Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
กลิ่นสามารถบ่งบอกความเป็นตัวเองได้ การเลือกกลิ่นใดกลิ่นหนึ่งให้เหมาะสมกับตัวเองจึงสำคัญ ยิ่งในยุคปัจจุบันกลิ่นหอมนั้นเหมาะสมกับทุกเพศ อย่างสุภาพบุรุษที่มีทั้งความสง่างาม ความกล้าหาญ แต่ก็ยังมีส่วนที่อ่อนไหวและน่าเอาใจใส่ จึงต้องเลือก น้ำหอม ที่จะเป็นตัวแทนได้ทั้งความกล้าหาญและด้านอ่อนไหวของผู้ชาย

กลิ่นที่นิยมถูกนำมาใช้ใน น้ำหอม ของผู้ชาย

ในอดีต น้ำหอม ผู้ชายเคยถูกมองว่าเป็นน้ำหอมที่มีกลิ่นหนักและฉุน ซึ่งแตกต่างจากปัจจุบันเป็นอย่างมาก เพราะได้มีการคิดค้นส่วนผสมที่เลือกใช้กลิ่นจากหลายส่วนผสม ทำให้ผสมผสานเข้ากันได้อย่างลงตัวมากขึ้น จนทำให้เกิดกลิ่น น้ำหอม ใหม่ๆ สำหรับผู้ชายขึ้นมามากมาย
ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น น้ำหอมได้ถูกพัฒนาให้มีกลิ่นผสมผสานกันอย่างลงตัว โดยแต่ละกลิ่นนั้นจะออกมาเป็นพระเอกออกมาแตะจมูกในช่วงเวลาที่ต่างกัน เรียกว่า Top Note, Middle Note และ Base Note
Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : Nolan Kent on Unsplash
Top Note คือ กลิ่นที่จะคงอยู่เพียงช่วงสั้นๆ ประมาณ 5-15 นาที หรือกลิ่นที่ฉีดปุ๊บได้กลิ่นปั๊บ มักจะเป็นกลิ่นที่หอมสดชื่นแสมผสานกับกลิ่นจางๆ ของวัตถุดิบอื่นๆ ที่ใช้ใน Middle และ Base Note ทำให้น้ำหอมแต่ละตัวมี Top Note ที่เป็นเอกลักษณ์แต่งต่างกันไป และยังเป็นกลิ่นที่สร้างความประทับใจและความมั่นใจให้กับคุณสุภาพบุรุษทันทีที่ฉีดอีกด้วย
Middle Note คือ กลิ่นที่จะปรากฏขึ้นหลังจากที่ Top Note จางหายไป โดยจะได้กลิ่นต่อไปอีกราว 30-60 นาที โดยจะเป็นกลิ่นหอมหลักของน้ำหอม จะเป็นกลิ่นหอมเบาๆ และชวนให้รู้สึกผ่อนคลายไม่ฉุนจมูก โดยมักจะเป็นกลิ่นดอกไม้ที่มีเอกลักษณ์อย่างเจอราเนียม กุหลาบ หรือสมุนไพรอย่าง อบเชย ขิง แซฟฟรอน วนิลลา เป็นต้น
Base Note คือ กลิ่นชั้นสุดท้ายที่จะติดทนนานไปจนน้ำหอมจางหายไปภายใน 2-8 ชั่วโมง ตามความเข้มข้นของน้ำหอม จะปรากฏขึ้นหลังจากที่ Middle Note จางลงจนผสมผสานกลิ่นกับ Base Note จนกลายเป็นกลิ่นอบอุ่น ลงตัวและน่าค้นหา Base Note มักเป็นกลิ่นจางๆ แต่ช่วยเสริมให้สุภาพบุรุษดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าคุณจะออกแดดหรืออยู่ในห้องแอร์ เจ้ากลิ่นนี้ล่ะที่จะกลายเป็นกลิ่นที่มักถูกเรียกว่า “กลิ่นเฉพาะตัว” ของแต่ละบุคคลนั้นๆ ส่วนมากจะเป็นกลิ่น Musk, Amber, Sandal Wood หรือ Smoke
แล้วแต่ละกลิ่นจะมีอะไรบ้าง? ลองไปดูกันเลย

Bergamot

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : freepik
มะกรูดเป็นพืชมีผลสีเขียวและเหลืองที่เติบโตได้ดีไปทั่วอิตาลีตอนใต้ และเป็นที่รู้จักครั้งแรกในช่วงพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และถูกนำมาใช้ในน้ำหอมตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 โดยกลิ่นหอมของมะกรูดกลายเป็นหนึ่งในส่วนผสมที่ทรงคุณค่าและเป็นที่ต้องการมากที่สุดในการรังสรรค์น้ำหอม เพราะสามารถมอบกลิ่นหอมสดชื่นแบบผลไม้พร้อมชั้นเชิงที่เป็นเอกลักษณ์ เหมาะสำหรับฤดูร้อนแต่ก็ยังเป็นทางเลือกของกลิ่นแบบเบาๆ สำหรับเดือนที่อากาศหนาวเย็น
น้ำมันหอมระเหยจากมะกรูดได้รับการยกย่องอย่างสูงเนื่องจากมีความสมดุลแตกต่างไปจากกลิ่นอื่นๆอย่างพวกส้มและมะนาว ถึงแม้ว่ามันจะมีความสดมากและมีกลิ่นส้ม แต่ก็เข้มข้นกว่าและกลมกล่อมมากกว่ากลิ่นส้มอื่นๆ ซึ่งมีกลิ่นที่ค่อนข้างมีมิติเดียวเมื่อเปรียบเทียบกัน ทำให้มันเป็นส่วนผสมที่ทรงคุณค่าสูงและนิยมนำมาใช้ทำเป็นกลิ่นน้ำหอมของผู้ชาย

Peppermint

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : Eduardo Cano Photo Co. On Unsplash
Peppermint เป็นหนึ่งในสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมในตระกูลมินต์ สามารถพบได้ตามธรรมชาติในอเมริกาเหนือและยุโรป น้ำมันเปปเปอร์มินต์ขึ้นชื่อในเรื่องความสดของมินต์ เป็นน้ำมันหอมระเหยที่ได้จากพืชเปปเปอร์มินต์หรือที่รู้จักในชื่อ mentha × piperita เป็นลูกผสมของพืชมินต์สองต้นคือสเปียร์มินต์ และวอเตอร์มินต์
โดยแท้จริงแล้วกลิ่นน้ำหอมที่จากมินต์มักเป็นกลิ่นสำหรับ unisex กลิ่นของ Peppermint จะเป็นกลิ่นที่สดชื่น มีความเย็นๆให้ความรู้สึกที่สดใหม่และรู้สึกสะอาด ในปัจจุบันก็มีหลากหลายแบรนด์ที่ออกแบบสูตรกลิ่นมินต์ให้ทีความเฉียบคมของ Top notes และเหมาะกับผู้ชาย

Sea Note

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : Nattu Adnan on Unsplash
Sea Note หมายถึงกลิ่นของทะเล สาหร่าย หรือทรายที่โดนความร้อนจากแสงแดด หรือที่นิยมเรียกกันว่าไอโอดีนหรือ โอโซน ซึ่งเป็นกลิ่นที่ทำให้รู้สึกชุ่มชื่น สดชื่น และกระปรี้กระเปร่า กลิ่น Sea Note ถูกนำมาใช้ในน้ำหอมหลายชนิดเพื่อสร้างองค์ประกอบที่สดชื่นและให้กลิ่นหอมของน้ำทะเลอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้จิตใจผ่อนคลาย
และอีกหนึ่งสิ่งที่กลิ่นนี้มักถูกเลือกมาทำน้ำหอมบ่อยๆเป็นเพราะทำให้นึกถึงกลิ่นแห่งการพักผ่อนในทะเล กลิ่นโน๊ตของทะเลเหล่านี้ทำให้เราได้สัมผัสความรู้สึกน้ำเค็มที่ชวนให้นึกถึงอิสรภาพอีกครั้ง โดยจะดึงดูดทั้งชายและหญิงและได้รับความนิยมเป็นพิเศษในฤดูร้อน

Geranium

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : Le Mucky on Unsplash
Geranium (เจอเรเนียม) เป็นดอกไม้ในสกุลเพอลาร์โกเนียม (Pelargonium) ซึ่งในภาษาละติน Pelargonium แปลว่ามีกลิ่นแรง ซึ่งกลิ่นหอมของพวกมันจะได้กลิ่นอย่างชัดเจนแค่เพียงเดินผ่าน กลิ่นของ Geranium จะเป็นกลิ่นคล้ายผลไม้รสเปรี้ยวและมีกลิ่นอายของกลิ่นกุหลาบ นิยมนำไปใช้ทำเป็นกลิ่นสบู่ โลชั่น
น้ำมันเจอเรเนียมได้มาจากการกลั่นใบและก้านเช่นเดียวกับดอกกุหลาบ ของเหลวให้กลิ่นคมชัดแต่ก็มีกลิ่นที่หวานกว่ากุหลาบ ซึ่งเจอเรเนียมจะมีกลิ่นหอมคล้ายกับลาเวนเดอร์ ทำให้มีกลิ่นเหมาะกับความเป็นชายมากขึ้น สารสกัดนี้จึงถูกนำมาใช้ในน้ำหอมผู้ชายมากมาย

Sandalwood

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : João Guimarães on Unsplash
Sandal Wood หรือไม้จันทน์เป็นไม้หอมหายาก มีถิ่นกำเนิดในอินเดียและเอเชียใต้ เป็นไม้ที่มีราคาแพงที่สุดเป็นอันดับสองของโลกเนื่องจากหาได้ยาก และตามชื่อก็บ่งบอกว่ามีความโดดเด่นด้วยลักษณะเฉพาะของไม้พร้อมกลิ่นโน๊ตที่มาจากเปลือกไม้และราก ทั้งอบอุ่นและนุ่มนวล กลิ่นของไม้จันทน์หอมเหมาะสำหรับฤดูหนาว ให้ความรู้สึกอบอุ่น มักถูกใช้เป็น Base Notes ซึ่งคือกลิ่นที่ให้สัมผัสสุดท้ายของกลิ่นหอม
Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : parsnipsandpastries .com
นอกจากนี้ยังมีกลิ่นอื่นๆ ที่นิยมนำมาใช้เป็นส่วนผสมในน้ำหอมผู้ชายอย่าง เช่น Lemon, Mandarin Orange, Rosemary เนื่องจากเป็นส่วนผสมที่กลั่นมาจากธรรมชาติที่ให้กลิ่นที่ชัดเจน จึงนิยมถูกทำมาใช้เป็นกลิ่น Top notes เป็นส่วนใหญ่ และยังเป็นกลิ่นที่ทำให้นึกถึงความเป็นซัมเมอร์
และหากยังไม่แน่ใจว่าตนเองชอบกลิ่นแบบไหน ข้างล่างนี้เราจะแนะนำและอธิบายให้รู้จักกับกลิ่นแต่ละประเภทกัน (ข้อมูลการแบ่งประเภทกลิ่น จาก fragrantica .com)

CITRUS SMELLS

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : Bruna Branco on Unsplash
คือ กลิ่นผลไม้ตระกูลซิตรัส เช่น ส้ม มะกรูด มะนาว เลม่อน ซึ่งจะให้ความรู้สึกสดชื่น สะอาด และปลอดโปร่ง ตัวกลิ่นจะเป็นกลิ่นที่หอมแตะจมูก มักใช้เป็นกลิ่นหลักในน้ำหอมประเภท Eau de Cologne หรือเป็น Top Note ของ Parfume

FRUITS, VEGETABLES AND NUTS

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : Nathan Dumlao on Unsplash
คือ กลื่นพืชและผลไม้อื่นๆ ที่นอกเหนือจากซิตรัส ซึ่งผลไม้ต่างๆ จะมีกลิ่นหวาน อมเปรี้ยวเฉพาะตัวของแต่ละชนิด และพืชก็จะมีกลิ่นหอมสดชื่นที่แฝงกลิ่นธรรมชาติเอาไว้ ให้บรรดานักสร้างกลิ่น (Perfumer) ได้เลือกใช้กันมากมาย โดยน้ำหอมที่มีกลิ่นผลไม้เป็นส่วนผสมนั้นนิยมเป็นอย่างมากในยุค 2000s และ ผลไม้ที่เป็นที่นิยมก็ได้แก่ ลูกพีชและลูกพลัม ส่วนพืชที่นิยมก็ได้แก่ แตงกวา ลูกโอ๊ก ส่วนกลิ่นของพืชตระกูลถั่วนั้น จะให้ความรู้สึกหอมแบบป่าๆ ผสมกับผลถั่ว โดยกลิ่นที่นิยมก็มักจะเป็นกลิ่นอัลมอนด์ หรือ กลิ่นเฮเซลนัท

FLOWERS

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : Annie Spratt on Unsplash
คือ กลิ่นดอกไม้นานาชนิดที่จะให้กลิ่นหอมหวล สร้างเสน่ห์ให้กับผู้ที่ได้ฉีดน้ำหอม สำหรับน้ำหอมผู้ชายนั้น แม้จะไม่ได้เน้นกลิ่นหอมหวานมากนัก แต่ก็มีไม่น้อยที่ใช้กลิ่นดอกไม้หอมสะอาดและสดชื่น เข้ามาผสมผสานในตัวน้ำหอม สร้างกลิ่นที่มีเอกลักษณ์อีกแบบ โดยน้ำหอมของผู้ชายก็มักจะใช้กลิ่นดอกไม้ เช่น กระดังงา (Ylang-Ylang), เจอราเนียม, ไอริส หรือ กุหลาบ เป็นต้น

WHITE FLOWERS

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : Yoksel Zok on Unsplash
คือ กลิ่นดอกไม้ที่มีสีขาว หรือขาวเหลือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มกลิ่นดอกไม้ เพียงแต่ดอกไม้ที่มีสีขาวนั้น นอกจากจะให้กลิ่นหอมหวานแล้ว ยังทำให้รู้สึกผ่อนคลาย กลิ่นหอมอ่อนๆ ทว่าติดทนนานยังช่วยให้รู้สึกสงบ แม้ว่ามักจะนำมาใช้กับน้ำหอมสตรีเป็นหลัก แต่ก็มีดอกไม้ที่มีสีขาวบางชนิดเช่นกัน ที่นำมาใช้กับน้ำหอมของบุรุษ เช่น มะลิ, พุดซ้อน (Gardenia), ดอกส้ม (Tangerine Blossom) หรือ ซ่อนกลิ่น (Tuberose)

GREENS, HERBS AND FOUGERES

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : Annie Spratt on Unsplash
คือ กลิ่นพืชสีเขียวหรือสมุนไพรที่ให้กลิ่นหอม ที่เรามักจะรู้จักกันดีเพราะล้วนเป็นกลิ่นที่เรานำมาใช้ประกอบอาหารหรือตกแต่งกลิ่นอาหารให้ดูหอมน่ากินมากขึ้น เช่น โรสแมรี่, ใบธาม, มิ้นต์, โหระพา ไปจนถึงพืชสีเขียวที่มีความสดชื่นและหอมธรรมชาติ เช่น ว่านหางจระเข้, ผักชีฝรั่ง (Celery) หรือ ใบแปะก๊วย (Ginkgo)

SPICES

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : Marion Botella on Unsplash
คือ กลิ่นเครื่องเทศต่างๆ ที่หอมล้ำ และมีกลิ่นค่อนข้างแรงติดจมูก ที่เรามักคุ้นเคยเครื่องเทศเหล่านี้ในอาหารและชาหมักต่างๆ เอกลักษณ์เฉพาะตัวของเครื่องเทศคือเมื่อได้กลิ่นก็จะสามารถจำแนกฤทธิ์ร้อน หรือ เย็น ได้อย่างง่ายดาย ยกตัวอย่างเครื่องเทศที่มีฤทธิ์ร้อน เช่น อบเชย, พริกไทย, กานพลู, โป๊ยกั๊ก หรือ ขิง ส่วนสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น ได้แก่ ผักชี, งา หรือ กระวาน เป็นต้น โดยกลิ่นเครื่องเทศเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมบุคลิกของเหล่าสุภาพบุรุษให้ดูมีมิติ และน่าค้นหามากขึ้น

SWEETS AND GOURMAND SMELLS

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : Massimo Adami on Unsplash
คือ กลิ่นของหวานต่างๆ ซึ่งได้นำมาสังเคราะห์สร้างกลิ่นให้เหมือนขนม เพื่อให้เกิดความหอมหวานน่ารับประทาน ส่วนมากจะใช้ในน้ำหอมผู้หญิง แต่สำหรับน้ำหอมผู้ชายบางกลิ่น ก็มีการใช้ของหวานต่างๆ มาเป็นกลิ่นเด่นเช่นกัน กลิ่นวนิลลา, กลิ่นคาราเมล, กลิ่นแตงโม, กลิ่นน้ำผึ้ง ไปจนถึงกลิ่นช็อกโกแลต

WOODS AND MOSSES

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : Stanislav Churikov on Unsplash
คือ กลิ่นไม้ป่าและพืชตระกูลมอส ที่จะให้ความรู้สึกสุขุมนุ่มลึก อบอวลไปด้วยกลิ่นไม้ที่สดชื่นแบบละมุน ไม่โดดเด่นจนรู้สึกได้แต่ก็มีเสน่ห์และสร้างบุคลิกภาพที่ดูเป็นผู้ใหญ่ให้กับน้ำหอม มักถูกใช้เป็น Base Note ของน้ำหอมชนิดต่างๆ เพราะหอมบางและติดทนนาน โดยกลิ่นที่นิยมใช้มากที่สุดจะเป็นกลิ่นไม้จันทน์ (Sandalwood), ไม้กฤษณา (Oud Wood), ต้นไผ่ (Bamboo) และ พืชตระกูลมอส เช่น ต้นไซเปรส (Cypress)

RESINS AND BALSAMS

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : SichiRi on Pixabay
คือ กลิ่นยางสน, ยางไม้ หรือ น้ำยางดิบที่ออกมาจากต้นไม้ ซึ่งจัดว่าเป็นวัตถุดิบที่มีกลิ่น ‘ดิบๆ ป่าๆ’ ชวนให้รู้สึกถึงเสน่ห์ของบุรุษ พื้นฐานกลิ่นจะเหมือนกลิ่นไม้ป่า ทว่าจะมีกลิ่นแฝงอื่นๆ ด้วย เช่น Tolu balsam จะมีกลิ่นออกหวานและสดชื่น, Styrax (กำยาน) จะมีกลิ่นหอมแบบอบอุ่นและให้ความรู้สึกขลัง (เนื่องจากสมัยก่อนเรามักจุดกำยานในบ้านเรือนไทย หรือขณะไหว้พระ) หรือ Myrrh (มดยอบ) ที่จะมีกลิ่นหวานปนขมในเวลาเดียวกัน

MUSK, AMBER, ANIMALIC SMELLS

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : Philipp Pilz on Unsplash
คือ กลิ่นของธรรมชาติที่เป็นกลิ่นดิน หรือกลิ่นสัตว์ ซึ่งแต่เดิมนั้นจะใช้กลิ่นจากไขมันสัตว์สกัดออกมาจริงๆ ทว่าในภายหลังได้ถูกห้ามใช้เนื่องจากเหตุผลด้านการคุ้มครองสัตว์ป่า รวมทั้งยังมีเหตุผลทางด้านอนามัยที่อาจมีเชื้อโรคในสัตว์ติดมา ทำให้ในภายหลังกลิ่นเหล่านี้ถูกสร้างเป็นกลิ่นสังเคราะห์เพื่อใช้งานแทน โดยกลิ่นประเภทนี้จะเป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เย้ายวน และแฝงไปด้วยความดิบเถื่อนเล็กน้อย ซึ่งเหล่านักสร้างกลิ่นได้จัดกลิ่นของกลุ่มนี้ให้อยู่ในหมวด “แฟนตาซี” ที่ภายหลังมีกลิ่นอื่นๆ เพิ่มเข้ามามากมายและให้ความรู้สึกดังกล่าว
โดยกลิ่นที่เป็นที่นิยมใช้ ได้แก่ กลิ่นมัสก์กวาง, กลิ่นอำพัน, กลิ่นหนัง หรือ กลิ่นปะการัง ส่วนกลิ่นแฟนตาซีใหม่ๆ ก็ได้แก่ กลิ่นคาเวียร์, กลิ่นเบค่อน, กลิ่นบาร์บีคิว, กลิ่นควัน หรือ กลิ่นทรัฟเฟิล เป็นต้น

ประเภทของน้ำหอม

จากที่ได้รู้จักกลิ่นน้ำหอมของผู้ชายกันไปบ้างแล้ว ยังมีข้อควรรู้ก่อนจะเลือกซื้อน้ำหอมคู่กายสักกลิ่น ที่เรียกได้ว่าเป็นทริคที่มีประโยชน์มากเลยทีเดียว เพราะการเลือกชนิดของน้ำหอมได้เหมาะสมกับการใช้งานก็จะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด น้ำหอมทุกชนิดมีความเข้มข้นของกลิ่นหอมอยู่หลายระดับ ซึ่งกำหนดความแตกต่างกันได้จากความเข้มข้นของน้ำมันหอมระเหยและแอลกอฮอล์ในน้ำหอม ความแตกต่างของปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้น้ำหอมที่ขายกันในปัจจุบันแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภท

1. Parfum

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : Design by Bareo
Parfum หรือที่รู้จักในชื่อ Pure Perfume หรือเรียกอีกอย่างว่า Extrait de Parfum เป็นน้ำหอมที่มีความเข้มข้นของกลิ่นหอมสูงสุด เทียบจากน้ำหอมทุกประเภท Parfum มักจะกำหนดราคาและความแรงของน้ำหอมสูงสุดเนื่องจากมีน้ำมันกลิ่นหอมที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งหมายความว่าติดทนนานที่สุดเมื่อฉีดลงบนผิว โดยจะได้กลิ่น Top notes (กลิ่นแรกที่สัมผัสได้) , Heart notes (กลิ่นเชื่อมตรงกลาง) และ Base notes (กลิ่นสุดท้าย) ที่ปล่อยออกมาตามกาลเวลา
ความเข้มข้นของน้ำหอม Parfum มีความเข้มข้นระหว่าง 15- 40% เรียกได้ว่ามีองค์ประกอบของแอลกอฮอล์ในน้ำหอมยังต่ำมากเมื่อเทียบกับประเภทอื่นๆ และจุดเด่นของน้ำหอมประเภทนี้อยู่ที่มีกลิ่นหอมติดทนนาน ซึ่งอาจจะคงอยู่ได้นานอย่างน้อย 6 ชั่วโมงหรือนานกว่านั้น โดยน้ำหอมชนิด Parfum เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนที่มีมีผิวบอบบาง เนื่องจากมีปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำกว่าประเภทอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จะอยู่บนผิวโดยไม่ทำให้ผิวแห้ง เพราะใช้ฉีดพ่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

2. Eau de Parfum (EDP)

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : Design by Bareo
Eau de Parfum เป็นหนึ่งในน้ำหอมสากลที่ผู้คนนิยมฉีดสำหรับการไปทำงานและทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน มักจะมีราคาถูกกว่าน้ำหอมประเภท Parfum ซึ่งสามารถฉีดน้ำหอมนี้ลงบนผมและเสื้อผ้าได้ แต่ต้องระวังผ้าที่บอบบาง เช่น ผ้าไหม เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดคราบ เสน่ห์ของ EDP คือผู้ใช้จะได้รับการผสมผสานอย่างเต็มรูปแบบของกลิ่นที่บาลานซ์ลุ่มลึก เนื่องจากกลิ่น Top notes จะระเหยออกไปจากผิวอย่างรวดเร็วและจะทำให้ได้กลิ่น Heart notes ที่เป็นเอกลักษณ์ของกลิ่นนั้นๆได้อย่างชัดเจน
ความเข้มข้นของน้ำหอมสูงสุดประมาณ 15-20% ให้กลิ่นหอมแรง แต่ควรใช้ให้ถูกเวลาและสถานการณ์ ด้วยความเข้มข้นที่สูงจึงเหมาะกับการใช้งานกลางแจ้งที่มีพื้นที่เปิดโล่งมากกว่า มีกลิ่นหอมยาวนานและสามารถรักษากลิ่นหอมได้นานถึง6ชั่วโมงต่อวัน ซึ่ง EDP จะเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการฉีดไปออกเดทเพราะกลิ่นจะสังเกตเห็นได้ง่ายทำให้เป็นที่จดจำ หรือการใช้ท่ามกลางความร้อนจะทำให้น้ำหอมมีพลังมากขึ้น แต่ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดหากต้องไปในพื้นที่ที่มิดชิดเพราะมีกลิ่นแรงทำให้คนรอบข้างอึดอัดได้

3. Eau de Toilette (EDT)

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : Design by Bareo
Eau de Toilette เป็นน้ำหอมประเภทหนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุด โดยทั่วไปแล้วแบรนด์ส่วนใหญ่มักจะเป็นน้ำหอมประเภทนี้ ซึ่งมีราคาถูกกว่า Eau de Parfum ซึ่งน้ำหอมชนิดนี้มีชื่อมาจากคำภาษาฝรั่งเศส “faire sa Toilette” มีความหมายคือการเตรียมพร้อม หลายคนจึงพิจารณาว่าตัวเลือกนี้เป็นตัวเลือกสำหรับการเตรียมพร้อมในวันธรรมดาๆ กลิ่นจาก EDT มักจะเบากว่าและซับซ้อนน้อยกว่า EDP โดยตัว Top notes ที่ปล่อยออกมาก่อนจะมีความโดดเด่น ซึ่งให้ความรู้สึกสดชื่นและหลังจากที่ฉีดนั้นมันจะระเหยและจางหายไปอย่างรวดเร็ว
ความเข้มข้นของน้ำมันหอมระเหยใน Eau de Toilette มีความเข้มข้นประมาณ 5-15% โดยมีอายุการใช้งานของกลิ่นประมาณ 4-5 ชั่วโมง เหมาะสำหรับฤดูร้อน เพราะความเข้มข้นของแอลกอฮอล์สูงปานกลาง นอกจากนี้ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับฉีดในวันปกติ

4. Eau de Cologne (EDC)

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : Design by Bareo
Eau de Cologne (EDC) หรือ Cologne อาจเป็นน้ำหอมที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด เพราะราคาถูกกว่าประเภทอื่นๆ และมักมาในขวดที่ใหญ่กว่าเพราะการฉีดน้ำหอมต้องมากขึ้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ซึ่งกลิ่นของ Cologne จะอยู่ได้ไม่นานและมี Top notes ที่แข็งแกร่งซึ่งดึงดูดใจผู้บริโภค
ความเข้มข้นของน้ำหอมใน Cologne มีตั้งแต่ 2-5% และมีองค์ประกอบของแอลกอฮอล์สูง ซึ่งกลิ่นจากน้ำหอม Cologne ส่วนใหญ่จะอยู่ได้นานสูงสุด 2-3 ชั่วโมง เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับอากาศร้อนเพราะอยู่ได้ไม่นาน และสามารถฉีดซ้ำได้บ่อยๆ ปริมาณแอลกอฮอล์สูงทำให้เป็นตัวเลือกที่ไม่เหมาะสมหากมีผิวที่บอบบาง

5. Eau Fraiche

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : Design by Bareo
Eau Fraiche อาจเป็นกลิ่นที่อ่อนแอที่สุดของน้ำหอมทุกประเภท เป็นน้ำหอมประเภทที่บางเบาและละเอียดอ่อน นอกจากนี้ยังมีราคาถูก ในแง่ของการใช้งานอาจไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับตัวเลือกน้ำหอมอื่นๆ แต่ก็ยังมีผลลัพธ์ที่พอใช้ได้ ในส่วนของกลิ่น Eau Fraiche จะไม่มีกลิ่นที่แข็งแกร่ง
ความเข้มข้นของ Eau Fraiche มีความโดดเด่นเพราะแทนที่จะเป็นแอลกอฮอล์ แต่มันประกอบด้วยน้ำและกลิ่นหอมเป็นหลัก องค์ประกอบของกลิ่นหอมมีเพียงประมาณ 1- 3% และมีกลิ่นหอมอยู่นานถึง 2 ชั่วโมง เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากมีกลิ่นหนักๆ เกินไป กลิ่นจะค่อนข้างอ่อนเพราะไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง

น้ำหอมแบรนด์ดังที่มีส่วนผสมจากกลิ่นที่เป็นที่นิยม

Tom Ford Venetian Bergamot EDP

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : fragrantica
Tom Ford Venetian Bergamot EDP เป็นน้ำหอมผู้ชายที่สร้างสรรค์โดยอิงเรื่องราวจากอิตาลีและยังแอบซ่อนความโรแมนติก ที่หวนทำให้นึกถึงเมืองเวนิส น้ำหอมกลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่มอบความสดชื่นของมะกรูดซึ่งถือเป็นกลิ่นยอดฮิตอันดับต้นๆ ที่ถูกเลือกมาเป็นส่วนหนึ่งในกลิ่นน้ำหอมผู้ชาย Tomford Venetian Bergamot EDP นอกจากจะมีความสดชื่นจากกลิ่นมะกรูดแล้ว ด้วยอันเดอร์โทนไม้และดอกไม้ จึงเกิดเป็นความสมบูรณ์และความล้ำลึก เหมาะกับผู้ที่ชอบกลิ่นหอมสดชื่นหรือกลิ่นดอกไม้

Yves Saint Laurent LHomme Cologne Bleue EDT

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : fragrantica
สำหรับกลิ่นหอมสดชื่นที่ส่งเสียงกรีดร้องในช่วงพักร้อน Yves Saint Laurent นำเสนอกลิ่นที่มีส่วนผสมของส้มแมนดาริน และยังผสมผสานกับ Geranium รวมไปถึง Peppermint ซึ่งกลิ่นนี้ให้ความรู้สึกเหมือนดั่งสายน้ำที่สดชื่น บ่งบอกถึงความเฉียบ เสมือนเป็นบุคคลิกของผู้ฉีด

Bvlgari Aqva Pour Homme EDT

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : fragrantica
Bvlgari Aqva Pour Homme แน่นอนว่าชัดเจนในกลิ่นของ Sea note เป็นน้ำหอมแบรนด์ดังที่ให้กลิ่นหอมสะอาด จากกลิ่นอายของท้องทะเล ให้ความรู้สึกสบายๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีก แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ความแมนๆ ในแบบฉบับของน้ำหอมผู้ชายเอาไว้เช่นกัน

Creed Bois du Portugal

Bareo Interior Design - Living Young - Scent of Gentlemen
Credit : fragrantica
Creed Bois du Portugal มีกลิ่นที่อุดมด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ซึมซับป่าอันหอมหวน เป็นน้ำหอมผู้ชายที่ทำให้ระลึกถึงการปีนเขาในที่ราบสูงหรือความเป็นไม้ Creed Bois du Portugal ขึ้นชื่อในเรื่องความประณีตบรรจงและเป็นตัวอย่างที่ดีของความคลาสสิก โดยมี Base Notes เป็นกลิ่นจาก Sandal wood ซึ่งคือกลิ่นที่ให้สัมผัสสุดท้ายของกลิ่นหอมได้อย่างอบอุ่น
เพียงการเลือกใช้ น้ำหอม ก็สามารถบ่งบอกความเป็นตัวเองและบ่งบอกบุคคลิกของเราได้ ไม่ผิดที่จะเรียกว่าเป็นความมหัศจรรย์แห่งกลิ่น และด้วยการพัฒนาและคิดค้นสกัดกลิ่นหอมที่หลากหลายมากขึ้นกว่าในอดีต ทำให้ปัจจุบันผู้ชายเองก็มีน้ำหอมให้เลือกใช้ไม่น้อยไปกว่าผู้หญิงเลยทีเดียว
สามารถติดตามผลงานต่าง ๆ ของทาง Bareo ได้ที่ช่องทางเว็บไซต์ของ Bareo หรือทาง Facebook : Design by Bareo ที่จะคอยอัพเดทข่าวสาร งานดีไซน์ และผลงานการออกแบบตกแต่งภายในมากมาย ให้ท่านผู้อ่านได้รับความรู้ และความสนุกตลอดทั้งปี
หรือหากสนใจจะออกแบบตกแต่งภายในกับทาง Bareo ทางเราก็มีบริการออกแบบภายในครบวงจร โดยสามารถอ่านรายละเอียดการให้บริการของเราได้ที่นี่ คลิ๊ก
เนื้อหาเพิ่มเติม โดย The Clover
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
icon .ink/
experimentalperfumeclub .com/
perfumesociety .org/
experimentalperfumeclub .com
Fragrantica .com

CONTENT RELATED

NEW CONTENT

PORTFOLIO