กระเบื้องปูพื้นมีกี่ประเภท?
ก่อนที่เราจะเลือกซื้อกระเบื้องเพื่อนำมาใช้ในบ้าน ต้องรู้ก่อนว่ากระเบื้องที่นิยมในปัจจุบันมีอะไรบ้าง ซึ่งโดยทั่วไปมีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่
1.เซรามิก
กระเบื้องเซรามิก เกิดจากดินเผาเคลือบซึ่งผ่านกรรมวิธีที่ต้องใช้ความร้อน โดยผ่านการเผาถึง 2 ครั้ง เพื่อให้เกิดความแข็งแรง ไม่แตกง่ายและทนทานต่อรอยขีดข่วน โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ แบบปูพื้นและปูผนัง แต่ก็มีบางชนิดอาจปูได้ทั้ง 2 แบบ
- กระเบื้องเซรามิกแบบปูพื้น
กระเบื้องปูพื้นจะมีเนื้อที่แข็งกว่ากระเบื้องปูผนัง เพื่อให้สามารถรองรับน้ำหนักที่กดลงมาได้ และยังทนทานต่อการขีดข่วน ที่สำคัญกระเบื้องปูพื้นมักจะเคลือบผิวชนิดกันลื่นเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน
-กระเบื้องเซรามิกแบบปูผนัง
กระเบื้องปูผนังส่วนใหญ่มักเน้นลวดลายที่สวยงาม โดยจะมีผิวมันและมี Footing เพื่อให้กระเบื้องยึดกับผนังได้ดี
ข้อคิดสำคัญ...ที่ควรรู้!
กระเบื้องปูพื้นสามารถนำมาปูผนังได้ แต่กระเบื้องปูผนังไม่ควรนำมาปูพื้น เพราะไม่สามารถรองรับน้ำหนักได้ และผิวหน้ากระเบื้องไม่คงทนต่อการขูดขีด
ลวดลายของกระเบื้องเซรามิก
1.การทำลวดลายของกระเบื้องเซรามิกเป็นวิธีการแบบ Decal คือ การติดสติ๊กเกอร์แล้วนำไปเคลือบ 1 ครั้ง จากนั้นจึงทำการเผาซึ่งเป็นการทำให้ตัวสารเคลือบใสและทำให้ลวดลายติดแน่นคงทน
2.การทำลวดลายของกระเบื้องเซรามิก สามารถทำเลียนแบบลายไม้ได้ เราจึงเลือกใช้กระเบื้องเซรามิกแทนไม้ได้ ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติได้เช่นกัน
3.การทำลวดลายของกระเบื้องเซรามิก สามารถทำเลียนแบบผิวสัมผัสได้
4.กระเบื้องเซรามิกสามารถเลียนแบบลวดลายต่างๆได้อีกมากมาย รวมทั้งออกแบบใช้งานได้อย่างหลากหลาย เช่น ลายหิน ซึ่งนับว่าเป็นกระเบื้องที่มีการพัฒนามากที่สุด
2.ดินเผา
กระเบื้องเบสิคที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ถ้านำดินมาปั้นเป็นก้อนจะเรียกว่า “อิฐ” แต่ถ้าทำเป็นแผ่นบางก็คือ “กระเบื้อง” ซึ่งจะไม่นิยมทำกันเพราะเปราะบาง ไม่แข็งแรงและแตกหักง่าย แถมยังนำมาปูพื้นแล้วไม่สวย กระเบื้องดินเผามีวิธีการเผาแบบ Terracotta โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ การเผาแบบหนาและการเผาแบบดูดซึมน้ำต่ำ จนได้สีน้ำตาลอมส้มอ่อนๆ ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ ได้อารมณ์แบบคันทรีและโบราณดั้งเดิม ปัจจุบันมักนำไปปูบริเวณภายนอก เช่น ทางเดินพื้นหน้าบ้าน ผนังด้านนอกอาคาร รวมทั้งตกแต่งรีสอร์ทหรือสปา
3.กระเบื้องแก้ว
กระเบื้องแก้ว เป็นการนำแก้วมาทำเป็นโมเสก ภายในจะตกแต่งด้วยสีสันและลวดลายพิมพ์ต่างๆ ทำให้ทนทานกว่ากระเบื้องประเภทต่างๆ ที่ลวดลายอยู่บนพื้นผิวหน้า
ข้อเสีย คือ เปราะบาง แตกง่าย ฉะนั้นกระเบื้องแก้วจึงต้องออกแบบให้หนาและแข็งแรง โดยทั่วไปขนาดจะไม่ใหญ่นัก เพื่อให้กระเบื้องมีความคงทน ในขณะเดียวกันยังใช้ปูผนังได้อย่างเดียว ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมนำไปใช้ในห้องน้ำเพราะค่อนข้างมีราคาสูง
ข้อดี คือ กระเบื้องแก้วมีสีสันสวยงาม แวววาวเป็นประกายมากที่สุดในบรรดากระเบื้อง
เคล็ดลับในการเลือกกระเบื้องและการปูพื้น
1.ควรแยกประเภทตามการใช้งาน กระเบื้องปูผนังไม่สามารถนำมาปูพื้นได้
2.การปูพื้นในห้องน้ำ กระเบื้องที่มีขนาดแตกต่างกันมักมีปัญหาเรื่องของรอยต่อ
3.การปูกระเบื้องควรปูแบบเทพื้นปูนเต็มแผ่น จากนั้นค่อยปูกระเบื้องทับ อย่าปูแบบซาลาเปา
4.ควรใช้วิธีการปูแห้งโดยใช้กาวซีเมนต์และเกรียงหวีในการติดตั้ง ไม่ควรใช้วิธีการปูเปียกหรือใช้ปูนทรายเป็นวัสดุในการยึดเกาะ เพราะจะทำให้เกิดการยุบตัวของปูนทราย ตรงผิวหน้ากระเบื้องเซรามิกเรียบไม่สม่ำเสมอและหลุดล่อนได้ง่าย
5.ควรปูกระเบื้องผนังก่อนปูพื้น เพื่อไม่ให้เกิดความสกปรกหรือเลอะเทอะที่พื้น
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับเรื่องราวดีๆ ที่ karuntee นำมาเสนอ ได้ความรู้ก่อนที่จะไปเลือกซื้อกระเบื้องกันอย่างมากเลยทีเดียวใช่ไหมคะ...คราวนี้มั่นใจได้เลยว่าต่อให้เลือกกระเบื้องที่ไหน ก็รับรองได้ว่าได้สินค้าที่มีคุณภาพมาใช้ในบ้านได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็แล้วแต่...ขอให้ทุกคนค่อยๆ คิด ค่อยๆ เลือกนะคะ เพื่อสิ่งดีๆ กับบ้านของเรา
|