สวัสดีค่ะ แฟนๆบาริโอที่น่ารักทุกท่าน ในช่วงฤดูฝนที่แสนชุ่มฉ่ำแบบนี้ การที่ได้นอนซุกผ้าห่มอุ่นๆอยู่ในบ้าน คงฟินสุดๆไปเลยใช่มั้ยล่ะคะ? แต่วันนี้สไปร์ทมีอะไรที่ฟินกว่านั้นมานำเสนอค่ะ รับรองว่าคุณจะลืมห้องนอนสี่เหลี่ยมไปชั่วขณะเลย ^^ ...ในเดือนนี้สไปร์ทจะพาแฟนๆบาริโอไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์การจัดดอกไม้ที่มีแห่งเดียวในโลกกันค่ะ และจะพาไปจิบชา ทานขนมหวานที่หอมอร่อยสุดๆเลย อ๊ะๆ พอพูดถึงดอกไม้หลายคนคงคิดว่าต้องเป็นต่างจังหวัดแน่ๆเลยใช่มั้ยคะ? ผิดค่ะ เพราะสถานที่ที่สไปร์ทจะพาไปในวันนี้อยู่ในกรุงเทพนี่เองค่ะ หากพร้อมแล้วล่ะก็ ไปกันได้เล้ยยย…

     ก่อนอื่นเลยสไปร์ทต้องของอนุญาตแนะนำให้แฟนๆ บาริโอได้รู้จักกับผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก่อนนะคะ..
     ท่านคือ คุณ สกุล อินทกุล เป็นนักจัดดอกไม้ที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของประเทศไทยเเละในระดับโลก
มีผลงานให้เห็นตั้งแต่โรงแรม รีสอร์ท อีเว้นท์งานแต่งงาน ไปจนถึงเทศกาลระดับนานาชาติ โดยฝากผลงานสร้างชื่อไว้มากมาย เช่นเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติแห่งกรุงโรมเมื่อปีพ.ศ. 2550 หรืองานเเต่งงานดาราฮ่องกง อย่าง เหลียงเฉาเหว่ย เป็นต้น
     นอกจากนี้ยังพิสูจน์ฝีมือโดยการคว้ารางวัลจากสถาบันดังอย่าง ยูเนสโก(Unesco) เเละ จี-มาร์ก (G-mark) สร้างความภาคภูมิใจให้ประเทศไทยเป็นอย่างมากตลอดช่วงชีวิตการทำงาน ในฐานะศิลปินนักจัดดอกไม้ ที่มีโอกาสเดินทางไปจัดดอกไม้ และได้สัมผัสคลุกคลีอยู่ในวัฒนธรรมต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะโซนเอเชีย เช่น อินเดีย,จีน,ทิเบต, ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย (บาหลี)และลาว เป็นต้น

     พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ เป็นสถานที่ซึ่งรวบรวมเรื่องราวของวัฒนธรรมดอกไม้แห่งแรกและแห่งเดียวของโลก  ก่อตั้งขึ้นโดยคุณสกุล อินทกุล ศิลปินนักจัดดอกไม้ระดับนานาชาติ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้บรรจุชิ้นงานและหลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการจัดดอกไม้จากอดีตถึงปัจจุบัน ทั้งของไทยและนานาชาติโดยเฉพาะทวีปเอเชีย ตัวอาคารดัดแปลงจากบ้านโบราณสไตล์โคโลเนียลอายุราว 100 ปี ขนาด 2 ชั้น โดยปรับพื้นที่ภายในเป็นห้องจัดนิทรรศการรวม 7 ห้อง ได้แก่(ภายในตัวบ้านไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพนะคะ)

   ห้องที่ 1 หอภาพดุสิต จัดแสดงภาพถ่ายโบราณของงานดอกไม้ไทยในอดีตที่สืบค้นได้จากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร รวมทั้งภาพถ่ายโบราณของวิถีชีวิตผู้คนและงานสถาปัตยกรรมในอดีตของเขตดุสิต โดยมีงานแสดงชิ้นสำคัญคือ พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ฝีมือ ม.ล.จิราธร จิรประวัติ ซึ่งวาดให้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อมอบให้เป็นของขวัญสำหรับพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้โดยเฉพาะเลยค่ะ

   ห้องที่ 2 โลกแห่งวัฒนธรรมดอกไม้ จัดแสดงตัวอย่างงานวัฒนธรรมดอกไม้ที่สำคัญจากประเทศต่างๆทั่วโลก อันมีเอกลักษณ์โดดเด่นในเรื่องงานวัฒนธรรมดอกไม้ และภาพถ่ายตัวอย่างงานวัฒนธรรมดอกไม้จากดินแดนอื่นๆทั่วโลก พร้อมทั้งจัดแสดงเอกสารเก่าแก่ อาทิ ตำราลับแห่งการจัดดอกไม้แบบโซกะของอิเคโนโบะ ซึ่งเป็นหนังสือม้วนโบราณอายุราวปี ค.ศ. 1756

   ห้องที่ 3 อุโบสถดอกไม้ จัดแสดงความสัมพันธ์ระหว่างป่าไม้ สายน้ำ ชุมชน ผู้คน และวัฒนธรรมดอกไม้ โดยมีกรณีศึกษาคือ อุทยานแห่งชาติภูสวนทรายและชุมชนโดยรอบวัดโพธิ์ชัย ในเขตหมู่บ้านแสงภา อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย ซึ่งชาวบ้านสามารถอนุรักษ์วิถีชีวิต วัฒนธรรม รวมทั้งวัฒนธรรมดอกไม้ของตนเอาไว้ได้ตราบจนปัจจุบันค่ะ

   ห้องที่ 4 และ 5 หอมรดกวัฒนธรรมดอกไม้ จัดแสดงมรดกทางวัฒนธรรมดอกไม้ของไทย ทั้งเรื่องราวของงานมาลัย งานเครื่องแขวน งานพานดอกไม้ งานบายศรี งานดอกไม้เล็ก งานกระทง และงานใบตอง อันเกี่ยวเนื่องด้วยวิถีชีวิตและงานวัฒนธรรมประเพณีของชาวไทยอันไม่สามารถแยกออกจากกันได้

   ห้องที่ 6 ปากกาและดินสอจัดแสดงภาพร่างในอดีตบางส่วนของคุณสกุล อินทกุล ในแขนงต่างๆ โดยมีงานชิ้นสำคัญคือ ส่วนหนึ่งของภาพร่างงานตกแต่งดอกไม้สดสำหรับงานพระราชทานเลี้ยงในพระบรมมหาราชวัง ครั้งฉลองครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปี 2549 ค่ะ

     ห้องที่ 7 หัวใจแห่งการจัดดอกไม้สมัยใหม่ จัดแสดงปฐมบททั้ง 9 แห่งการจัดดอกไม้สมัยใหม่ ซึ่งสร้างสรรค์โดยคุณสกุล อินทกุล นอกจากนี้ บริเวณสวนอันร่มรื่น และกว้างขวางของพิพิธภัณฑ์ฯ ยังจัดเป็นหอจัดแสดงงานที่มีชีวิตกลางแจ้ง (Outdoor Living Exhibition) โดยปลูกเลี้ยงดูแลพันธุ์ไม้ดอกและไม้ใบต่างๆที่ใช้ในงานวัฒนธรรมดอกไม้ของชาติ อีกทั้งยังปลูกเลี้ยงต้นไม้มงคลประจำทิศตามความเชื่อของไทยโบราณ ยกตัวอย่างเช่น ต้นไผ่ ต้นกล้วย ต้นอโศก เป็นต้นค่ะ

      หลังจากที่เราเดินชมบริเวณภายในบ้านและรอบๆบ้านจนทั่วแล้ว ก็ได้เวลาทางของว่างพอดีเลยค่ะ ซึ่งของว่างของที่นี่จะเป็นชุดน้ำชาเสิร์ฟพร้อมขนมหวานแบบไทยๆค่ะ เนื่องจากเราไปกันสองคนจึงสั่งของว่างมา 2 ชุด ดังนี้ค่ะ

     ชุดที่ 1 เป็นชุดชากุหลาบเย็น น้ำชาเข้มข้นบวกกับกลิ่นหอมของกุหลาบใส่น้ำแข็งลงไปนิดหน่อย ทานคู่กับขนมไทยที่แสนจะหอมหวาน ทำให้รู้สึกสดชื่นหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ…

    ชุดที่ 2 เป็นชาเขียวมะลิร้อน น้ำชาเขียวร้อนกลิ่นมะลิหอมสดชื่น ทานคู่กับขนมไทยสูตรดั้งเดิมที่หาทานยากมากในสมัยนี้ ความหอมและความหวานเมื่อนำมารวมกันแล้ว บอกได้คำเดียวเลยค่ะว่า “สุดยอด” ^^

     หากใครได้มีโอกาสมาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้สไปร์ทขอแนะนำเลยค่ะ ว่าต้องมาลิ้มลองรสชาดของชุดน้ำชาของที่นี่ รับรองเลยว่าเมื่อได้ทานแล้วจะต้องอยากมาทานอีกแน่นอนค่ะ เพราะรสชาดแบบนี้หาทานที่ไหนไม่ได้อีกแล้วสไปร์ทคอนเฟิร์ม...

     สุดท้ายนี้ สไปร์ทหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้แห่งนี้ จะเป็นที่ชื่นชอบของหลายๆท่านที่ได้ไปเยี่ยมชม และขอให้ช่วยกันอนุรักษ์วัฒนธรรมอันดีงามของเราให้คงอยู่คู่กับประเทศไทยเราสืบไปนะคะ สำหรับวันนี้สไปร์ทต้องขอตัวลาไปก่อน
     ส่วนครั้งหน้าสไปร์ท จะพาไปเที่ยวที่ไหนอีกต้องคอยติดตามนะคะ สวัสดีค่ะ ...

         พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ (The Museum of Floral Culture)
         ที่ตั้ง : เลขที่ 315 ถนนสามเสน ซอย 28(แยก ซอยองครักษ์ 13) เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300
         - เปิดให้ชมทุกวัน ... เวลา10.00-18.00 น. (ปิด วันจันทร์)
         - บัตรราคา 150บาท
         - สอบถาม โทร. 0-2669-3633 แฟกซ์. 0-2669-3632