หลังจากที่ได้แนะนำชาวบาริโอไปทำความรู้จักกับชาประเภทต่างๆกันแล้ว สำหรับเดือนนี้จะนำไปทำความรู้จักกับชาที่เป็นที่นิยมที่สุดของชาวเอเชียก็ว่าได้ นั่นคือชาเขียวซึ่งเป็นบทความภาคต่อจากบทความจิบชาเพื่อสุขภาพ เผื่อใครหลายๆคนยังไม่ได้อ่านก็ย้อนกลับไปอ่านได้ในบทความ “จิบชาเพื่อสุขภาพ”  http://www.bareo-isyss.com/index.php/healthy-life/348-healthy_tea.html

      ชาเขียว (Green tea) เป็นชาที่นิยมดื่มกันมากในประเทศจีน และประเทศญี่ปุ่นก่อนที่จะนิยมดื่มกันทั่วโลก ทำให้ต้นกำเนิดของชาเขียวมาจากประเทศญี่ปุ่นและประเทศจีน แต่ชาเขียวของทั้ง 2 ประเทศนี้มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจากกรรมวิธีการทำชาเขียวที่แตกต่างกัน ซึ่งชาเขียวทำได้โดยการนำใบชาสดที่ได้มา ทำให้แห้งได้อย่างรวดเร็ว โดยการใช้อุณหภูมิที่สูง อุณหภูมิที่สูงจะไปทำลายเอนไซม์ในใบชา เมื่อนำไปผ่านลูกกลิ้งและตากแดดให้แห้ง ชาจะไม่เป็นสีดำแต่ยังคงความเขียวสดเหมือนเดิม และมีคุณภาพเช่นเดียวกับใบชาสด เมื่อชงด้วยน้ำร้อนจะได้น้ำชาสีเขียว และไม่มีรสฝาด

      ชาเขียวจะมี 2 ประเภทใหญ่ๆ คือชาเขียวแบบญี่ปุ่น และชาเขียวแบบจีน ซึ่งชาเขียว 2 ชนิดนี้จะต่างกัน ชาเขียวแบบจีนจะผ่านการคั่วด้วยกระทะร้อนซึ่งเพียงแบบเดียว ส่วนชาเขียวของญี่ปุ่นจะไม่คั่วใบชา แต่จะสามารถจำแนกออกเป็นหลายเกรดตามคุณภาพของใบชา แต่ที่เป็นที่นิยมทั้งในชาวญี่ปุ่น และชาวเอเชียคือบันฉะ เซ็นฉะ เกียวกุโระฉะ และมัทฉะโดยมีรายละเอียดของชาดังนี้

      เกียวกุโระ (Gyokuro) เป็นชาที่มีคุณภาพสูง มีระดับที่ดีที่สุด โดยชาชนิดนี้ จะถูกดูแลอย่างดีในร่มไม่ได้โดนแดดก่อนเก็บประมาณ 3 อาทิตย์ และจะเก็บเป็นชาแรกของปี เอาแต่ยอดอ่อนของใบชา จึงจะเก็บได้ในปริมาณที่น้อย หลังจากเก็บใบชาจะถูกอบและนวด จึงทำให้ใบชาที่ได้ออกม้วนเรียงตัวเรียว สีเข้ม ชาที่ชงเมื่อได้ออกมาจะเป็นสีเขียวเข้ม มีความหวานที่กลมกล่อม มักจะดื่มกันในงานพิธีการ และมักไม่นำมาผสมอาหารหรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพราะมีราคาสูงที่สุดเพราะเป็นเกรดสูงสุดก็ว่าได้

      เซนฉะ (Sencha) เป็นชาเขียวที่นิยมดื่มกันมากที่สุดเป็นชาเกรดกลาง โดยชาชนิดนี้จะผ่านการนึ่งเพียงเล็กน้อย เพื่อเป็นการให้ใบชาปล่อยความหวานในตัวออกมา ชาที่ได้จากการชงออกมาจะเป็นเขียวมรกต รสชาติจะเข้ม มีความหวาน และความฝาดนิดๆ เป็นที่นิยมดื่มกันมากที่สุด เซนชะที่ดีจะเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ (คุณภาพของชา จะรองมาจากเกียวกุโระ และ มัทฉะ)

      บันฉะ (Bancha) เป็นใบชาแก่ที่คุณภาพต่ำที่สุด มักมีก้านใบติดมาด้วย เนื้อหยาบ รสค่อนข้างฝาดเป็นชาที่ร้านอาหารในประเทศญี่ปุ่นให้บริการฟรี เป็นชาที่เก็บหลังจาก ชาเซนฉะ สามารถเก็บเกี่ยวในช่วงที่สามหรือช่วงที่สี่ คุณภาพจะรองลงมาจากชาเซนฉะเป็นใบชาที่เหลืออยู่ที่ยอดชา จะมีขนาดใหญ่กว่าที่นำไปผลิตเป็นชาเซนฉะ หลังจากนั้นก็นำมานวดเล็กน้อย รสชาติจะอ่อนๆ  สีไม่สวย จึงไม่นิยมนำมาประกอบอาหาร

      มัทฉะ (Matcha) เป็นชาที่ดี มีคุณภาพที่สูงและราคาแพง โดยจะผลิตออกมาในรูปแบบผงชาชาเขียวละเอียด คล้ายผงแป้ง โดยมักใช้ใบชาเกียวกุโระหรือเซนฉะนำไปโม่ด้วยครกหิน (เพื่อไม่ให้เกิดความร้อน) บดละเอียดเป็นผง โดยผงจะมีสีเขียวเข้ม มักจะนำไปใช้ในพิธีชงชาสไตล์ญี่ปุ่น และเป็นที่นิยมในการนำไปใส่ในอาหาร เพราะให้สีที่สวย มัทฉะสีเขียวสดคล้ายเขียวมะนาว และใช้สะดวกในการทำอาหาร หาซื้อง่าย

สาระสำคัญในใบชาเขียวญี่ปุ่น

      สารสำคัญที่พบได้ในชาเขียวจะประกอบไปด้วยกรดอะมิโน วิตามินบี วิตามินซี วิตามินอี สารในกลุ่ม xanthine alkaloids คือ คาเฟอีน และธิโอฟิลลีน ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง และสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ที่เรียกว่า คาเทชิน

      การดื่มชาเขียวให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เนื่องจากสารสำคัญในใบชาเขียวกลุ่มโพลีฟีนอล ที่ชื่อว่า เคทิชิน (Catechins) จะทำหน้าที่จับกับอนุมูลอิสระและขัดขวางการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยต้านโรคภัยได้มากมาย เช่น ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคมะเร็งได้

ประโยชน์ของชาเขียวญี่ปุ่น

      • ช่วยลดความอ้วน และช่วยลดไขมันในเลือด ชนิด ไตรกลีเซอไรด์ลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ด้วยกลไกของการกระตุ้นปฏิกิริยาออกซิเดชันของไขมัน

      • ช่วยลดอัตราการเกิดโรคเส้นเลือดอุดตัน มีรายงานวิจัยว่า สารสำคัญในชาเขียว คือ EGCG เป็นตัวยับยั้งการเกิด การสันดาป Oxidation ของโคเลสเตอรอล ทำให้ลดการเกิด การสะสมสร้างตะกอน (Plaque) ในเส้นเลือดจากโคเลสเตอรอล ทำให้ลดการเกิด เส้นเลือดแข็งตัวตีบตัน ผู้ที่ดื่มชาเขียว จะลดการเกิดโรคเส้นเลือดทางสมองทั้งโรคเส้นโลหิตในสมอง แตก และเส้นเลือดสมองตีบได้

      • มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-oxidant) ชาเขียวมีผลต่อการยับยั้งและลดการเกิดมะเร็งได้หลายชนิดทั้งในคนและสัตว์ เพราะมีฤทธิ์ทางด้านการต้านอนุมูลอิสระอย่างมาก จากการวิเคราะห์งานวิจัยที่เชื่อถือได้ แม้จะมีจำนวนงานวิจัยที่จำกัด แต่ก็พบว่าการดื่มชาเขียว ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งตับ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งตับอ่อน

      • ช่วยทำให้เจริญอาหาร และช่วยบรรเทาอาการเมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้สร่างเมาได้เร็วขึ้น

การเลือกซื้อ และการดื่มชาเขียวญี่ปุ่นเพื่อลดน้ำหนัก

      • ให้ดื่มแบบร้อน ถึงแม้ว่าปัจจุบันชาเขียวเย็นจะมีขายกันมากมาย แต่การดื่มชาเขียวร้อนและเย็นไม่เหมือนกัน เพราะว่าการดื่มแบบร้อนจะได้สารคาเทชินอย่างเต็มที่ หากดื่มแบบเย็น จะทำให้ลดปริมาณสารคาเทชินจนเหลือน้อยมาก ฉะนั้นถ้าอยากดื่มชาเขียวเพื่อลดน้ำหนัก ก็ควรหันมาดื่มแบบร้อน

      • เลือกชาเขียวที่ดี เมื่อจะเลือกทานชาเขียวควรศึกษาประเภทของชาเขียวญี่ปุ่นอย่างรอบคอบว่าชอบแบบไหน รสชาติอย่างไร ต้องการนำมาทานแบบใด ซึ่งชาเขียวญี่ปุ่นในปัจจุบันมีมากมายหลายยี่ห้อ ดังนั้นควรดูฉลากและศึกษาอย่างรอบคอบ

      • เลือกชาเขียวที่ไม่เก็บไว้นานเกินไป ชาเขียวก็เหมือนอาหารอื่น ๆ เราจึงควรเลือกแบบที่อยู่ในที่อุณหภูมิที่เหมาะสม และไม่เก็บไว้นานเกินไป ฉะนั้นเวลาซื้อชาเขียวมาจากที่ใดก็ตาม ก็ให้ลองตรวจเช็คดูวันที่ผลิตและหมดอายุให้เรียบร้อย และไม่ควรเก็บไว้นานเกินไป ไม่อย่างนั้นคุณภาพชาเขียวที่ได้ดื่มก็อาจจะแย่ลงและไม่ได้ประสิทธิภาพดีอย่างที่ต้องการ

      • ควบคุมอาหาร และออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ถึงแม้ชาเขียวช่วยลดน้ำหนักได้ แต่ถ้าคุณหวังจะดื่มชาเขียวให้ผอม แล้วก็ยังกินอาหารตามใจปากเหมือนเดิม ก็บอกเลยว่าดื่มไปกี่แก้ว ๆ ก็คงไม่ช่วยแน่นอน ทางที่ดี ควรจะควบที่จะคุมอาหาร ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ งดอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล ทานผักและผลไม้สด เลือกกินอาหารแคลอรี่ต่ำ และออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพียงแค่นี้ก็ทำให้คุณหุ่นดี มีร่างกายที่ดูดี และสุขภาพกายและจิตก็ดีไปด้วย

คำเตือน

      ถึงแม้ชาเขียวจะมีประโยชน์มากมายแต่ไม่ควรทานเยอะจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้ท้องผูก หรือจากดีจะกลายเป็นร้ายได้ ทุกอย่างควรอยู่อย่างพอดี

      การทานชาเขียวญี่ปุ่นถือเป็นที่นิยมอย่างมาก ดังนั้นก่อนทานอะไรก็ควรศึกษาอย่างรอบคอบเพื่อสุขภาพร่างกายของตัวเองที่ไม่สามารถหาซื้อได้ ดังนั้นชาเขียวถือเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ดีเลยก็ว่าได้ หวังว่าคนรักการออกแบบตกแต่งภายในจะชอบดื่ม หรือใครที่ไม่เคยดื่มก็ไปหาซื้อไว้ติดบ้านกันนะคะ

ขอขอบคุณ : Pinterest