราะมีคุณค่าทางใจ และประวัติศาสตร์

แต่ถ้าถามว่าแพงกว่าสไตล์อื่นๆ มั้ย ก็คงต้องตอบว่า “ ไม่ ” เพราะแต่ละสไตล์ก็มีต้นทุนแต่ละแบบที่ไม่เหมือนกัน เช่นงานคลาสสิค ก็คงต้องลงทุนในเรื่องการประดับประดาึคิ้ว บัวต่างๆ ดิ้นเงิน ดิ้นทอง เป็นต้น ส่วนงาน Contemporary ก็ต้องเน้นที่การเลือกใช้วัสดุ และ Lighting Design เราอย่าเอามาเทียบ แต่อยากให้ถามตัวเองแค่ว่าคุ้มไหม...โดยเราลองมานึกกันดูว่า เวลาเราไปเที่ยวเราพักโรงแรม 4 ดาว , 5 ดาว ดีๆ ราคาตั้งแต่ 3,000-5,000 บาท ห้องดีหน่อย ก็ 20,000 บาท ถ้าคิดเป็นรายปี ตกปีละเท่าไร ถ้าหลายๆ ปีล่ะ คิดเป็นเงินเท่าไร และที่เราไปพัก ก็ต้องเพราะชอบบรรยากาศแบบนั้นใช่มั้ย แล้วถ้าเราอยากทำบ้านให้เป็นสวรรค์ส่วนตัวของเราบ้าง แถมยังจะใช้งานนานสัก 20 ปี ดังนั้นเราควรจะใช้งบประมาณเท่าไรดีล่ะคะ...