จะมีสถานที่สักกี่แห่งที่มหัศจรรย์แปลกตาราวกับหลุดมาจากโลกในเทพนิยาย ภูเขาสวยๆ ที่ดึงดูดใจด้วยความงดงามของสีสัน หรือความแปลกตาของทิวทัศน์ ลักษณะของภูมิประเทศที่เราไม่คุ้นชินกลับกลายเป็นความอัศจรรย์ใจที่เชื้อเชิญให้มนุษย์อย่างเราต้องออกเดินทางค้นหาอยู่เรื่อยไป

 

Shangri La, China

 

Cr. Mr. Worawut Thammakulangkul

 

      แชงกรีลา หรือเดิมมีชื่อว่า จงเตี้ยน  คือชื่อเมืองหนึ่งของจีน ตั้งอยู่บริเวณตะเข็บรอยต่อของมณฑลยูนนานและทิเบต เป็นเมืองแห่งความสงบ บนเทือกเขาหิมาลัย สถานที่ที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์  เป็นสวรรค์ที่ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง  จนได้รับการขนานนามว่า Utopia (เมืองในอุดมคติ)  เมืองที่มีแต่ความสุขสงบ และหากใครได้เคยอ่าน นวนิยายเรื่อง Lost Horizon  ของเจมส์ ฮิลตัน นักเขียนชาวอังกฤษ  ที่ได้กล่าวถึง แชงกรี-ลา ซึ่งเป็นดินแดนสมมุติที่ปรากฏในนวนิยาย ว่าสถานที่นี้เปรียบเหมือนสวรรค์บนดิน  ซึ่งเป็นภาษาทิเบต  มีความหมายว่า ทางนำไปสู่ดวงตะวันและดวงจันทร์โดยดวงจิต หรือ แดนสวรรค์บนโลก นั่นเองค่ะ ภายในหนังสือได้พรรณนาว่า แชงกรีลา เป็นดินแดนเร้นลับแห่งหนึ่งในทิเบต  และมีความเชื่อว่า นี่คือดินแดนในฝันของมนุษย์ เป็นชุมชนที่สวยงามสงบสุข  มีอารยธรรมสูง  ปราศจากซึ่งความรุนแรง ไร้ซึ่งความกังวลใจ  ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาสูงใหญ่ที่ยอดเขาปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดทั้งปี  ความสงบและอากาศที่เย็นสบาย  รวมถึงผู้คนที่มีความเป็นมิตร มีอายุวัฒนะ แต่จะหายไปทันทีถ้าได้ก้าวพ้นออกนอกเขตแชงกรีลาแห่งนี้ จากคำพรรณนาที่ปรากฏอยู่ในงานเขียน ทำให้เหล่านักสำรวจ นักเดินทาง ต่างตามหากันว่าจะมีดินแดนนี้ อยู่ที่ไหนบนโลก จนกระทั่งมีผู้ค้นพบว่า เมืองจงเตี้ยน ในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน  มีหลายสิ่งหลายอย่างสอดคล้องกับข้อมูลนวนิยาย จนในที่สุด จีนก็ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อเมืองจงเตี้ยน เป็น “แชงกรีล่า” ในปี 2002  นั่นเองค่ะ

 

Cappadocia, Turkey

 

Cr. avonturguide.blogspot.com

 

      Cappadocia (คัปปาโดเกีย) เป็นชื่อเก่าแก่ในภาษาฮิตไทต์ (ชนเผ่ารุ่นแรกๆ ที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้) แปลว่า “ดินแดนม้าพันธุ์ดี” ตั้งอยู่ประเทศตุรกี  ความมหัศจรรย์ของดินแดนแห่งนี้ถือกำเนิดเกิดขึ้นเมื่อราว ๆ 8 ล้านปีก่อน  มีภูเขาไฟเจ้าอารมณ์อยู่สองลูก วันหนึ่งทั้งคู่ได้เกิดบันดาลโทสะขึ้น พ่นลาวาและเถ้าถ่านออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน กระทั่งทับถมพื้นที่โดยรอบจนกลายเป็นชั้นดิน ชั้นหิน ที่สูงเวิ้งจนสุดสายตา  กาลเวลาที่ผ่านพ้นไปได้หอบนำ สายลม สายฝน มาเยี่ยมเยือนในดินแดนแห่งนี้  ยิ่งนานวันเข้า ชั้นดินจึงเกิดการสึกกร่อนกลายสภาพเป็นแท่งหินรูปร่างแปลกตา จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดที่ดูน่าพิศวง  เต็มไปด้วยหินรูปแท่งกรวย (คว่ำ) ปล่อง กระโจม  โดม และอีกสารพัดรูปทรง ประหนึ่งว่าเป็นดินแดนในเทพนิยาย จนชนพื้นเมืองเรียกขานกันว่า “ปล่องไฟนางฟ้า” (Fairy Chimney)

4760641252_4e3e20d2c1_b

Cr. hiveminer.com

      และนอกจากทิวทัศน์ที่ชวนให้หลงใหลแล้ว นักท่องเที่ยวที่มาเยือนคัปปาโดเกีย ต้องไม่พลาดกับการตามล่าหาดวงตาปีศาจในดินแดนปล่องไฟนางฟ้าแห่งนี้  ซึ่งดวงตาปีศาจ (Evil Eye) ถือเป็นความเชื่อของผู้คนแถบนี้มาช้านาน และยังเป็นเครื่องรางที่ได้รับความนิยมของชาวตุรกี ที่มีชื่อว่า Nazar Boncugu (นาซา บองชุก) จากภาพเราจะเห็นเป็นสัญลักษณ์รูปดวงตาสีฟ้า  ซึ่งชาวตุรกี เกือบทุกคนจะต้องมี ติดตัว เพราะพวกเขาเชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยปกป้องสิ่งชั่วร้าย ความอิจฉาริษยา และหากมีสิ่งไม่ดีเข้ามา ก็จะสะท้อนกลับออกไป นอกจากนี้ยังช่วยปกป้องผู้พกพาให้พบแต่สิ่งที่โชคดี และประสบความสำเร็จในสิ่งที่หวังอีกด้วยค่ะ

Giant’s Causeway, Northern Ireland

 

Cr. i.imgur.com

 

      Giant!s Causeway (ไจแอนต์ส คอสเวย์) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามมหัศจรรย์และมีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของโลก โดยตั้งอยู่ บนชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของไอร์แลนด์เหนือค่ะ หินที่เราเห็นบริเวณแถบชายฝั่งนี้ เป็นหินบะซอลต์ที่เกิดจากปฏิกิริยาการเย็นตัวของหินภูเขาไฟเมื่อ ประมาณ  50,000 ถึง 60,000 ปีที่ผ่านมา จากภาพจะเห็นได้ว่าบริเวณพื้นที่นี้ เต็มไปด้วยเสาหินรูปหกเหลี่ยมและหินแท่งสี่เหลี่ยมกว่า 40,000 แท่งที่เชื่อมต่อกัน ถือเป็นความงามที่เกิดจากธรรมชาติ  แต่ก็ไม่วายยังมีตำนานเล่าขานความเป็นมาของสถานที่นี้ เกี่ยวกับยักษ์ไอริชตนหนึ่งชื่อ Finn McCool ที่สร้างถนนเส้นนี้ไว้เป็นทางเดินเพื่อต่อสู้กับยักษ์สก๊อตที่มีชื่อว่า  Benandonner โดยเรื่องมีอยู่ว่า ฟินน์หลับไปก่อนที่จะข้ามไปยังสก๊อตแลนด์ แต่พอเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่ายักษ์ใหญ่แห่งสก๊อตได้มาเยือนถิ่นตน  ฟินน์จึงวิ่งไปบอก Oonagh ภรรยาของเขาถึงขนาดความใหญ่โตของ Benandonner และถามว่าเขาควรจะทำอย่างไร Oonagh จึงให้ฟินน์ปลอมตัวและนอนในเปลทำเหมือนเขาเป็นเด็ก เมื่อ Benandonner ได้เห็นจึงคิดว่าฟินน์เป็นเพียงเด็กและขนาดเด็กยังตัวขนาดนี้แล้วพ่อของเขาจะมีขนาดตัวเท่าไหร่กัน Benandonner จึงกลับไปยังสก๊อตแลนด์ไปและทำลาย Causeway โดยดึงแท่งหินเบื้องหลังตนออกเพื่อไม่ให้ผู้อื่นใช้ถนนอีกต่อไป และเรื่องราวทั้งหมดนี้จึงกลายเป็นที่มีของชื่อที่ว่า  Giant’s Causeway… แหม! พอได้ทราบตำนานแบบนี้  ยิ่งทำให้สถานที่แห่งนี้ ดูน่าสนใจขึ้นมาอีกเยอะเลยนะคะ

 

Socotra Island, Yemen

 

Cr. readytraveler.com

 

      เกาะโซโคตร้า (Socotra Island) เกาะเล็กๆ ในมหาสมุทรอินเดีย เขตประเทศเยเมน มีสภาพภูมิประเทศค่อนข้างแห้งแล้ง และสภาพอากาศที่อบอ้าว เป็น 1 ใน 4 ของเกาะที่แยกจากแผ่นดินแอฟริกาในช่วง 6-7 ล้านปีก่อน จึงกลายเป็นเกาะที่โดดเดี่ยวและห่างไกล แต่ทว่ากลับมีความสวยงาม โดยคำว่า Socotra นั้นมาจากภาษาสันสกฤต มีความหมายว่า “เกาะแห่งความสุข” เป็นเกาะที่มีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่แปลกตาไม่เหมือนที่ไหนในโลก เพราะเป็นสถานที่รวมพืชพรรณที่มีรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดหลากหลายชนิด อย่างเช่น กุหลาบแห่งทะเลทราย (Desert Rose) และต้นเลือดมังกร (Dragon’s Blood Tree) ที่มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าสรรพคุณนั้นโดดเด่นแสนสะท้าน ช่วยรักษาได้สารพัดโรค ก็ยังคงมีชีวิตอยู่รอดได้จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเป็นสายพันธ์ที่มีอายุกว่า 20 ล้านปีด้วยนะ ทั้งนี้น่าจะเป็นเพราะความห่างไกลและการไม่ถูกรุกรานทรัพยากรธรรมชาติมากนัก จึงทำให้พืชสายพันธุ์โบราณ ยังคงมีการสืบพันธุ์และดำรงเผ่าพันธุ์อันเก่าแก่ของมันมาจนถึงวันนี้ และปัจจุบันยังถูกอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีอีกด้วยค่ะ

42355

Desert Rose

Cr. yukepo.com

69669e6b94a39fa4fcfbe80678897443

Dragon’s Blood Tree

Cr. matadornetwork.com

Zhangye Danxia Landform, China

 

Cr. rmrbimg2.people.cn

 

      ทิวทัศน์ที่สวยงามราวกับหลุดออกมาจากโลกแฟนตาซีนี้ คือ “ตันเซียแลนด์ฟอร์ม” (Danxia Landform) ตั้งอยู่ที่เมืองจางเย่ (Zhangye) มณฑลกานซู่ (Gansu) ทางตอนเหนือของประเทศจีน อยู่ห่างจากเมืองเซี่ยงไฮ้หรือช่างไฮ้ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเป็นแนวเขาที่มีลวดลายเป็นริ้วสีธรรมชาติ ประกอบไปด้วยหินทรายและแร่ธาตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกเมื่อ 24 ล้านปีก่อนค่ะ  แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปเทือกเขาแห่งนี้ได้ถูกชะล้างด้วยน้ำฝนและลม จนแนวเขาจนเกิดเป็นภูมิประเทศที่กว้างใหญ่ไพศาลและมีสีสันแปลกตา ซึ่งโทนสีที่เราเห็นเด่นชัดที่สุดคือโทนสีแดง โดยมีการไล่สีไปตั้งแต่สีเหลืองอ่อนไปจนถึงสีแดงสลับสีสันกันไปมา จนกลายเป็นริ้วสีรุ้งทั่วทั้งหุบเขา ว่ากันว่าทิวทัศน์ช่วงพระอาทิตย์ตกดินของที่นี่นั้นสวยงามที่สุด ยิ่งหากเป็นวันที่ถัดมาจากวันที่ฝนตกจะยิ่งสวยเป็นพิเศษ  นับได้ว่าความงดงามของเขาสายรุ้งตันเซี๋ย แห่งนี้เป็นงานประติมากรรมตามธรรมชาติที่จัดว่าเป็นงานศิลปะอันแสนงดงามโดยแท้จริง

 

The Dark Hedges, Ireland

 

Cr. hecktictravels.com

 

      ที่เมืองอาร์มอย แห่งประเทศไอร์แลนด์ เราได้ถูกดึงดูดด้วยความร่มรื่นจากอุโมงค์ที่ดูลึกลับด้วยกิ่งก้านสาขาของต้นบีช ที่มีอายุราว 300 ปี ทอดแนวยาวไปตลอดถนนเบอเกจห์ ถนนสายเก่าแก่ที่ได้รับการยอมรับว่ามีความสวยงามเป็นอันดับต้นๆของโลก ต้นบีชที่เราเห็นกันเหล่านี้ถูกปลูกขึ้นในช่วงศตวรรษที่18 โดยครอบครัวสจ๊วต ที่เป็นเจ้าของที่ดินตรงนั้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความประทับใจให้ กับผู้คนที่จะเดินทางเข้าสู่บ้านของพวกเขา เสมือนเป็น  welcome road นั่นเองค่ะ ปัจจุบันถนนเส้นนี้เป็นภูมิทัศน์ที่สวยสดงดงามของไอร์แลนด์เหนือไปแล้ว และไม่ว่าใครที่ไปไอร์แลนด์เหนือ ก็อยากที่จะแวะไปเชยชมกับพุ่มไม้แห่งนี้

Cr. dusken.no

      แน่นอนว่าความสวยงามย่อมกลายเป็นที่ถูกอกถูกใจ จนถูกนำไปใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำในภาพยนตร์เรื่อง Game of Thrones ซีรีย์ชื่อดังที่ทำคนติดงอมแงมกันทั่วโลก โดยใช้ถ่ายทำในฉาก the King’s Road เส้นทางที่ Arya เดินทางร่วมกับ Night’s Watch นั่นเองค่ะ  (แหน่ะ เริ่มคุ้นตากันบ้างแล้วใช่ไหมเอ่ย?)

       จะว่าไปแล้วก็น่าชื่นใจแทนครอบครัวตระกูล สจ๊วตนะคะ คิดว่าพวกเค้าคงมีความสุขกันมากแน่ๆ ถ้ารับรู้ว่าต้นไม้ที่ตัวเองปลูก ได้ทำหน้าที่ต้อนรับแขกจากทั่วทุกมุมโลก ได้เป็นอย่างดีขนาดนี้

 

Zhangjiajie, China

 

Cr. privatebeijingtrips.com

 

      อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลหูหนาน มีเนื้อที่กว่า 9,500 ตารางกิโลเมตร เต็มไปด้วยแท่งภูเขาหินทราย สูงขึ้นฟ้ามากกว่า 3,000 ยอด  เป็นสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติของโลกในปี ค.ศ. 1992   นับเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญอันลือชื่อของจีน  ด้วยลักษณะพิเศษของภูเขาที่ดูวิจิตรงดงามแปลกตากว่าหุบเขาอื่นๆ หากย้อนไปเมื่อสมัย 400 ล้านปีก่อน เปลือกโลกบริเวณนี้เคยเป็นท้องทะเลมาก่อนค่ะ  ซึ่งสังเกตได้จากฟอสซิลสัตว์ทะเลต่างๆ ที่ขายกันตามแผงลอยในเมือง  โดยการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกใต้ท้องมหาสมุทรที่เคลื่อนตัวชนกันจนเกิดการยกตัวขึ้นเป็นหุบเขารูปร่างที่ชวนแปลกตา เมื่อเวลาผ่านไปภูเขาที่โครงสร้างส่วนใหญ่เป็นหินทรายถูกกัดเซาะโดยพายุฝนเกิดการพังทลายของหน้าผาทำให้ยุบตัว จึงกลายมาเป็นหุบเขาแท่งหินอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน  ความโด่งดังของสถานที่นี้ ถูกถ่ายทอดสู่สายชาวโลกจากฉากในภาพยนตร์เรื่อง “Avatar”  ที่กำกับโดย เจมส์ คาเมรอน  โดยฉากส่วนใหญ่ที่ถ่ายจากอุทยานจางเจียเจี้ย ยอดเขาหวงซือจ้าย  จะเป็นจุดที่มียอดเขางดงามที่สุด ภาพของยอดเขานับร้อยเหล่านี้ ถูกคลอเคลียด้วยหมอกบางๆ  นับเป็นความสวยงามที่ไม่สามารถพรรณนาได้ ซึ่งมีผู้คนไม่น้อยเปรียบเปรยว่าความงดงาม ดังกล่าวราวกับอยู่ในแดนสวรรค์เลยทีเดียวค่ะ

 

Waitomo Glowworm caves , New Zealand

 

Cr. backpackerguide.nz

 

      แสงระยิบระยับที่ส่องสะท้อนกับพื้นผิวน้ำเสมือนแสงดาวบนท้องฟ้าในยามค่ำคืน คือไฮไลท์เด็ดของถ้ำเรืองแสงสุดแปลกประหลาด ที่มีชื่อว่า Waitomo  Glowworm Caves  (ไวโตโม โกลว์วอร์ม) หรือ “ถ้ำหนอนเรืองแสง”  เป็นคำที่มาจากภาษาเมารี (ชนพื้นเมืองแถบทวีปออสเตรเลียโอเชียเนีย) ที่ได้จากการรวมคำสองคำ คือคำว่า “wai” ที่แปลว่า “น้ำ” และคำว่า “tomo”  ที่แปลว่า “หลุม บ่อ หรือ ถ้ำ” เมื่อนำ waitomo มารวมกันจึงมีความหมายว่า ถ้ำที่มีน้ำไหลผ่าน  ซึ่งสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ อย่าง Waikato (ไวกาโต) บนเกาะเหนือของประเทศนิวซีแลนด์  ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1887 โดย Fred Mace (เฟร็ด เมซ) ชาวอังกฤษ ซึ่งในเวลาต่อมาข่าวเรื่องความงดงามเกินที่จะจินตนาการได้ของถ้ำไวโตโม และหนอนเรืองแสง ตัวการที่ทำให้ถ้ำสว่างไสว ได้มีการแพร่กระจายออกไป จึงมีผู้คนหลั่งไหลมาชมกันอย่างมากมาย

Glow-worms-032-X2

Cr. rosesigona.com

      ภายในถ้ำเป็นที่อยู่ของหนอนเรืองแสงนับล้านตัว แต่หากมองกันจริงๆ ก็ไม่ใช่หนอนซะทีเดียวหรอกนะคะ น่าจะเป็นตัวอ่อนของแมลงที่มีลักษณะคล้ายกับยุง มากกว่า  โดยแมลงเหล่านี้จะเรืองแสงเพื่อบ่งบอกเพศ สายพันธุ์ และการหาคู่ โดยช่วงวัยที่เป็นตัวอ่อน การเรืองแสงจะมีประโยชน์ เพื่อล่อเหยื่อมาเป็นอาหารนั่นเองค่ะ

Pamukkale, Turkey

 

Cr. 724transfer.com

 

       ดินแดนน้ำพุร้อนแห่งนี้ มีชื่อเรียกว่า ปามุกคาเล  เป็นชื่อภาษาตุรกี ที่มีความหมายนุ่มๆ ฟังแล้วสบายหูว่า ปราสาทปุยฝ้าย โดยคำว่า Pamuk หมายถึง Cotton และ Kale หมายถึง Castle  ลักษณะคล้ายน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดขึ้นจากธารน้ำใต้ดินมีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส ซึ่งมีแร่หินปูน (แคลเซียมไฮดรอกไซด์) ผสมอยู่ในปริมาณมาก โดยต้นสายของธารน้ำนี้ไหลลงมาจากภูเขาคาลดากึ ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือ เมื่อน้ำเอ่อล้นขึ้นมาเหนือผิวดิน และทำปฏิกิริยากับอากาศ จึงจับตัวแข็งเกาะกันเป็นแอ่ง ลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ ไปตามลักษณะภูมิประเทศ หน้าผาที่ขาวกว้างใหญ่ มองดูเหมือนสร้างจากหิมะสีขาวๆ ที่ตัดกับน้ำสีฟ้าใสสวยๆ หลอกล่อสายตาของคนที่มาเยือนได้เป็นอย่างดี  อีกทั้งผู้คนยังนิยมไปอาบหรือนำมาดื่ม เพราะเชื่อว่ามีคุณสมบัติในการรักษาโรคหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ ความดันโลหิตสูงและโรคไต ซึ่งเมื่อครั้งในอดีตชาวโรมัน มีความเชื่อว่าน้ำพุร้อนดังกล่าว สามารถรักษาโรคได้ จึงได้สร้างเมืองเฮียราโพลิส ล้อมรอบเอาไว้ เสมือนสมบัติอันล้ำค่าที่ต้องซุกซ่อนไว้

 

      ทั้งหมดนี้ก็คือ ความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติได้บรรจงสร้างสรรค์ขึ้นผ่านกาลเวลาหลายพันปี นับเป็นของขวัญแทนคำกล่าวต้อนรับกับเหล่าผู้มาเยือนโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยวาจาใดๆ แต่ทว่า กลับไพเราะและงดงามเป็นที่สุด…