สัญลักษณ์ของชาวปารีส ที่เพียงพูดถึงประเทศฝรั่งเศสใครๆ ก็ต้องนึกถึง “ หอไอเฟล ” อย่างแน่นอน เพราะด้วยด้วยดีไซน์ที่เฉพาะตัวทำให้เป็นที่จดจำ จนกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตสุดโรแมนติก และหอไอเฟลยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ต่อประเทศฝรั่งเศสอีกด้วย จึงทำให้เรื่องราวของหอไอเฟลนั้นน่าค้นหาอย่างมากเลยทีเดียว

เรื่องราวแห่งหอไอเฟล

หอไอเฟลเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1889 เมื่อปารีสเป็นเจ้าภาพจัดงาน Exposition Universelle (World’s Fair) เป็นงานแสดงสินค้าระดับโลก เพื่อฉลองครบรอบ 100 ปีของการปฏิวัติฝรั่งเศส และได้มีความต้องการจะสร้างอนุสาวรีย์บน Champ-de-Mars ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงปารีส เพื่อจะใช้เป็นทางเข้านิทรรศการ โดยอนุสาวรีย์ที่จะเกิดขึ้นในงานนี้ได้มีศิลปินมากกว่า 100 คนที่ส่งแผนการแข่งขันเข้ามาเพื่ออยากจะได้เป็นผู้สร้าง สุดท้ายแล้วคณะกรรมการได้มอบการสร้างนั้นให้กับ Eiffel et Compagnie ซึ่งเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญในการทำงานเกี่ยวกับโครงสร้างโลหะ ที่เป็นเจ้าของโดย Alexandre-Gustave Eiffel สถาปนิกและผู้เชี่ยวชาญด้านโลหะผู้มีชื่อเสียง อีกทั้งบริษัท Eiffel et Compagnie ถือเป็นแหล่งกำเนิดการผลิตของงานโครงสร้างโลหะมากมายในยุโรป เช่น Garabit viaduct ในประเทศฝรั่งเศส เป็นสะพานโค้งทางรถไฟที่สร้างขึ้นจากโลหะ และ Nyugati Station ที่ Budapest ประเทศฮังการี ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่โดดเด่นในเรื่องของโครงสร้างเหล็ก เป็นต้น

Credit : connessioniculturali .com

เมื่อหอไอเฟลสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักในงาน Paris World’s Fair ความน่าสนใจของหอไอเฟล คือ การก่อสร้างขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างทั้งหมดทำจากเหล็ก เรียกได้ว่าเป็นความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมที่ยิ่งใหญ่ในช่วงเวลานั้น เดิมทีอนุสาวรีย์แห่งนี้ถูกเรียกว่าหอคอยสูง 300 เมตร ต่อมาจึงได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อของผู้ที่สร้างนั่นคือ Alexandre-Gustave Eiffel และได้เปิดให้สาธารณชนเข้าชมในวันเดียวกับงาน World’s Fair คือวันที่ 15 พฤษภาคม ในปี 1889

การก่อสร้าง หอไอเฟล

Credit : rarehistoricalphotos .com

แม้ว่า Alexandre-Gustave Eiffel จะได้รับเครดิตเต็มๆ ในเรื่องของการสร้างอนุสาวรีย์ที่มีชื่อของเขาอย่างหอไอเฟล แต่ในความเป็นจริงแล้ว Alexandre-Gustave Eiffel มีหนึ่งในพนักงานของเขาที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างหอไอเฟล คือ Maurice Koechlin วิศวกรโครงสร้าง ซึ่งเป็นผู้คิดค้น และปรับแต่งแนวคิดในการทำงานอย่างละเอียด

Credit : rarehistoricalphotos .com

ในยุคนนั้นเหล็กเพิ่งได้รับความนิยมในฐานะวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม กลายเป็นรากฐานที่สำคัญของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ โดยการประกอบฐานรองรับของตัวหอคอย ใช้เวลาในการสร้างทั้งหมด 22 เดือน หอคอยถูกประกอบขึ้นโดยใช้นั่งร้านไม้ และปั้นจั่นไอน้ำขนาดเล็กที่ติดตั้งอยู่บนหอคอย โดยองค์ประกอบทั้งหมดถูกจัดเตรียมไว้ใน “ โรงงานของ หอไอเฟล ” ซึ่งตั้งอยู่ที่ Levallois-Perret ชานกรุงปารีส ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นจากทั้งหมด 18,000 ชิ้นที่ใช้ในการสร้างหอคอย ได้รับการออกแบบและคำนวณมาโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบความถูกต้อง ความแม่นยำอย่างละเอียดระดับมิลลิเมตร แล้วจึงนำมาประกอบกันเป็นชิ้นส่วนใหม่ประมาณชิ้นละ 5 เมตร และชิ้นส่วนโลหะทั้งหมดของหอคอยถูกยึดเข้าด้วยกันด้วยหมุด 2.5 ล้านตัว

Credit : rarehistoricalphotos .com

ต่อมาเริ่มมีการนำแม่แรงไฮดรอลิกเข้ามาใช้ในการก่อสร้าง ทำให้คานโลหะสามารถวางตำแหน่งได้แม่นยำถึงหนึ่งมิลลิเมตร โดยใช้เวลาเพียงห้าเดือนในการสร้างฐาน และ 21 เดือนในการประกอบชิ้นส่วนโลหะของหอคอยให้เสร็จ รวมทั้งหมดทั้งสิ้นในการก่อสร้างใช้เวลานาน 2 ปี 2 เดือน 5 วัน และถูกนับเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกในช่วงเวลานั้น โดยมีความสูง 324 เมตร หรือเท่ากับตึก 81 ชั้นนั่นเอง

การออกแบบ หอไอเฟล

Credit : rarehistoricalphotos .com

การออกแบบ หอไอเฟล มีจุดเด่นตรงที่เป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ที่มีรูปทรงทันสมัย ซึ่งแตกต่างจากงานสไตล์นีโอโกธิค (Neo-Gothic) หรือ นีโอบาโรก (Neo-Baroque) ที่ได้รับความนิยมในช่วงนั้น นักออกแบบได้กล่าวไว้ว่าวัสดุคือหัวใจสำคัญที่ทำให้หอไอเฟลโดดเด่นอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังทำให้ผู้เข้าชมหลายล้านคนในงาน World’s Fair ต่างประหลาดใจกับสิ่งมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นใหม่ของปารีส และแน่นอนว่า ไม่ใช่ชาวเมืองทุกคนที่จะเห็นด้วยและถูกใจกับการออกแบบกับสิ่งนี้ หลายคนยังคงกังวนกลัวว่าจะเป็นโครงสร้างที่ไม่ปลอดภัยและดูรกหูรกตา จนนำมาสู่ความขัดแย้งกันที่เห็นต่างกันในเรื่องของหอไอเฟลทั้งก่อนและระหว่างการก่อสร้าง ไม่ว่าความคิดเห็นจะเป็นอย่างไร เมื่อเวลาผ่านไปผู้มาเยือนและชาวปารีสกลับตกหลุมรักในเสน่ห์ของหอไอเฟล และมีผู้มาเยี่ยมชมมากกว่า 2 ล้านคนในปีแรกเลยทีเดียว

Credit : edition.cnn .com

อีกหนึ่งข้อมูลที่หลายคนไม่ทราบคือ หอไอเฟล ในตอนแรกตั้งใจให้เป็นโครงสร้างชั่วคราว และต้องมีการรื้อถอนออกหลังจากผ่านไป 20 ปี แต่ด้วยหลังจากได้เห็นความสำเร็จในช่วงการจัดงานนิทรรศการโลก ทำให้หลายๆ คนมีความคิดที่เปลี่ยนไป รวมไปถึงผู้สร้างอย่าง Alexandre-Gustave Eiffel เองก็ยังไม่อยากเห็นโครงการนี้ถูกรื้อถอน ดังนั้นเขาจึงเริ่มสร้างหอไอเฟลให้เป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับชุมชนวิทยาศาสตร์ โดยใช้หอไอเฟลติดตั้งห้องปฏิบัติการอุตุนิยมวิทยา ซึ่งอยู่บริเวณชั้นสามของหอไอเฟล และเขาได้เชิญนักวิทยาศาสตร์มาใช้ห้องทดลองเพื่อศึกษา แต่ในท้ายที่สุดความคิดนี้ไม่ได้ช่วยให้หอไอเฟลพ้นจากการถูกรื้อถอน

แต่ก็ยังไม่ได้โชคร้ายจนเกินไป เพราะยังมีการพึ่งพาประโยชน์จากหอไอเฟล นั่นคือการใช้ประโยชน์ในฐานะเครื่องส่งโทรเลขไร้สายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 จึงทำให้หอคอยแห่งนี้เป็นที่ตั้งของเสาอากาศใช้กระจายสัญญาณทั้งวิทยุและโทรทัศน์ไปทั่วเมืองหลวงรวมไปถึงที่อื่นๆ และทำให้ไม่ต้องรื้อถอนในที่สุด

Credit : tiqets .com

ความสูงและรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ที่ลอยอยู่เหนือภูมิทัศน์ของปารีสทำให้หอไอเฟลกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในปารีสอย่างรวดเร็ว หอไอเฟลดึงดูดความสนใจของผู้คน

ความพิเศษของหอไอเฟลอีกหนึ่งอย่างคือผู้คนสามารถมองเห็นหอคอยได้จากหลายจุดทั่วกรุงปารีสและปริมณฑล จึงทำให้ผู้คนที่ได้มาเยือนปารีสแทบจะทั้งหมดจะต้องถ่ายภาพหอไอเฟลเอาไว้จากมุมต่างๆ เสมือนมีบทบาทในการเป็นสัญลักษณ์ของฝรั่งเศสในจินตนาการร่วมกันนั่นเอง

ความสำคัญของหอไอเฟลกับชาวฝรั่งเศส

Credit : famileetravel .com

หอไอเฟลเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงพลังและโดดเด่นของเมืองปารีส และยังสร้างความประทับใจให้กับคนทั้งโลกด้วยการออกแบบที่ใหญ่โตและกล้าหาญ กล้าหาญในเรื่องของการออกแบบที่นอกกรอบ เพราะแตกต่างจากพวกตึกและสิ่งปลูกสร้างในยุคนั้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของความรู้ความชำนาญ และอัจฉริยภาพทางอุตสาหกรรมของฝรั่งเศส และในปัจจุบันก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศส เหตุผลเหล่านี้เองที่ทำให้หอไอเฟลกลายเป็นสิ่งที่สำคัญของชาวปารีสไปโดยปริยาย

Credit : tourradar .com

ประชาชนในปารีสมักมาทำกิจกรรม และใช้ชีวิตประจำวันวนเวียนอยู่กับหอไอเฟลกันอยู่บ่อยๆ หลายคนมานั่งปิกนิกซึ่งเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่ง ในช่วงเวลากลางคืนหอไอเฟลจะทำการเปิดไฟประดับสวยงาม จนมองเห็นตัวโครงเหล็กเป็นแสงจากดวงไฟกลายเป็นบรรยากาศที่สุดแสนโรแมนติก แตกต่างไปจากในช่วงกลางวัน จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาดื่มด่ำบรรยากาศ ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืนอย่างมากมาย ด้านบนของหอไอเฟลดูเหมือนจะเป็นจุดที่สมบูรณ์แบบสำหรับการศึกษาดวงดาวและสภาพอากาศ

ความโดดเด่นในหลายๆ ด้านของหอไอเฟลนั้น เป็นตัวการันตีได้ว่าหอไอเฟลสมกับเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกจริงๆ และมากไปกว่านั้นความกล้าที่จะแตกต่างในเรื่องของการออกแบบก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า สามารถทำออกมาได้เป็นที่น่าประทับใจ แม้กระทั่งผู้ที่ไม่เห็นด้วยก็ยังเปลี่ยนความคิดมาชื่นชมในความสวยงามของหอไอเฟล จนปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ที่ใครๆ ต่างก็อยากจะไปเยือนสักครั้ง

สามารถติดตามผลงานต่าง ๆ ของทาง Bareo ได้ที่ช่องทางเว็บไซต์ของ Bareo หรือทาง Facebook : Design by Bareo ที่จะคอยอัพเดทข่าวสาร งานดีไซน์ และผลงานการออกแบบตกแต่งภายในมากมาย ให้ท่านผู้อ่านได้รับความรู้ และความสนุกตลอดทั้งปี

หรือหากสนใจจะออกแบบตกแต่งภายในกับทาง Bareo ทางเราก็มีบริการออกแบบภายในครบวงจร โดยสามารถอ่านรายละเอียดการให้บริการของเราได้ที่นี่ คลิ๊ก

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
toureiffel .paris
rarehistoricalphotos .com
farbitis .ru/th
worldlandscapearchitect .com
wikipedia