แม้การจัดแจกันดอกไม้จะเป็นเพียงจุดเล็กๆ ของบ้าน แต่ก็ไม่ควรละเลย เพราะว่ากันว่า “จุดเล็กๆ” นี่แหละ!! ที่เป็นตัวช่วยสำคัญ ซึ่งนอกจากจะเติมความสวยงาม น่ามอง ยังทำให้บ้านดูมีชีวิตชีวาและสร้างบรรยากาศให้ดูสดชื่นได้เสมือนอยู่ท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้อีกด้วย
เพื่อให้บ้านเต็มไปด้วย “ความสดชื่น” จาก “ดอกไม้” Karuntee จะพาแฟนๆ บาริโอมาเรียนรู้เทคนิคการจัดแจกันดอกไม้ เอาไว้ตกแต่งบ้านตามมุมต่างๆสร้างบรรยากาศผ่อนคลายรับซัมเมอร์นี้ได้เป็นอย่างดี เริ่มต้นหลักการจัดแจกันโดยทั่วไปที่ควรรู้
1. ต้องรู้วัตถุประสงค์ในการจัด
แจกันดอกไม้นั้นจะนำไปวางไว้มุมไหนของบ้าน ซึ่งในแต่ละมุมล้วนมีการจัดแต่งแจกันที่แตกต่างกันไป เช่น วางกลางโต๊ะ วางมุมโต๊ะ ชิดหรือติดผนัง เป็นต้น ที่สำคัญควรดูทำความเข้าใจว่าลักษณะของห้องที่จะจัดวางเป็นห้องลักษณะแบบใด ทรงใด เล็ก ปานกลางหรือใหญ่ เพื่อเราจะได้เลือกแจกันและดอกไม้ที่เหมาะสมกับห้องนั้น ๆ ด้วย
2. คำนึงถึงสัดส่วนที่สมดุล
หลังจากที่รู้วัตถุประสงค์แล้ว ควรรู้สัดส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแจกันหรือดอกไม้ ซึ่งสัดส่วนเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่จะกำหนดว่าแจกันที่จัดเสร็จจะสวยหรือไม่สวย ถ้าสัดส่วนไม่สมดุล แจกันที่จัดออกมาก็ไม่สวย โดยสิ่งที่ต้องคำนึง คือ
- ภาชนะ ถ้าเป็นทรงเตี้ย ก้านดอกไม้ควรมีความสูงที่ประมาณ 1.5-2 เท่า ของความกว้างของภาชนะ แจกันแบบสูง ความสูงที่จัดควรเป็น 1.5-2 เท่า ของความสูงของภาชนะ
- การเทียบสัดส่วน ระหว่างดอกไม้กับแจกันและแจกันกับขนาดของห้อง ต้องให้อยู่ในสัดส่วนที่สมดุลกันและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
- การเลือกสี เส้นและขนาดให้แตกต่าง กัน เช่น สีกลาง อ่อน เส้นที่โค้งเรียว ขนาดดอกมีใหญ่เล็กเป็นต้น
- ความแตกต่าง เช่น สีของดอก ใบ และภาชนะที่มีสีแตกต่างกัน แต่ความแตกต่างไม่ควรเกิน 20%
-การสร้างจุดเด่น คือ จัดให้มีตัวเด่น ตัวรอง และให้มีการส่งเสริมกันและกัน
ความรู้เบื้องต้นในการจัดแจกันดอกไม้
1. ตัดส่วนปลายสุดของก้านดอกไม้ที่ออกประมาณ 1-2 นิ้ว โดยทำมุมเอียง 45 องศา และควรเลือกกรรไกรที่ใช้ตัดกิ่งดอกไม้โดยเฉพาะ เพราะมีความคม ดอกไม้จึงไม่ช้ำ ทำให้สามารถอยู่ได้นานมากขึ้น
2. คัดใบไม้ส่วนเกินทิ้ง มากน้อยตามความพึงพอใจของผู้จัด การแยกใบไม้ที่ไม่ต้องการทิ้ง นอกจากจะได้ความสวยงามตามของต้องการของผู้จัดแล้ว ยังมีประโยชน์ในการรักษาความคงทนของดอกไม้ให้มีชีวิตอยู่ในแจกันได้นานขึ้น
3. เทน้ำสะอาดลงแจกันในปริมาณพอเหมาะ ถ้าแจกันที่ใช้มีความลึกมากเกินไป ควรหาทราย ก้อนกรวด หรือก้อนหิน มาใส่ลงไปที่ก้นแจกัน เพื่อให้แจกันไม่ลึกจนเกินไป ที่สำคัญไม่ควรให้น้ำอยู่ในปริมาณที่สูงจนถึงระดับของใบ (ในกรณีที่จัดทิ้งใบบางส่วนเอาไว้ภายในแจกัน เพราะจะทำให้ใบไม่เน่าและส่งกลิ่นเหม็น)
4. เติมอาหารดอกไม้ โดยทั่วไปจะมีอาหารเสริมสำหรับดอกไม้วางขายตามร้านดอกไม้ทั่วไป หรืออาจเลือกใช้น้ำตาลทรายเติมลงไปสัก 1 ช้อนโต๊ะ จะช่วยให้ดอกไม้มีอายุอยู่ในแจกันได้นานขึ้นอีก ที่สำคัญควรเปลี่ยนน้ำใหม่พร้อมกับการเติมอาหารหรือน้ำตาลทรายใหม่ให้ดอกไม้ในทุกๆ 3 วัน เพื่อยืดอายุของดอกไม้
5. เทคนิคการจัดแจกันให้สวยควรจัดดอกไม้โดยจัดเรียงให้ก้านดอกหมุนวนในลักษณะสไปรัล (spiral) หรือเกลียว ในขณะเดียวกันระดับความสูงของดอกไม้ให้ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของแจกันและไอเดียของผู้จัด ซึ่งมีตั้งแต่ความสูงระดับเดียวกัน แบบไล่ระดับความสูง แบบโชว์ด้านเดียว และแบบโชว์รอบด้าน 360 องศา ข้อควรคำนึง :นอกจากสัดส่วนของดอกไม้กับแจกัน อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ คือ ขนาดของห้องที่ต้องนำไปวาง เช่น ห้องขนาดใหญ่ แจกันที่ใช้ก็ควรมีขนาดใหญ่และดอกไม้ที่ใช้ต้องมีความสูงค่อนข้างมาก หรือถ้าเป็นแจกันดอกไม้บนต๊ะอาหาร ควรเลือกใช้แจกันใบเล็ก ประดับด้วยดอกไม้ที่ไม่สูงมากนัก เพราะจะบดบังอาหารและทำให้คนบนต๊ะอาหารมองไม่เห็นหน้ากัน
6. ถ้าเลือกจัดแจกันโดยใช้ดอกไม้หลากหลายชนิด อย่าลืมให้ความสำคัญกับความสมดุลย์ของสีสันและประเภทของดอกไม้ที่นำมาใช้ด้วย
เคล็ดลับในการจัดแจกันดอกไม้
- ดอกไม้ต้องคู่กับน้ำ ในระหว่างที่จัดก็ต้องใส่น้ำไว้ในภาชนะที่บรรจุดอกไม้ที่รอจัดไว้ด้วย
- อุปกรณ์สำหรับการจัดแจกันทุกชิ้น ไม่ว่าจะเป็นแจกัน กรรไกร น้ำ ต้องสะอาดเสมอ เพราะถ้าอุปกรณ์สกปรก อาจทำให้ดอกไม้ติดเชื้อแบคทีเรีย และเน่าเร็วกว่าปกติ
- มีด กรรไกรที่ใช้ตกแต่งจะต้องมีความคมมากเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันมิให้ดอกไม้บอบช้ำจากการตัด
- หลักในการจัดดอกไม้มี 2 แบบ คือ จัดดอกไม้จากด้านนอกเข้าสู่ด้านใน หรือศูนย์กลางของแจกัน และเลือกจัดดอกไม้ที่เด่นที่สุดไปยังส่วนประกอบอื่นๆ
- จุดเด่นของดอกไม้ไม่ควรอยู่สูงเกินไป เพราะจะทำให้เห็นก้านดอกไม้และไม่ค่อยสวย
การจัดแจกันดอกไม้ตามมุมต่างๆ ของบ้าน
ห้องรับแขก
เพราะเป็นส่วนหนึ่งของบ้านที่ต้องใช้งานบ่อยๆ แจกันที่ใช้จึงควรมีรูปทรงที่กะทัดรัด เพื่อป้องกันการตกแตก เช่น ชั้นบนของชั้นวางหนังสือหรือบิลท์อิน ควรเลือกแจกันเงินทรงกลมขนาดเล็ก เติมด้วยดอกไม้สีจัดจ้าน โดยตัดก้านดอกให้สั้นพอดีสำหรับเสียบแจกัน เพื่อช่วยดึงความน่าสนใจและทำให้บริเวณชั้นวางดูมีสีสันมากขึ้น ส่วนดอกไม้ที่สำหรับการตกแต่งมุมนี้ ได้แก่ กุหลาบแดง เบญจมาศ โดยเฉพาะดอกกล้วยไม้คัทลียาสีม่วงที่จะช่วยให้ชั้นวางของน่ามองยิ่งขึ้น
ทางด้านโต๊ะกลางด้านหน้าโซฟารับแขก เพื่อให้ดูแปลกตาและน่าสนใจมากขึ้น ลองจัดเป็นถาดดอกไม้ดูมีดีไซน์ ถ้าโต๊ะมีขนาดไม่ใหญ่นัก เลือกใช้แจกันแบบกระเบื้องเคลือบสีเรียบประดับด้วยดอกกุหลาบหนูหลากหลายสี โดยตัดส่วนใบให้เหลือน้อยที่สุด จากนั้นจึงตัดก้านให้สั้นแล้วนำมาปักแซมเบียดกันให้เป็นทรงกลม สร้างบรรยากาศให้ดูสดชื่นและสบายตาได้มากยิ่งขึ้น
โต๊ะรับประทานอาหาร
เพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลายและเสริมความสวยงาม ทั้งยังช่วยให้สมาชิกเจริญอาหารมากขึ้น แนะนำให้จัดช่อดอกไม้เป็นแบบ “บูเก้” โดยเลือกเน้นดอกไม้ตูมๆ เช่น ดอกทิวลิปสีอ่อน ดอกแดฟโฟดิล หรือดอกเปเปอร์ไวท์หลายหลากสี คละเคล้ากัน พร้อมทั้งตัดก้านเพื่อให้ดอกไม้อยู่ที่ระดับขอบถ้วย และปักรวมกันให้เป็นทรงกลม อาจแซมด้วยใบของดอกทิวลิปบ้างเล็กน้อย เพื่อให้ดูมีสีสัน ชวนมอง
ห้องครัว
บ้านที่ห้องครัวมีบานหน้าต่างขนาดใหญ่แบบเปิดโล่ง นอกจากการจัดแจกันดอกไม้ ต้นกระบองเพชรพันธุ์ต่างๆ ยังช่วยเสริมความมีชีวิตชีวาให้ตรงขอบหน้าต่างได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญยังช่วยดึงบรรยากาศของความเป็นธรรมชาติ ทั้งยังสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อีกด้วย ส่วนมุมผนังของบ้านให้หาแจกันทรงกระบอกปักดอกไม้งามเพียงดอกเดียว และปักใบเขียวแซมสักอีกใบก็ทำให้ครัวดูสะดุดตามากขึ้น
ตรงหัวบันได
การจัดวางแจกันตรงมุมหัวบันไดบ้านจะช่วยสร้างความแปลกใหม่ให้กับบ้านได้เป็นอย่างดี ทั้งยังทำให้บ้านดูไม่น่าเบื่อและน่าสนใจมากขึ้น โดยเลือกการจัดกระถางดอกไม้ให้เป็นสไตล์ Tropical เน้นโทนสีเขียว สบายตา เช่น เฟิร์นฮาวาย ใบกาเหว่าลาย อาจแซมด้วยดอกไม้เพิ่มความน่ามอง เช่น ดอกเฮลิโคเนีย เบิร์ด ออฟ พาราไดซ์ หรือปักษาสวรรค์ และใช้แจกันเซรามิกทรงสูงหรือจะเป็นถังทองเหลืองเพื่อเสริมบรรยากาศของความเป็น Tropical ให้มากขึ้น
ห้องนอน
เนื่องจากห้องนอนต้องสงบและผ่อนคลาย เหมาะสำหรับการพักผ่อนมากที่สุด จึงไม่เน้นการจัดแบบเยอะๆ ควรเลือกเป็นดอกไม้ชูเดี่ยวหรือดอกไม้แห้ง และต้องคำนึงถึงการตกแต่งให้เข้ากับสไตล์ของบ้าน สำหรับห้องนอนที่ออกแบบแบบเรียบหรู ลองนำกุหลาบก้านสูงสีแดงดอกเดียวปักไว้ในแจกันแก้วตั้งวางไว้ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง หรือที่หัวเตียงก็เพียงพอ แต่ถ้าหากบ้านเป็นแบบคลาสสิกจนถึงเปรี้ยวร่วมสมัย ลองหาแจกันเงินแบบโบราณเสริมด้วยการปักดอกกุหลาบชูช่อเดี่ยว ดอกหน้าวัวสีแดงสด หรือดอกเยอบีร่า เป็นต้น
ห้องทำงาน
ถ้ามีแจกันดอกไม้สวยๆ สักอันมาไว้ที่โต๊ะทำงาน เชื่อว่าจะทำให้คุณผ่อนคลาย และเพิ่มบรรยากาศภายในห้องให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น แต่อีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลและง่าย โดยไม่ต้องเสียเวลาจัดแจกัน คือ การนำหอมหัวใหญ่มาใช้แทนดอกไม้ (อันนี้เป็นทริคเด็ดๆ ที่ Karuntee ไปเจอมาจากซีรีส์เกาหลีค่ะ ได้ผลดีด้วย เพียงนำหอมหัวใหญ่มาเขียนเป็นรูปหน้าต่าง ๆ แล้วแช่ไว้ในแก้วน้ำ ซึ่งการเลี้ยงน้องหอมหัวใหญ่ไว้ที่โต๊ะทำงาน จะช่วยลดภาวะความเครียดหรือบรรเทาอาการของหวัดได้ ที่สำคัญพอมันโตขึ้น สามารถตัดเอาต้นมาประกอบอาหารหรือเอาไปลงดินเพาะเลี้ยงต่อก็ได้
ไม่เพียงแค่การจัดดอกไม้ที่ควรให้ความสำคัญเท่านั้นนะคะ การเลือกแจกันก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้องค์ประกอบของแจกันดอกไม้สมบูรณ์แบบมากขึ้น
คุณสมบัติของแจกันรูปทรงต่างๆที่เลือกมา
1. แจกันควรมีน้ำหนักเพียงพอที่จะปักดอกไม้แล้วไม่ทำให้แจกันล้ม เช่น เป็นเซรามิกหรือโลหะ
2. แจกันต้องมีความสูงอย่างน้อยประมาณสัก 2 นิ้ว และบริเวณปากควรมีความกว้างไม่ต่ำกว่า 3 นิ้วเพื่อที่จะวางฟรอร่าโฟมได้ ขังน้ำได้ และเวลาจัดดอกไม้ ต้องใส่น้ำลงไปในภาชนะ ดอกไม้ ใบไม้ จะได้ดูดน้ำไปเลี้ยงตัวเอง
3. รูปทรงของแจกันโดยทั่วไปเป็นรูปทรงเรขาคณิต คือ เหลี่ยม รี กลม ยาว สูง แบน ภาชนะใส่อาหารและของใช้ในบ้านบางชนิดก็นำมาทำแจกันดอกไม้ได้
4. สีของภาชนะ ควรเน้นสีโทนกลาง เช่น สีขาว ครีม เขียว น้ำตาล น้ำเงิน เทา ดำ หรือสีหม่น ที่ไม่จัดจ้านจนเกินไปได้แก่ เหลืองหม่น แดงหม่น ม่วง และฟ้า เป็นต้น ถ้าเป็นโลหะ อาจเลือกเป็นสีทองและสีเงิน
5. หากต้องการจัดดอกไม้โดยไม่ใช้น้ำ ขอแนะนำให้ใส่โอเอซิสขนาดพอดีกับฐานของแจกันลงไป พร้อมพรมน้ำให้ชุ่ม จะช่วยทำให้ดอกไม้อยู่ได้นาน ทั้งยังไม่จำเป็นต้องดูแลบ่อยๆ
6. ไม่ควรนำภาชนะที่ราคาแพงๆ มาจัดดอกไม้ เช่น แจกันเบญจรงค์และแจกันลายคราม เพราะมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุสูง และภาชนะอาจตกหล่น แตกร้าวได้
เห็นไหมคะว่าเพียงแค่การจัดแจกันดอกไม้เล็กๆ ก็สามารถช่วยเติมบรรยากาศและความสดชื่นให้ภายในบ้านได้เป็นอย่างดี ทั้งยังทำให้บ้านที่ดูเรียบๆ ดูน่าสนใจขึ้นมาได้ ใครที่สนใจลองนำวิธีการจัดดอกไม้มาใช้ดูบ้างนะคะ แล้วซัมเมอร์นี้บ้านของคุณจะดูมีชีวิตชีวาเพิ่มมากขึ้นไงคะ....
ขอบคุณภาพประกอบจาก Pinterest ข้อมูลบางส่วนจาก Sanook.com
|