The Furniture Gallery - 2

ความเดิมจากตอนที่แล้วนะคะ – รำเพยได้พาท่านทั้งหลายไปชมงานออกแบบเฟอร์นิเจอร์ในยุค Millenium กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาเดือนนี้ รำเพยว่าจะพาทุกท่านไปชมงานออกแบบในยุค 60 ที่กลับมา “ อิน ” ใหม่นะคะ เจ้าเฟอร์นิเจอร์ในยุคนี้ มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “Pop” ซึ่งมาจาก Pop Culture ของพวกอเมริกันนะคะ

Pop Culture นี้ เป็นผลมาจากแนวความคิดในการต่อต้าน Modernism ที่เรียบง่ายและใช้เนื้อแท้ของวัสดุในการสร้างความงามที่ยั่งยืน ตรงกันข้ามกับแนวความคิดของหนุ่มสาวในสมัยนั้นที่นิยมความ Hip และ Cool เป็นหลัก ผลของแนวความคิดนี้ส่งผลกระทบต่องานออกแบบเป็นอย่างมาก ผู้คนเริ่มมองหาอะไรที่ใหม่ ทันสมัย ใช้แล้วทิ้งได้ ราคาถูกและมีอารมณ์ขัน นอกจากนี้ในยุคดังกล่าว ยังเป็นจุดกำเนิดของวัสดุแปลกๆ ใหม่ๆ ที่นำมาประยุกต์ใช้กับงานออกแบบ เช่น กระดาษแข็ง Polyethelene หรือ Polyurethane เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ใช่ว่า Modern จะหายสาบสูญไปจากยุคนี้ซะทั้งหมด เพราะรูปแบบของงานออกแบบก็ยังคงเรียบง่าย เพียงแต่เพิ่มความสนุกสนาน สีสัน และอารมณ์ขัน นอกจากนี้ สังคมในยุคนิวเคลียร์นี้ (บางครั้ง ยุคนี้ก็สามารถเรียกว่ายุคนิวเคลียร์ด้วยเช่นกันคะ) ยังทำให้สภาพครอบครัวมีขนาดเล็กลง ทำให้ตัวที่พักอาศัยเล็กลง และมีพื้นที่อเนกประสงค์มากยิ่งขึ้น และเฟอร์นิเจอร์จำพวกที่ปรับเปลี่ยนได้ก็เริ่มมาจากยุคนี้เช่นเดียวกัน

ในช่วงปลายของยุคนี้ บรรดา Designer ทั้งหลายได้เริ่มตระหนักถึงบทบาทสำคัญของตนที่มีต่อประชาชนมากขึ้น ดังนั้นความปลอดภัยจากการใช้งาน ก็เริ่มเข้ามาเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักสำหรับงานออกแบบตั้งแต่ยุคนี้เป็นต้นมา

เอาละคะ..เกริ่นนำกันมามากพอสมควรแล้ว คิดว่าคนที่มีอายุตั้งแต่ 50-60 ปีขึ้นไป คงพอจะจำความสนุกสนานในยุคนั้นกันได้ แต่สำหรับบรรดาเด็กรุ่นใหม่ๆ อย่างพวกเราๆ คงต้องฟังเอาไว้จะได้เข้าใจว่าที่มาของ Hip, Pop และ Cool ทั้งหลาย มาจากไหนกันบ้าง

สำหรับชิ้นแรกที่รำเพยอยากจะขอแนะนำ คือ Spotty Child's Chair โดย Peter Murdoch ในปี 1963 เจ้าเก้าอี้ลายจุดสีเขียวตัวนี้ จัดว่าเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของวัฒนธรรม Pop ที่ใช้แล้วทิ้งที่ชัดเจนมากเลยคะ นาย Murdoch นี้ได้ออกแบบเก้าอี้ตัวนี้ขณะยังเรียนอยู่ใน Royal College of Art

Spotty Child's Chair

เก้าอี้กระดาษแข็งนี้ สามารถพับเก็บได้ รับน้ำหนักของเด็กได้ เนื่องมาจากการออกแบบที่ใช้กระดาษลอนลูกฟูกอย่างชาญฉลาด ที่ให้มีเส้นตั้งของลอนกระดาษช่วยรับน้ำหนัก และยังมีแนวกรีดที่ไว้ให้พับได้ตามรูปทรง แถมเพิ่มความคงทนให้อีกหน่อยโดยการเคลือบ Polyethelene ทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาด สุดท้ายยังมีน้ำหนักเบา เนื่องจากทำด้วยกระดาษ เด็กๆ จึงสามารถย้ายไปไหนต่อไหนได้ด้วยตัวเอง

เป็นไงคะ..เห็นแล้วทึ่งจริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่าการออกแบบเก้าอี้กระดาษง่ายๆ แบบนี้ ยังมีเรื่องให้คิดก่อนตั้งมากตั้งมาย แต่ถ้าท่านผู้อ่านอยากได้ คงจะหาซื้อของจริงไม่ได้แล้วล่ะคะ เพราะของจริงนี้ผลิตขึ้นมาในจำนวนจำกัด ถ้าใครยังมีอยู่ ป่านนี้ราคาไม่รู้เท่าไรแล้ว..

Plywood Chair (1963)

Plywood Chair (1963) หรือเก้าอี้ไม้อัดดัดด้วยไอน้ำนี้ เป็นผลงานของ Grete Jalk ชาวเดนมาร์ก ที่ออกแบบสุดยอดเก้าอี้นี้ในขณะที่ยุคของความนิยมในเก้าอี้ไม้อัดถดถอยอย่างรุนแรง ดังนั้นในตอนแรก จึงมีการผลิตเก้าอี้ตัวนี้ขึ้นมาเพื่อทดลองตลาดเพียง 300 ชิ้นเท่านั้น

เก้าอี้ตัวนี้ถูกผลิตขึ้นจากไม้อัดดัดเพียงสองชิ้น โดยชิ้นแรกเป็นส่วนที่นั่งที่ละม้ายปีกเครื่องบิน และส่วนที่สองเป็นพนักพิงหลัง ที่ประกอบกันแล้ว ดูไม่ต่างจาก Origami หรือการพับกระดาษแบบญี่ปุ่นเลยคะ

อารมณ์ของ Plywood Chair นี้ ออกมาในแนว Oriental และหลังจากการเปิดตัว เจ้าเก้าอี้นี่ก็ได้รับการผลิตขึ้นมาอีกหลายต่อหลายครั้ง และมีให้เลือกในหลายวัสดุ เช่น Oak, Rosewood, Walnut, Beach รวมถึงไม้สักของเราด้วยคะ

Ribbon Chair

Ribbon Chair ในปี 1965 โดยนักออกแบบชื่อดังของฝรั่งเศส Pierre Paulin ซึ่งเป็นเก้าอี้โครงสร้างเหล็กบุด้วย Polyurethane Foam หุ้มทับด้วยผ้ายืดเนื้อดีที่ตัดเย็บอย่างประณีตเพื่อให้เน้นส่วนเว้าส่วนโค้งของเก้าอี้มากที่สุด และด้วยรูปทรงที่เรียบง่าย แต่เก๋ ยังให้ผู้นั่งเลือกปรับเปลี่ยนอิริยาบถท่านั่งในแบบต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย ซึ่งทำให้เก้าอี้ตัวนี้ชนะใจกรรมการในการประกวด International Design Award ในปี 1969 อีกด้วย

Pierre Paulin จัดว่าเป็นนักออกแบบชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงมากในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และยังได้รับเกียรติเป็นกรรมการในสมาคมออกแบบอีกหลายแห่ง รวมทั้งเป็นผู้ออกแบบภายในรถยนต์ Citroen และบรรจุภัณฑ์ของ Christian Dior อีกด้วยคะ..แหม..คนอะไร เก่งจริงๆ

Dijinn Chair & Stool (1965)

Dijinn Chair & Stool (1965) โดย Olivier Mourgue ชาวฝรั่งเศสอีกเช่นกัน โดยเก้าอี้ชุดนี้ ก็ได้ผลิตขึ้นภายใต้โครงสร้างและวัสดุเช่นเดียวกับ Ribbon Chair และได้รับการคัดเลือกให้เป็นเฟอร์นิเจอร์สำหรับประกอบฉากในภาพยนตร์เรื่อง 2001: Space Odyssey เนื่องจากหน้าตาที่ค่อนข้างจะล้ำอนาคตของมัน..อ้อ..เก้าอี้ชุดนี้ ได้รับรางวัล International Design Award เช่นกันคะ

ต่อไป รำเพยอยากจะขอแนะนำ Malitte Seating System คะ เจ้าเก้าอี้หน้าตาประหลาดชุดนี้เป็นผลงานของจิตรกรที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งในปารีส โดยแต่ละชิ้นจะเป็นเก้าอี้นั่งพร้อมพนักพิง รวมทั้งสิ้น 3 ตัว ส่วนเจ้าไข่ขาวที่อยู่ตรงกลางจะเป็น Coffee Table และชิ้นล่างสุดจะทำหน้าที่เป็นที่นั่งแบบ Bench คะ

Malitte Seating System

ทั้งนี้ ศิลปินผู้ออกแบบท่านนี้ ก็มิได้กำหนดเฉพาะเจาะจงลงไปว่าจะนำไปใช้อย่างไรบ้าง ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของจินตนาการของผู้ใช้งานที่จะเลือกว่าจะใช้เก้าอี้ชุดนี้อย่างไรคะ

Malitte Seating System นี้ถูกออกแบบโดย Roberto Sebastian Matta ซึ่งจบสถาปัตยกรรมศาสตร์จาก Chile ก่อนที่จะย้ายไปทำงานในสำนักงานของ Le Corbusier ในปารีส แต่หลังจากหนึ่งปีผ่านไป เขาก็หันกลับมาทำงานเป็นจิตรกรที่เขารักมาก และในอาชีพนี้เองที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขาจนกระทั่งได้รับเชิญจาก Dino Gavina ให้ไปออกแบบเฟอร์นิเจอร์ ซึ่ง Matta ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง เพราะออกแบบชุดเก้าอี้ที่โดดเด่น และเต็มไปด้วยจินตนาการ ก่อนที่จะให้ชื่อว่า Malitte ตามชื่อของภรรยาของเขาคะ

พล่ามมาซะเหนื่อยเลยคะ แต่ก็เพิ่งได้เพียงแค่ครึ่งเดียวของที่ตั้งใจไว้ สงสัยคงต้องไปต่อในเดือนถัดไปแล้วละคะ สำหรับเดือนนี้ รำเพยขอให้ทุกท่านมีความสุขตลอดปีใหม่นี้นะคะ..สวัสดีปีใหม่คะ..

รำเพยรำพัน..