The Blissful Paradise (Part 1)

Ubon Ratchathani, Thailand

Two-Story Home

8-10 Members

300 Sq.m.

Modern Luxury

About

“บ้านพักอาศัยขนาดกว่า 300 ตารางเมตร ที่ให้บรรยากาศราวกับบ้านพักตากอากาศส่วนตัวที่แสนสงบและสวยงาม ห้องโถงรับประทานอาหารและห้องนั่งเล่นที่ตระการตาควรค่าแก่การจดจำ มาในโทนสีวานิลลาที่ทำให้เกิดความรู้สึกละมุนละไมราวกับกำลังเดินอยู่ในความฝัน”

Space

  • ห้องนอนใหญ่
  • Dining Area
  • Pantry
  • ห้องพระ
  • Living Area
  • Foyer & Hall
  • Family Room (2 ห้อง)
  • ห้องน้ำ

Space & Style

Modern Luxury Style เป็นสไตล์ที่ผสานเอาความเรียบหรูของสไตล์ Modern มาผสานกับการใช้สีสัน, Materials และงานออกแบบที่ให้ความรู้สึกหรูหรา น่าประทับใจ ตามดีไซน์เฉพาะสำหรับคุณ

Photo

|| Foyer & Hall ||

เมื่อเดินเข้ามาภายในตัวบ้านก็จะได้รับการต้อนรับด้วยโถง Foyer ที่สว่างและหวานละมุน ทางเดินทอดยาวเข้าไปในตัวบ้าน เมื่อมองไปทางด้านซ้ายมือก็จะเป็นพื้นที่สำหรับนั่งพักคอย หรือนั่งใส่รองเท้าพร้อมด้วยคอนโซลสำหรับวางของ ดีไซน์ออกมาให้ทั้งหมดดูลงตัว และสมมาตรทั้งงานเฟอร์นิเจอร์และงานตกแต่งภายใน
บริเวณผนังทั้งสองข้างใช้เป็นผนังไม้เว้นร่องแนวนอนเป็นจังหวะ ทำให้เกิดความรู้สึกนิ่งสงบ ตัดกับความรู้สึกของผ้าม่านสีเดียวกันที่ทำให้เกิดลวดลายแนวตั้ง และความรู้สึกพริ้วไหวของผ้า ทำให้ห้องแห่งนี้ถูกเติมเต็มด้วยทั้งบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสดใสในเวลาเดียวกัน
ดีไซน์เนอร์ของเราได้ออกแบบฝ้าเพดานให้ Drop หลุมขึ้นไปเล็กน้อย พร้อมทั้งทาสีทองเพื่อให้พื้นที่บริเวณนี้เกิดความรู้สึกกว้างขวางและปลอดโปร่ง อีกทั้งยังใช้กระจกบริเวณผนังตกแต่งเพื่อเพิ่มความสว่างในห้อง และเพิ่มมิติให้ดูอลังการมากยิ่งขึ้น
เมื่อเดินผ่านส่วนต้อนรับด้านหน้าเข้าไป จะพบกับบันไดที่จะพาเราขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ซึ่งเราจะพูดถึงใน The Blissful Paradise (Part 2) ในเดือนหน้าค่ะ

|| Living Area ||

เมื่อเดินแยกจากโถงต้อนรับมาทางด้านขวามือ จะพบกับห้องนั่งเล่นที่มีเพดานสูงแบบ Double Volume และหน้าต่างสูงแบบ Full-height สองระดับ (บนเป็นหน้าต่าง Fix และล่างเป็นหน้าต่างบานเลื่อน สามารถเปิดเพื่อออกไปสัมผัสกับบรรยากาศสวนภายนอกได้) ทำให้ตัวห้องดูปลอดโปร่งและสว่างไสว เหมาะแก่การใช้เวลาว่างอยู่ร่วมกันในครอบครัว และต้อนรับแขกผู้มาเยือนอีกด้วย
ตัวห้องจะเน้นการใช้สีเดียวกันกับโถงต้อนรับ คือ สีโทนวานิลลา มีการใช้ผนังไม้ตกแต่งเว้นร่องเช่นเดียวกับภายนอกเพื่อให้เกิดความรู้สึกต่อเนื่อง เมื่อเข้ามาก็จะพบกับโซฟายาวรูปตัว L ที่มีพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ และกว้างขวาง
อีกฝั่งนั้นจะเป็นผนังตกแต่งบริเวณแผงทีวีที่ทอดยาวขึ้นไปสูงจรดเพดานของบ้าน โดยลวดลายที่นำมาใช้จะเป็นลวดลายกราฟฟิกที่ประดิษฐ์ขึ้น โดยการใช้ชิ้นส่วนของงานไม้มาเรียงต่อกัน ซึ่งแต่ละชิ้นจะมีขนาดต่างกัน ทำให้เกิดมิติของร่องระหว่างแผ่นไม้ที่ลึกตื้นไม่เท่ากัน เป็นสเน่ห์ที่เรียบหรูและลงตัว

|| Dining Area ||

เมื่อเดินผ่านทางเดินที่ทอดยาวเข้ามาก็จะพบกับห้องอาหาร 10 ที่นั่ง ที่ดึงเอาความสูงแบบ Double Volume และลวดลายจังหวะบนพื้นจากห้องนั่งเล่นมาใช้ ที่ด้านซ้ายจะเป็นผนังตกแต่งสูงสีขาว ตัดกับเส้นลวดลายกราฟฟิกสีดำที่สร้างบรรยากาศที่สนุกสนานให้กับพื้นที่บริเวณนี้
โต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าทรงยาว ดีไซน์ตัดขอบ Top หินอ่อนให้โค้งมน รวมไปถึงเก้าอี้รับประทานอาหารที่ออกแบบโดย Bareo เป็นเก้าอี้แบบ Custom-Made ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกสี ลองนั่ง ปรับระดับความนุ่ม และองศาของเก้าอี้ได้อย่างเหมาะสมก่อนที่จะนำไปส่งมอบให้กับลูกค้าในบ้านที่ตกแต่งอย่างสมบูรณ์
เมื่อมองไปทางด้านขวาก็จะพบกับหน้าต่างบนหมุนขนาดใหญ่ที่สามารถเปิดเพื่อเชื่อมต่อพื้นที่กับ Courtyard กลางบ้านได้ ทั้งนี้ทำให้นอกจากตัวพื้นที่สามารถเปิดเพื่อรับลมและแสงธรรมชาติได้แล้ว ยังสามารถเพิ่มขนาดพื้นที่ไปยังภายนอกเพื่อจัดงานปาร์ตี้ขนาดย่อมได้อีกด้วย
เมื่อมองผ่านเข้าไปก็จะพบกับประตูกระจกใสสองฝั่งที่จะพาเราเข้าไปสู่ห้อง Family Room ที่ชั้นล่างของตัวบ้านนั่นเอง

|| Family Room 1 ||

ภายในห้อง Family Room 1 จะให้บรรยากาศสงบเงียบและเป็นส่วนตัวมากกว่า Living Area โดยตัวห้องนี้จะใช้โซฟารูปตัว L สีมิ้นต์เข้ามาเป็นจุดนำสายตา แสงไฟหลักที่ใช้ภายในห้องนั้นจะเป็นไปแบบ indirect light สีนวล เมื่อรวมเข้ากับโทนสีวานิลลาภายในห้องแล้วจึงสร้างความรู้สึกที่ผ่อนคลาย เหมาะแก่การพักผ่อน
และในขณะเดียวกันหากจัดงานปาร์ตี้ก็สามารถเปิดประตูบานเลื่อนทั้งสองด้านให้เชื่อมต่อพื้นที่เข้ากับห้องรับประทานอาหารขนาดใหญ่ด้านหน้าเพื่อใช้รับรองแขกได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

|| Pantry ||

โซน Pantry นั้นถูกออกแบบให้ใช้เป็นพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารง่ายๆ และบาร์สำหรับนั่งดื่ม หรือจิบไวน์เพื่อสังสรรค์กันอย่างเป็นส่วนตัว ดังนั้นพื้นที่ส่วนใหญ่ในบริเวณนี้จึงถูกออกแบบให้เน้นฟังก์ชั่นการจัดเก็บอย่างครบครัน
ตัวพื้นที่ใช้สีขาวเป็นสีหลัก เพื่อเพิ่มความสว่างและทำให้ดูสะอาดตา ส่วนขอบล่างของพื้นที่ในบริเวณนี้จะออกแบบให้มีบัวแสตนเลสสีเงินวาวมาประดับ ทั้งนี้นอกจากเพื่อความสวยงามแล้ว ยังทำให้การทำความสะอาดพื้นที่ในบริเวณนี้ง่ายดายขึ้นอีกด้วย
และนี่ก็คือ “The Blissful Paradise (Part 1)” ที่เรานำมาฝากทุกท่านในวันนี้ค่ ะ สามารถติดตาม Part 2 ได้ในเดือนหน้า วันที่ 5 มิถุนายน 2563 ได้ที่หน้าเว็บไซต์ Bareo-Isyss ค่ะ
หากสนใจดูผลงานอื่นๆ ของเราก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ Portfolio ของเว็บไซต์ Bareo-Isyss หรือ ถ้ามีข้อสงสัยก็สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ 02 408-1341 – 44 และ 085 072-8998 และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Design by Bareo ค่ะ
แล้วพบกันใหม่ในเดือนหน้า
สวัสดีค่ะ : )

PROJECT RELATED

NEW CONTENT