ช่วงนี้หนึ่งในเรื่องที่เป็นประเด็นใหญ่ระดับโลกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องเกี่ยวกับโรค Covid-19 ค่ะ โดยโรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรน่า และมีการพัฒนามาจากโรค SARs นั่นเองค่ะ
อาการของโรคนี้คือมีไข้ ไอแห้งๆ หายใจไม่สะดวกและอ่อนเพลีย หากใครมีอาการเหล่านี้ก็อย่าลืมไปตรวจสุขภาพร่างกายกันนะคะ แต่ถ้ายังไม่มีอาการ ส่วนตัวคิดว่าอยู่บ้านหรือละแวกใกล้ๆ บ้านและหลีกเลี่ยงสถานที่แออัดกับสถานที่อย่างโรงพยาบาลจะดีกว่าค่ะ
เอ…แล้วอยู่บ้านนี่จะทำอะไรดีล่ะ เรื่องที่ปกติต้องทำก็ทำไปหมดแแล้ว…
ในวันนี้เราจะมาแนะนำขั้นตอนง่ายๆ ในการทำความสะอาดบ้าน รับมือ Covid-19 กันค่ะ : )
Step 1 : รู้จักโรคเพื่อจัดการ
อย่างที่กล่าวไปว่าโรค Covid-19 เป็นโรคที่ติดต่อเมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายทางปากหรือตา (หรือจุดที่มีสารคัดหลั่งของร่างกาย) เท่านั้น ดังนั้นหมายความว่ามันไม่ใช่โรคที่ติดต่อผ่านทางอากาศค่ะ ดังนั้นหากไม่โดนไอใส่ในระยะ 1-2 เมตร เราก็จะไม่ติดโรคหากเราไม่ได้สัมผัสและนำเข้าสู่ร่างกายนั่นเองค่ะ
แล้วถ้าอย่างนั้นหน้ากากอนามัยจำเป็นมั๊ย?
หน้ากากอนามัยจะช่วยไม่ให้ละอองน้ำลายที่อาจะมีเชื้อโรคเข้าสู่ปากและจมูกของเรา และช่วยให้เรามีความมั่นใจในการออกไปข้างนอกมากขึ้นค่ะ แต่หากไม่สามารถหาได้ก็ไม่ได้เป็นปัญหา เราอาจใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าพันคอเก๋ๆ มาพันเพื่อบังปากและจมูกของเราไว้แทนได้ค่ะ : )
แต่ไม่ติดทางอากาศไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีความเสี่ยงเลย เพราะหากผู้ติดเชื้อไอใส่มือตัวเองแล้วไปจับหรือละอองน้ำลายไปตกอยู่ที่วัตถุสาธารณะ เช่น ราวจับหรือเก้าอี้บนระบบขนส่งสาธารณะ มือจับประตูทางเข้า รถเข็นของในซูเปอร์มาร์เก็ต พื้นและผนัง แล้วเราไปจับหรือเสื้อผ้าเราไปโดน เชื้อโรคก็สามารถติดมากับตัวเราได้ค่ะ ทำให้เราต้องทำความสะอาดร่างกาย เสื้อผ้า และบ้านอย่างสม่ำเสมอในช่วงนี้นั่นเอง
Step 2 : เริ่มด้วยการล้างมือเราเอง
ก่อนอื่นเลยค่ะ ก่อนจะทำความสะอาดบ้าน ต้องรักษาความสะอาดของตัวเองซะก่อน
เพราะว่าเชื้อโรคนั้นจะเข้าสู่ร่างกายทางปากหรือตา (หรือจุดที่มีสารคัดหลั่งของร่างกาย) ดังนั้นก่อนจะจับหน้าจับตาหรือจะกินจะทำอะไรก็ควรจะล้างมือให้สะอาดซะก่อน
เชื้อโรคเหล่านี้เมื่อเจอน้ำอุ่นและสบู่ก็จะอ่อนแอและตายไปค่ะ ดังนั้นหากเราล้างมือบ่อยๆ ต้องปลอดภัยไร้โรคอย่างแน่นอน : )
Step 3 : จุดที่ควรทำความสะอาดในบ้าน
เมื่อออกไปข้างนอก สิ่งที่ติดตัวเราไปด้วยมีอะไรบ้าง?
1. เสื้อผ้า
2. โทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์
3. รองเท้า
นี่คือสามสิ่งหลักๆ ที่ทุกคนจะมีเมื่อออกจากบ้านใช่มั๊ยคะ
สำหรับเสื้อผ้า…ในช่วงนี้หากไปในที่ที่มีคนมาก หรือใช้ระบบขนส่งสาธารณะ เมื่อกลับถึงบ้านก็ควรอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและไม่นำเสื้อผ้าเหล่านั้นมาใส่ซ้ำค่ะ
แต่สำหรับใครที่รักในการใส่กางเกงยีนส์ อาจไม่เห็นด้วยกับการนำกางเกงไปซักสักเท่าไหร่เพราะจะลดอายุการใช้งานและทำให้สีซีดและเสียทรง อาจนำกางเกงไปตากลมและผึ่งแดดเพื่อฆ่าเชื้อโรคแทนก็ได้ แต่สำหรับเหตุการณ์ช่วงนี้หากได้ซักสักครั้งสองครั้งก็จะดีและปลอดภัยมากขึ้นค่ะ
ในกรณีที่ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อเข้าบ้านไปเราไปนั่งที่ไหนบ้าง?
ส่วนมากก็จะเป็นห้องนั่งเล่นหรือห้องอาหารใช่มั๊ยคะ ดังนั้นจุดไหนที่เรานั่งเราก็ควรทำความสะอาดป้องกันเอาไว้ การทำความสะอาดที่นั่งเหล่านี้ ทำได้โดยการฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์หรือสเปรย์ทำความสะอาดโซฟาผ้าทิ้งไว้สักพักเพื่อฆ่าเชื้อโรค แต่ในกรณีที่เก้าอี้เป็นวัสดุอื่นๆ ที่สามารถเช็ดได้ก็สามารถใช้แอลกอฮอล์เทใส่ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ เพื่อเช็ดทำความสะอาดและรอแห้งก่อนจะใช้งานครั้งต่อไปค่ะ และหากเป็นไปได้ ก็สามารถยกเก้าอี้ของเราไปตากแดดสัก 30 นาทีเพื่อฆ่าเชื้อโรคได้เช่นกันค่ะ
ข้อควรระวัง :
– สำหรับโซฟาผ้าควรพิจารณาตามความเหมาะสมของสีวัสดุ หากวัสดุเป็นสีอ่อนการฉีดน้ำยาทำความสะอาด อาจทำให้เกิดคราบได้ ดังนั้นหากพิจารณาแล้วไม่สามารถฉีดทำความสะอาดได้ให้เปิดห้องให้มีอากาศถ่ายเทและใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดหรือผ้าคอยตบๆ ปัดๆ แทน เพื่อให้โซฟาไม่อับหรือเก็บฝุ่นมากจนเกินไป
– การนำเก้าอี้ไปตากแดดต้องพิจารณาตามความเหมาะสมของวัสดุ ในวัสดุบางชนิดการนำไปตากแดดอาจทำให้สีซีดจางหรือทำใส้สีที่เคลือบผิววัสดุแตกได้ ควรสอบถามผู้ผลิตให้ชัดเขนก่อนว่าสามารถนำไปตากแดดได้หรือไม่
โทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์…ของสองสิ่งนี้เป็นของที่จะขาดไปไม่ได้เลยเมื่อออกจากบ้าน เพราะเราจำเป็นต้องใช้ของทั้งสองสิ่งตลอดทั้งวัน ดังนั้นหมายความว่ามีหลายครั้งที่ก่อนและหลังจับทั้งสองอย่างนี้เราอาจไม่ได้ล้างมือค่ะ และเพราะแบบนี้เองทั้งโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์จึงเป็นของใช้ที่มีความเสี่ยงที่เชื้อโรคจะติดอยู่สูงเช่นเดียวกันค่ะ
ดังนั้นเราจึงควรใช้สเปรย์แอลกอฮอล์ฉีดและเช็ดทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเพื่อฆ่าเชื้อโรค และจุดที่เราวางโทรศัพท์ เช่น โต๊ะข้างหัวเตียงหรือบนเตียงเองก็ควรจะเช็ดทำความสะอาดเช่นกันค่ะ เราสามารถใช้ได้ทั้งสเปรย์แอลกอฮอล์และสเปรย์ฆ่าเชื้อโรคอย่าง Dettol ในการฉีดทำความสะอาดนั่นเอง
ข้อควรระวัง :
– การใช้สเปรย์ทำความสะอาดมากเกินไปอาจทำให้เฟอร์นิเจอร์ชื้น ควรเช็ดออกไม่ปล่อยทิ้งไว้ เพราะอาจส่งผลให้เฟอร์นิเจอร์เสียหายได้
โทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์…ของสองสิ่งนี้เป็นของที่จะขาดไปไม่ได้เลยเมื่อออกจากบ้าน เพราะเราจำเป็นต้องใช้ของทั้งสองสิ่งตลอดทั้งวัน ดังนั้นหมายความว่ามีหลายครั้งที่ก่อนและหลังจับทั้งสองอย่างนี้เราอาจไม่ได้ล้างมือค่ะ และเพราะแบบนี้เองทั้งโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์จึงเป็นของใช้ที่มีความเสี่ยงที่เชื้อโรคจะติดอยู่สูงเช่นเดียวกันค่ะ
ดังนั้นเราจึงควรใช้สเปรย์แอลกอฮอล์ฉีดและเช็ดทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเพื่อฆ่าเชื้อโรค และจุดที่เราวางโทรศัพท์ เช่น โต๊ะข้างหัวเตียงหรือบนเตียงเองก็ควรจะเช็ดทำความสะอาดเช่นกันค่ะ เราสามารถใช้ได้ทั้งสเปรย์แอลกอฮอล์และสเปรย์ฆ่าเชื้อโรคอย่าง Dettol ในการฉีดทำความสะอาดนั่นเอง
หากก่อนหน้านี้ได้มีการใส่รองเท้าเข้าไปในส่วนบ้านแล้ว ให้ใช้น้ำยาถูพื้นถูให้สะอาด 1 รอบแล้วรอแห้ง จากนั้นถูด้วยน้ำยาอ่อนๆ อีก 1 รอบเพื่อทำให้พื้นบ้านสะอาดค่ะ และอย่าลืม! บริเวณที่วางรองเท้าไม่ว่าจะเป็นชั้นวางรองเท้าหรือพื้นหน้าบ้านก็ควรหมั่นทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเช่นกันค่ะ : )
Step 4 : เปิดบ้านรับอากาศใหม่ๆ
เนื่องจากโรค Covid-19 ไม่ใช่โรคที่ติดต่อผ่านทางอากาศ ดังนั้นการเปิดบ้านรับอากาศใหม่เข้ามาจะทำให้อากาศถ่ายเทและหมุนเวียน ไม่อุดอู้ เรื่องนี้เองก็เป็นอีกเรื่องสำคัญทั้งกับสภาพร่างกายที่ควรได้ขยับและโดนอากาศเป็นประจำ และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในบ้านจะได้ไม่เหม็นอับจนเป็นจุดสะสมของเชื้อโรคอื่นๆ นั่นเอง
ข้อควรระวัง :
– เมื่อเปิดหน้าต่างรับลมแล้ว อาจต้องคำนึงเรื่องฝุ่นละอองที่จะเข้ามาด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโลเคชั่นของบ้านของแต่ละคนด้วยนะคะ : )
Step 5 : อยู่ในที่ปลอดภัย ไม่เสี่ยงโรค
การอยู่ในที่ปลอดภัย เช่น ในบ้านหรือบริเวณชุมชน (ที่ไม่มีการประกาศว่ามีผู้ติดเชื้อ) ของตัวเอง จะทำให้คุณปลอดภัยมากขึ้น รับประทานผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงเพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถสร้างภูมิต้านทานโรคได้ดีขึ้น และที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ร่างกายที่ต้องอยู่ในที่ปลอดภัย สภาพจิตใจของทุกคนเองก็ต้องอยู่ในที่ปลอดภัยเช่นกันนะคะ : )
และนี่ก็คือ 5 Steps ง่ายๆ รับมือ Covid-19 ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ แม้ช่วงนี้จะดูวุ่นวาย แต่สิ่งสำคัญคือการไม่แพนิคและเปิดใจรับมือกับสถานการณ์ค่ะ
ณ ตอนที่เขียนบทความบทนี้อยู่ ผู้เขียนอยู่ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี และเป็นช่วงที่แคว้นทางเหนือโดนปิดและจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเลยค่ะ ดังนั้นจึงสามารถการันตีได้ในระดับหนึ่งว่าวิธีข้างต้นที่บอกมาสามารถทำได้จริงและปลอดภัย
หวังว่าจะช่วยให้ทุกคนเข้าใจและปลอดภัยจากโรคมากขึ้นนะคะ : )