
“ชา” มาจากพืชตระกูลคาเมลเลีย (Camelliea) มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Camelliea sinensis ถิ่นกำเนิด อยู่ในอินเดียและจีน มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม ใบแหลมสีเขียว ดอกสีขาว มีกลิ่นหอม เมื่อปล่อยให้โตตามธรรมชาติสามารถสูงได้ถึง 20 เมตร แต่ในการทำไร่ชามักจะเลี้ยงไว้ที่ความสูง 3-5 เมตร และตัดแต่งกิ่งให้ส่วนบนเป็นพื้นราบ เพื่อสะดวกในการ เก็บยอดชาที่จะผลิออกมาใหม่
“ชา” ถูกแบ่งประเภทตามกระบวนการแปรรูป ถึงแม้จะออกมาจากต้นเดียวกัน แต่เมื่อผ่านกระบวนการแปรรูปทำให้ชาเหล่านี้แยกแตกต่างประเภทกันซึ่งชาสามารถจำแนกได้ 6 ประเภทได้แก่ ชาขาว, ชาเหลือง, ชาเขียว ,ชาอู่หลง ,ชาดำ ,และชาผูเออร์ ซึ่งถึงแม้ชาจะแบ่งได้ 6 ประเภทแต่มีเพียง 4 ประเภทเท่านั่นที่นิยมดื่ม ไม่รอชาเราไปทำความรู้จักกับชาที่นิยมกันปัจจุบันกันค่ะ

ชาขาว( White Tea)
เป็นส่วนยอดชาที่ยังปกคลุมด้วยปุยขนอ่อนสีขาวผ่านขั้นตอนการนำไปตากแห้งในแสงอาทิตย์ธรรมชาติ ขั้นตอนง่ายๆ ดังกล่าวนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ White Tea แตกต่างจากชาประเภทอื่น และยังเป็นการรักษาคุณประโยชน์ไม่ให้สลายไปกับกรรมวิธีของมนุษย์ ชาขาวเป็นชาที่ผ่านขั้นตอนที่น้อยที่สุดจึงถือได้ว่าเป็นชาบริสุทธิ์ และถือได้ว่าให้พลังงานมากกว่าชาประเภทอื่น ชาขาวสามารถช่วยป้องกันอนุมูลอิสระในร่างกายมากกว่าชาเขียวถึงสิบเท่าทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง


ชาเขียว (Green tea)
เป็นชาที่นิยมดื่มกันมากในประเทศจีน และประเทศญี่ปุ่นทำได้โดยการนำใบชาสดที่ได้มาทำให้แห้งได้อย่างรวดเร็ว โดยการใช้อุณหภูมิที่สูง อุณหภูมิที่สูงจะไปทำลายเอนไซม์ในใบชา เมื่อนำไปผ่านลูกกลิ้งและตากแดดให้แห้ง ชาจะไม่เป็นสีดำแต่ยังคงความเขียวสดเหมือนเดิม และมีคุณภาพเช่นเดียวกับใบชาสด เมื่อชงด้วยน้ำร้อนจะได้น้ำชาสีเขียว และไม่มีรสฝาด
ชาเขียวจะมี 2 ประเภทใหญ่ๆ คือชาเขียวแบบญี่ปุ่น และชาเขียวแบบจีน ซึ่งชาเขียว 2 ชนิดนี้จะต่างกัน ชาเขียวแบบจีนจะผ่านการคั่วด้วยกระทะร้อน ส่วนชาเขียวของญี่ปุ่นจะไม่คั่วใบชา แต่จะสามารถจำแนกออกเป็นหลายเกรดตามคุณภาพของใบชา แต่ที่เป็นที่รู้จักในหมู่คนญี่ปุ่น ได้แก่ บันชะ เซ็นชะ เกียวกุโระฉะ และมัทฉะ ซึ่งหลายๆคนคงคุ้นหู ซึ่งพูดไปจะยาวดังนั้นชาเขียวญี่ปุ่นน้ำหวานจะมาต่อยอดให้อีกในบทความหน้าซึ่งเชื่อว่าเป็นที่น่าสนใจอย่างมากกันเลยละค่ะ
นอกจากทำความรู้จักกับชาเขียวแล้ว ชาเขียวยังช่วยเพิ่มความสดชื่นแล้ว และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายเลยทั้งแก้อาการหวัด ดื่มเพื่อความสดชื่อ ทำให้สงบ ผ่อนคลาย นอกจากนี้ในทางการแพทย์ชาเขียวยังช่วยในการแก้อาการปวดศีรษะและทำให้เจริญอาหารอีกด้วย

ชาอู่หลง (ชากึ่งหมัก) Oolong tea
เป็นชาที่ผ่านการหมักใบชาสดเพียงบางส่วน โดยเพิ่มการนำยอดชามาผึ่งแดดไว้เพียง20-30 นาทีทำให้อุณหภูมิของยอดชาสูงขึ้น เกิดกลิ่นหอม แล้วนำไปผึ่งในร่มพร้อมเขย่าเพื่อกระตุ้นยอดชาให้ตื่นตัว เร่งการหมัก ทำให้ชามีสีเข้มขึ้น ความแก่และอ่อนของการหมักขึ้นอยู่กับการกระตุ้น ชาอู่หลงจะมีกลิ่นหอม น้ำชามีสีเหลืองอมเขียว น้ำตาลอมเขียว น้ำตาลอมเหลือง น้ำตาลส้ม ขึ้นอยู่กับวิธีการผลิต ชาชนิดนี้นิยมดื่มกันมากในประเทศจีนตอนกลาง ชาชนิดนี้จะให้รสชาติฝาด และขมเล็กน้อย และยังชุ่มคอ
นอกจากจะดื่มเพื่อความชุ่มคอแล้ว ชาอู่หลงยังช่วยลดความเสียงในการเป็นโรคมะเร็ง ช่วยต้านอาการอักเสบและบวม ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ และช่วยลดไขมันในเลือดได้เป็นอย่างดี

ชาดำ (ชาหมัก) Black tea
เป็นชาที่นิยมดื่มกันทั่วโลก โดยเฉพาะในแถบยุโรปหรือพวกฝรั่ง คนไทยจึงมักเรียกชาชนิดนี้ว่าชาฝรั่ง บางคนก็เรียกว่าชาผงเพราะชาชนิดนี้มีลักษณะเป็นผง บางครั้งก็เรียกชาดำตามลักษณะสีใบชาแห้ง แต่ชาวจีนจะเรียกชาชนิดนี้ว่าชาแดง ตามลักษณะสีน้ำชาซึ่งเป็นสีส้มหรือน้ำตาลแดง ชาชนิดนี้จะผ่านการหมัก และกระบวนการที่เยอะที่สุด
ชาดำจะมีรสชาติขมเล็กน้อย ให้รสชาติหอมละมุนชุ่มคอ แต่เป็นชาที่มีคาเฟอีนเยอะที่สุดในบรรดาชาด้วยกันแต่จะน้อยกว่ากาแฟในเรื่องของรสชาติถ้าเปรียบเทียบกับชาดำกับชาเขียวแล้ว จะพบว่าชาดำจะมี monoterpene alcohols ซึ่งเป็นสารให้กลิ่นมากกว่าชาเขียว ด้วยเหตุนี้ทำให้ใครหลายๆคนหลงรักดื่มชาดำมากกว่า
นอกจากความหอมละมุนของชาแล้ว ชาดำยังช่วยในการบำรุงหัวใจ บำรุงกระเพาะ ช่วยในการย่อยอาหาร บรรเทาอาการไม่ย่อย ช่วยบำรุงโลหิต แถมยังลดกลิ่นปากได้ดีอีกด้วย

“ชา” นอกจากจะโด่งดังในประเทศจีนแล้ว ชาแต่ละชนิดที่กล่าวมาเป็นที่นิยมมากในอดีตทั้งประเทศญี่ปุ่น และประเทศอังกฤษ ซึ่งนิยมดื่มกันมาตั้งแต่ในอดีต ส่วนในปัจจุบัน ชานิยมดื่มกันมากทั่วโลกโดยมีทั้งชาดั้งเดิม และในประเทศไทยของเราเองยังคงมีการนำชามาผสมกับสมุนไพรไทยต่างๆทำให้เกิดชารสชาติใหม่ๆ หรือที่นิยมเรียกกันว่าชาสมุนไพร
ดังนั้นการทานชาที่ทานเพื่อค่านิยมกันแล้วในปัจจุบัน การทานชายังช่วยในเรื่องการผ่อนคลาย รวมทั้งถือเป็นการพักผ่อนได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้การดื่มชาในปัจจุบันหลายท่านเชื่อว่าเป็นการดื่มเพื่อช่วยในด้านสุขภาพซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคนที่ชอบดื่มชาอยู่แล้ว ส่วนใครที่ไม่เคยดื่มชาก็ควรลองดูนะคะ เพื่อความสดชื่น
สำหรับเดือนนี้น้ำหวานก็ขอฝากบทความสุขภาพเกี่ยว “ชา” ไว้เป็นความรู้เล็กๆน้อยๆแก่คนรักการออกแบบตกแต่งภายในไว้แค่นี้....ขอบคุณค่ะ
ขอขอบคุณ
pinterest.com
http://www.misterbuffet.com/article_teatime.asp
|