เทศกาลแห่งความสุขกำลังจะวนกลับมาถึงอีกครั้ง และการเฉลิมฉลองเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นชนชาติหรือศาสนาใด ซึ่งคริสต์มาสก็เป็นหนึ่งในเทศกาลแห่งความสุขที่หลาย ๆ คนเฝ้ารอ เพราะในช่วงของคริสต์มาสนี้บรรยากาศจะอบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความอบอุ่นที่มาคอยต้อนรับหน้าหนาวอย่างพอดิบพอดี และมาพร้อมกับความตื่นตาตื่นใจจากแสงสีของไฟที่ใช้ประดับตกแต่งไปทั่วเมือง ที่สำคัญอาหารในค่ำคืนคริสต์มาสคือสิ่งที่เราต่างตั้งตาคอย ไม่ต่างอะไรกับเด็ก ๆ ที่รอคอยของขวัญจากซานตาครอสเลยทีเดียว

Cr. thailandcarsrentals

แน่นอนว่าเทศกาลเฉลิมฉลองที่สำคัญ ๆ แบบนี้ ก็ขาดไม่ได้ที่จะมีอาหารที่สุดแสนจะอร่อยในค่ำคืนสุดพิเศษ และในเทศกาลคริสต์มาสก็มีเมนูที่นิยมกันมาอย่างยาวนาน จนกลายเป็นวัฒนธรรมการรับประทานอาหารในช่วงเทศกาลคริสต์มาสไปแล้ว และเมนูเหล่านี้ยังถูกดีไซน์หน้าตาออกมาให้น่ารับประทานเข้ากับเทศกาลได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีความหมายดี ๆ อีกด้วย

Cr. lifestyleasia

Cr. avenuedesvins.fr

ไก่งวงอบ ถือเป็นสัญลักษณ์และเมนูหลักประจำค่ำคืนในวันคริสต์มาสไปแล้ว ซึ่งชาวตะวันตกจะมีธรรมเนียมให้ชายที่อาวุโสที่สุดในบ้าน หรือหัวหน้าครอบครัว เป็นคนตัดแบ่งไก่งวงให้กับทุกคนในบ้าน เหมือนเป็นคำอวยพรให้กับสมาชิกทุกคนในวันแห่งความสุขนี้

วัฒนธรรมการรับประทานไก่งวงในวันคริสต์มาส มีตำนานเล่าต่อกันมา โดยเริ่มต้นจากพระราชินีอลิซาเบธที่ 1 ของอังกฤษซึ่งมักจะเสวยห่านอบในงานเฉลิมฉลอง เนื่องจากมีความเชื่อว่าเป็นอาหารแห่งความโชคดี และยังเป็นอาหารแห่งชัยชนะของอังกฤษอีกด้วย จนห่านอบกลายเป็นอาหารประจำช่วงฤดูเก็บเกี่ยวของอังกฤษ โดยในภายหลังชาวอังกฤษได้มีการย้ายรกรากไปยังสหรัฐอเมริกา (หรือที่เรียกกลุ่มบุคคลเหล่านี้ว่า “พิมกริม”) เมื่อเหล่าพิลกริมเดินทางย้ายจากอังกฤษมายังดินแดนแห่งโลกใหม่ จึงนำเอาธรรมเนียมดังกล่าวติดตัวมาด้วย แต่เนื่องจากในสหรัฐฯ ห่านเป็นสัตว์ที่หายากกว่าไก่งวง ซึ่งมีอยู่ทั่วไป จึงมีการปรับธรรมเนียมมาเป็นการรับประทานไก่งวงอบกันแทน

Cr. health.clevelandclinic

สิ่งสำคัญในการทำไก่วงอบนั่นก็ คือ “เครื่องสำหรับยัดไส้” ที่มักทำมาจากขนมปังเก่า หั่นเป็นชิ้นรูปทรงสี่เหลี่ยมลูกเต๋า, หอมหัวใหญ่, แครอท, เซเลอรี่(ขึ้นฉ่าย) สับผัดกับเนย และมีการใส่ไข่ ใส่นม นอกจากนี้ยังนิยมใส่ลูกเกาลัดบดและเบคอน เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและทำให้มีรสชาติดียิ่งขึ้น ส่วนผสมเหล่านี้เมื่อคลุกเคล้า เข้ากันแล้ว จะใช้ยัดเข้าไปในตัวไก่งวง พร้อมอบด้วยความร้อนที่ไม่สูงมาก แต่ใช้เวลาอบค่อนข้างนาน บางบ้านอาจจะทำเครื่องยัดไส้นี้แยกใส่ถาดไว้ต่างหาก เพื่อไว้เสิร์ฟกับเครื่องเคียง ราดน้ำเกรวี่ชุ่ม ๆ และ มีแครนเบอร์รี่ซอสสำหรับกินกับไก่งวงอีกด้วย

Cr. unileverfoodsolutions

เมื่อพูดถึงไก่งวงไปแล้ว ก็ต้องพูดถึงเครื่องเคียงที่ต้องใช้เสิร์ฟพร้อมกันนั่นก็คือ มันอบ กรอบนอกนุ่มใน หรือบางที่เลือกใช้เป็นมันบด ที่เรียกว่า mashed potatoes เพราะมันฝรั่งเป็นอาหารทานเล่นที่คนทุกเพศทุกวัยถูกปาก จึงถูกนำมาเป็นเครื่องเคียงกับอาหารต่างๆมากมาย รวมไปถึงไก่งวงในวันคริสต์มาสก็มักจะขาดไม่ได้ที่จะมีมันบดเสิร์ฟมาคู่กัน

Cr. twopeasandtheirpod

นำมันฝรั่งที่ต้มสุกดีแล้วมาบดให้ละเอียด ผสมเนยลงไปบดจนเนยละลาย ใช้การปรุงด้วยนมสด เกลือ พริกไทย คลุกให้เข้ากัน และบดต่อจนซึมเป็นเนื้อเดียวกับมันบด ซึ่งตอนเสิร์ฟควรเสิร์ฟร้อนๆเพื่อความอร่อยในการรับประทาน

Cr. tasteofhome

ขนมปังขิง (gingerbread cookies) หรือที่เรียกกันว่า “คุกกี้ขนมปังขิง” มักจะทำเป็นรูปร่างต่างๆ โดยเฉพาะรูปมนุษย์ขนมปังขิง (gingerbread man) ซึ่งมักจะประดับตกแต่งด้วยขนมขบเคี้ยวหลากหลายรสรวมถึงน้ำตาลไอซิ่ง และเป็นที่นิยมพบเห็นได้มากในเทศกาลคริสต์มาส

สำหรับขนมปังขิงในรูปแบบที่รู้จักกันในปัจจุบัน มีต้นกำเนิดจากเมืองดิแนนต์ ประทศเบลเยียม จากนั้นชาวเมืองมีการนำมาดัดแปลง ก่อนสูตรขนมขิงจะมาถึงนักบวชในฝรั่งเศส โดยคณะแม่ชีจะอบขนมขิงเพื่อแจกจ่ายให้ชาวบ้านในช่วงเวลาอดอยากแร้นแค้น เพราะขนมขิงเก็บไว้รับประทานได้นาน

Cr.blessthismessplease

ทำการวอร์มเตาอบไฟบน – ล่าง อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส 15 นาที จากนั้นให้ปรับเป็นอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส และร่อนวัตถุดิบของแห้ง ซึ่งได้แก่ แป้งอเนกประสงค์, ผงฟู, เบกกิ้งโซดา, ผงขิง และผงอบเชย เข้าด้วยกันเพื่อนำไปตีกับเนยจืด น้ำตาลทรายแดง ไข่ไก่ และนมข้นหวาน จากนั้นคนให้เข้ากัน จนเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน แป้งคุกกี้ที่ได้ให้นำมาห่อด้วยพลาสติกถนอมอาหาร นำไปแช่ไว้ในตู้เย็นประมาณ 3 ชั่วโมง หลังจากนั้นนำแป้งคุกกี้มารีดให้ได้ความหนา 0.5 เซนติเมตร ใช้พิมพ์คุกกี้กดลงไปบนแป้งให้เป็นชิ้น ๆ จากนั้นนำไปวางเรียงบนถาด นำเข้าเตาอบประมาณ 7 นาทีหรือจนสุก เสร็จแล้วนำออกมาพักไว้บนตะแกรงจนเย็นสนิท นำมาตกแต่งดีไซน์ได้ตามต้องการก็สามารถเสิร์ฟได้ทันที

Cr. stayathomemum

Eggnog คือเครื่องดื่มยอดนิยมในเทศกาลคริสต์มาส โดยมีที่มาที่ยังไม่แน่ชัด บางแหล่งข้อมูลกล่าวว่า Nog เป็นคำสแลงของเครื่องดื่มประเภทรัม (Rum) ส่วนแหล่งข้อมูลอีกที่หนึ่งกล่าวว่า Nog มาจากคำว่า Noggin ซึ่งหมายถึงเหยือกไม้เล็กๆ ที่ใช้กันในร้านขายเหล้านั่นเอง

เครื่องดื่ม Eggnog มีมานานตั้งแต่สมัยเรเนสซองส์ (Renaissance ; ค.ศ. 1450 – 1600) ในยุโรปมักมีการดื่มเครื่องดื่มที่ทำจากนมผสมกับแอลกอฮอล์ โดยสมัยก่อนยังไม่มีตู้เย็นใช้ นมและไข่เป็นของที่ต้องกินทันที หรือทำปรุงให้สุกเพื่อไม่ให้เสีย คนสมัยนั้นจึงมีการคิดค้นผสมนมและไข่ด้วยบรั่นดี หรือไวน์มาเดียรา (Madeira Wine) หรือเหล้าเชอร์รี่ ซึ่งจะเป็นวิธีที่จะช่วยยืดอายุให้ของที่เสียง่ายเหล่านี้ และต่อมากลายเป็นเครื่องดื่มสำหรับดื่มเพื่ออวยพรให้ผู้ดื่มมีสุขภาพที่ดีในวันคริสต์มาส

Cr.healthline

เริ่มจากตั้งกระทะด้วยไฟปานกลาง หลังจากนั้นตีไข่แดง น้ำตาล เกลือ เพิ่มกลิ่นเปปเปอร์มินต์ และกลิ่นวานิลลาเข้าด้วยกัน และเทนมลงไปช้า ๆ คนให้เข้ากัน เพิ่มความร้อนของเตาขึ้นนิดหน่อย และคนจนส่วนผสมนี้ข้น เทส่วนผสมจากกระทะลงภาชนะที่เตรียมไว้ แล้ววางลงในภาชนะที่ใส่น้ำและน้ำแข็งเตรียมไว้อีกทีเพื่อลดอุณหภูมิ หลังจากนั้นทิ้งไว้จนส่วนผสมเย็นเป็นคัสตาร์ด นำไปแช่ตู้เย็นอย่างน้อย 4 ชั่วโมงหรือข้ามคืน

การเสิร์ฟจะใช้วิธีทำลูกอมเปปเปอร์มินต์แบบแท่งมาปั่น และนำช็อกโกแลตแท่งมาละลายในไมโครเวฟ พร้อมกับเอาภาชนะที่จะเสิร์ฟ Eggnog จุ่มเฉพาะปากแก้วลงในช็อกโกแลตที่ละลายแล้ว ต่อด้วยนำไปจุ่มในผงเปเปอร์มินต์ที่ปั่นไว้ แช่ตู้เย็นให้อยู่ตัวประมาณ 5 นาที สุดท้ายให้นำส่วนผสมที่แช่ตู้เย็นไว้ข้ามคืนออกมา ตีครีมในเครื่องตีจนเป็นเนื้อโฟม และเทลงไปในส่วนผสมที่เป็นคัสตาร์ดพร้อมคนให้เข้ากัน จากนั้นเทใส่ภาชนะที่ตกแต่งปากแก้วที่เตรียมไว้ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

Cr. freepik

ไวน์อุ่น หรือ Gluewine เป็น Mulled wine ชนิดหนึ่งต้นตำรับมาจากทางฝั่งประเทศเยอรมนี โดยในสมัยก่อนเครื่องดื่มชนิดนี้จะเป็นที่นิยมของขุนนาง จะมีวิธีการหมักในลังไม้ที่เคลือบด้วยทองคำ โดยจะผสมกับส่วนผสมพิเศษต่างๆ เช่น ส้ม, น้ำตาล, อบเชย, กานพลู, วานิลลา หรือกัญชา เพื่อให้เกิดความหอมและรสชาติที่โดดเด่น

ด้วยความหอมและรสชาติที่ไม่เหมือนใคร จึงทำให้ชาวบ้านอยากที่จะลองทำกินเอง เลยมีการนำไวน์ที่เหลือจากการขาย หรือเสื่อมคุณภาพมาลองผสมกับเครื่องเทศชนิดต่าง ๆ จนกลายเป็นอีกวิธีในการนำไวน์ที่เสื่อมคุณภาพกลับมาดื่มได้อีกครั้ง หลังจากนั้นเครื่องดื่มชนิดนี้ได้แพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะแถบทวีปยุโรป เช่น อิตาลี ฝรั่งเศส สวิสเซอร์แลนด์ โรมาเนีย เป็นต้น ทำให้กลายเป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มเพื่อเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลคริสต์มาส อาจเป็นเพราะในช่วงเวลานั้นเป็นหน้าหนาวมีหิมะตกหนาแน่น การได้จิบไวน์อุ่น ๆ ก็จะช่วยสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายได้

Cr.tidymom

นำเครื่องปรุงทั้งหมดใส่หม้อต้มไฟอ่อนๆประมาณ 10 นาที เมื่อต้มเสร็จจึงกรองเครื่องต้มสมุนไพรออกและนำมารินใส่แก้ว พร้อมประดับด้วยส้มหั่นเสี้ยว ประดับด้วยอบเชยแท่งมาใส่ในแก้ว เพื่อไว้ใช้คนรอบๆแก้วก่อนดื่ม

วัฒนธรรมการกินอาหารในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ในปัจจุบันก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย มีการดีไซน์เมนูที่หลากหลายและเหมาะสมกับผู้ทานมากขึ้น แต่เมนูซิกเนเจอร์เหล่านี้ก็ยังคงพบเห็นได้ในค่ำคืนวันคริสต์มาสเสมอมา และสุดท้ายนี้ไม่ว่าจะสร้างสรรค์เมนูใดออกมาแค่เพียงมีครอบครัวและคนที่เรารักได้รับประทานกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาก็คงจะเป็นหน้าหนาวอีกปีที่อบอุ่นสุดๆไปเลยล่ะค่ะ สุดท้ายนี้ขออวยพรให้ผู้อ่านทุกท่าน มีความสุขมาก ๆ ในช่วงเทศกาลแสนอบอุ่นนี้นะค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
wongnai
home-chocolate
th.operice
phorbangerman

Header Image : 

Katya Azi on Unsplash