Underground Passageway
ทางเดินใต้ดิน
มนุษย์เรานั้นเรียกได้ว่ามีความคิดสร้างสรรค์ ที่จะนำพาให้เผ่าพันธุ์ของตนเองให้อยู่รอดมาตั้งแต่ในสมัยอดีต และแนวการคิดค้นสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นเองที่ยังคงส่งผลมาถึงความเป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการคิดค้นสิ่งปลูกสร้างที่ทำให้การใช้ชีวิตอยู่รอด เช่นสิ่งของเครื่องใช้ อาคารบ้านเรือ รวมไปถึงทางเดินใต้ดิน ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรูปแบบอาคารที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อการดำรงชีวิตในยุคนั้น ๆ และกลายเป็นสิ่งน่าค้นหาของคนในยุคปัจจุบัน เพราะแต่ละสถานที่ก็จะมีประวัติและความน่าสนใจที่แตกต่างกันออกไป จะมีที่ไหนน่าสนใจบ้าง ไปชมกันค่ะ
Shell Grotto, England
Cr. kuriositas
Shell Grotto เป็นอุโมงค์ทางเดินใต้ดินที่มีสถานที่ตั้งอยู่ในเมือง Margate ในประเทศอังกฤษ มีความโดดเด่นอยู่ที่วัสดุที่ใช้ในก่อสร้าง เพราะทางเดินใต้ดินแห่งนี้มีพื้นที่พื้นผิวผนังและหลังคาเกือบทั้งหมด ปกคลุมด้วยกระเบื้องโมเสคที่สร้างจากเปลือกหอย ซึ่งมีพื้นที่โดยประมาณ 2,000 ตารางฟุต
Shell Grotto ถูกค้นพบในปี 1835 ถือเป็นการค้นพบสิ่งที่น่าอัศจรรย์อย่างหนึ่งในโลกเลยก็ว่าได้ ทางเดินใตเดินที่คดเคี้ยวนี้มีความยาวโดยรวมตลอดเส้นทางถึง 70 ฟุต (21 เมตร) มีการตกแต่งด้วยการใช้เปลือกหอยเรียงเป็นลวดลายต่าง ๆ อาทิเช่น ภาพของเทพเจ้าและเทพธิดา สัตว์ต่าง ๆ รวมถึงภาพของต้นไม้แห่งชีวิต (The tree of life ; Yggdrasil) การออกแบบและตกแต่งด้วยเปลือกหอย ชวนให้นึกถึงการออกแบบและตกแต่งของชาวอินเดียและชาวอียิปต์
Cr. kuriositas
Shell Grotto ยังคงสร้างความลึกลับให้กับผู้ค้นพบ รวมถึงนักโบราณคดีต่าง ๆ เนื่องจากการค้นพบ Shell Grotto แห่งนีเไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่ามีการก่อสร้างขึ้นเมื่อใด และสร้างขึ้นโดยใคร เนื่อยด้วยการออกแบบที่ค่อนข้างคลุมเครือ ความหลากหลายของเปลือกหอยที่นำมาใช้ในการตกแต่ง ที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการก่อสร้างที่ต้องใช้แรงงานคนเป็นจำนวนมาก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีเรื่องราวใด ๆ ถูกบันทึกไว้ตลอดหลายชั่วอายุคนอย่างควรจะเป็น
Cr. kuriositas
ภายในทางเดินใต้ดินแห่งนี้มีทางเดินที่คดเคี้ยวพร้อมเพดานโค้งและห้องขนาดเล็ก หากเดินเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของทางเดินจะพบห้องซึ่งเชื่อว่าเป็นห้องสำหรับบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีขนาดประมาณ 5 x 6 เมตร พร้อมแท่นบูชาที่ตกแต่งด้วยเปลือกหอย จึงมีการคาดเดาว่าอาจใช้เป็นศาสนสถาน ในช่างก่อนที่จะมีการกำเนิดของคริสต์ศาสนาก็เป็นได้
Ajanta Cave, India
Cr. roughguides
Ajanta Cave เป็นถ้ำใต้ดินที่ตั้งอยู่ใน ประเทศอินเดีย ได้ชื่อว่าเป็นวัดถ้ำในพุทธศาสนาที่งดงามและมีความเก่าแก่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นอนุสรณ์สถานที่ได้รับการคุ้มครองซึ่งอยู่ในความดูแลของการสำรวจทางโบราณคดีของอินเดีย เชื่อว่าถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 350 การออกแบบตกแต่งบนผนังถ้ำด้วยการวาดภาพพุทธประวัติ ผนังด้านนอกถูกปกคลุมและตกแต่งด้วยรูปสลักอย่างปราณีต ภาพส่วนใหญ่เป็นการเล่าถึงชีวิตของพระพุทธเจ้าและเรื่องราวในโลกหลังความตาย
Cr. commons.wikimedia
หลังจากที่ถ้ำ Ajanta Cave แห่งนี้ถูกค้นพบภายในเวลาไม่กี่สิบปีก็ได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทีมีชื่อเสียงในด้านบรรยากาศที่แปลกใหม่ รวมไปถึงงานสถาปัตยกรรมที่น่าประทับใจ และได้กลายเป็นศูนย์กลางของการสำรวจทางโบราณคดีใหม่ของอินเดีย ในเวลาต่อมากษัตริย์ Osman Ali Khan (เมียร์ ออซมาน อาลี ข่าน) ได้แต่งตั้งผู้ทีมนักโบราณคดีให้ฟื้นฟูงานศิลปะ และเปลี่ยน Ajanta Cave แห่งนี้ให้กลานเป็นพิพิธภัณฑ์และสร้างถนนเพื่อนำนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม
Cr. trawell
ในปัจจุบัน ทางเดินใต้ดิน Ajanta Cave กลายเป็นหนึ่งในศาสนสถานสำคัญระดับโลก เนื่องจากได้รับการแต่งตั้งให้กลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโก ทำให้ Ajanta Cave กลายเป็นหนึ่งในศาสนสถานแห่งหนึ่งที่พุทธศาสนิกชนควรค่าแก่การไปสักการะเป็นอย่างยิ่ง
Copenhagen Cisterns, Denmark
Cr. reddit
Copenhagen Cisterns ครั้งหนึ่งเคยเป็นอ่างเก็บน้ำใต้ดินที่บรรจุน้ำดื่มสำหรับเมืองหลวงของเดนมาร์ก ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำใต้ดินแห่งได้ใช้เป็นสถานที่จัดนิทรรศการศิลปะ และผลงานศิลปะมากมาย โดยผ่านการร่วมกันระหว่างเมือง Frederiksberg และ Max Seidenfaden ทำให้ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา Copenhagen Cisterns ได้ถูกใช้เป็นพื้นที่จัดงานศิลปะร่วม และยังมีการจัดงานศิลปะอย่างต่อเนื่องจนมาถึงปัจจุบัน
Cr. wikipedia
Copenhagen Cisterns เริ่มทำการขุดเจาะและก่อสร้างขึ้นในปี 1856 ซึ่งใช้เวลาเพียงสามปีในการก่อสร้างโครงสร้างอันยิ่งใหญ่นี้ และยังมีความสำคัญเป็นอย่างมากในยุคนั้น ในการช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำประปา ด้วยขนาดที่สามารถบรรจุนำสะอาดได้มากถึง 16ล้านลิตร
Derinkuyu underground city, Turkey
Cr. fethiyetimes
Derinkuyu underground city เมืองใต้โบราณที่ตั้งอยู่ในประเทศตุรกี โดยมีความลึกประมาณ 60 เมตร และเป็นเมืองใต้ดินที่ถูกข้นพบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตุรกีอีกด้วย เมื่อใต้ดินแห่งนี้มีทางเดินใต้ดินที่เกิดจากการแกะขุดเจาะชั้นหินให้เป็นโพรงเชื่อมต่อกันเมื่อหลายพันปีก่อน โดยเชื่อว่าถูกขุดขึ้นมาเพื่อใช้ในการขังเชลยที่ได้มาจากการปล้นสะดมของกองทัพต่าง ๆ ในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา และอีกหนึ่งการสันนิษฐานเชื่อว่าใช้เป็นหลุมหลบภัยเมื่อเกิดสงคราม
Cr. getyourguide