Food Culture
อาหารและความเชื่อ
ถ้าพูดถึงอาหาร ทั่วโลกต่างก็มีอาหารมากมายหลายแบบ และแต่ละประเทศก็จะมีอาหารขึ้นชื่อแตกต่างกันไป โดยเฉพาะเรื่องวัฒนธรรมการกิน ซึ่งมักจะมีเรื่องความเชื่อเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ แม้จะต่างชาติ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม แต่ส่วนใหญ่ความเชื่อในการกินของประเทศต่างๆ ก็จะนิยมกินเพื่อเฉลิมฉลองหรือเพื่อเสริมความเป็นมงคลให้กับชีวิตนั่นเอง
มาดูกันว่าแต่ละประเทศมี อาหารและความเชื่อ ด้านวัฒนธรรมเป็นอย่างไรกันบ้าง….
การกินไก่งวง คืนวันคริสต์มาส ในสหรัฐอเมริกา
คืนวันคริสต์มาส ในสหรัฐอเมริกา จะมีไก่งวงหลายล้านตัวถูกนำมาเป็นอาหารสุดเลิศล้ำ เพื่อทำการขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day) ซึ่งถือเป็นความเชื่อที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ที่เล่าขานกันมาว่าถ้าใครที่ได้กินไก่งวงในคืนวันคริสต์มาสนั้น จะพบกับความโชคดีและมีชัยชนะ โดยตามหลักทั่วไปแล้ว การกินไก่งวงที่ถูกวิธีนั้น จะต้องให้ผู้ชายที่มีความอาวุโสมากที่สุดในบ้าน เป็นคนตัดแบ่งไก่งวง แล้วแบ่งส่วนต่างๆ ให้สมาชิกภายในบ้าน ทั้งนี้ก็เพื่อให้ครอบครัวประสบพบเจอกับโชคดีและสิ่งดีๆ ต่อไปนั่นเอง
หลังจากที่รู้ความหมายของการกินไก่งวงในคืนวันคริสต์มาสแล้ว เราไปรู้จักความเป็นมาแบบคร่าวๆ ของธรรมเนียมนี้กัน ว่ากันว่าเกิดจากการกินเพื่อเฉลิมฉลองของพวกพิลกริม (กลุ่มชาวอาณานิคมอังกฤษที่ย้ายไปตั้งรกรากอยู่ที่รัฐแมสซาชูเซต ประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงปี ค.ศ. 1620) และชาวอินเดียแดง บ้างก็ว่าประเพณีการกินไก่งวงนี้ เกิดจากการที่อดีตประธานธิบดีของสหรัฐอเมิรกา “เบนจามิน แฟงก์คลิน” ได้ยกย่องให้ “ไก่งวง” เป็นสัตว์ที่น่านับถือ และแต่งตั้งให้ไก่งวงเป็นสัตว์ประจำประเทศ หลังจากนั้นไก่งวงจึงกลายเป็นอาหารเพื่อเฉลิมฉลองของชาวอเมริกาเป็นต้นมา
ในขณะที่บางตำราได้ระบุว่าการกินไก่งวงเพื่อเฉลิมฉลองนั้น เกิดจากพระราชินีอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ ที่ทรงชื่นชอบการเสวยห่านอบในเทศกาลเฉลิมฉลองต่างๆ เพราะเชื่อว่าเป็นอาหารแห่งความโชคดีและเป็นอาการแห่งชัยชนะของประเทศอังกฤษ ต่อมาเมื่อพวกพิลกริมเกิดการย้ายถิ่นไปยังที่ใหม่ๆ มีการเผยแพร่ธรรมเนียมการกินห่านอบดังกล่าว แต่ด้วยในสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีห่านน้อย แต่มีไก่งวงเยอะ จึงมีการเปลี่ยนประเพณีการกินห่านมากินไก่งวงแทน ซึ่งก็สืบทอดการกินไก่งวงเพื่อเฉลิมฉลองมาจนถึงปัจจุบันนี้
การกินบะหมี่หรือหมี่ซั่ว ในวันเกิด ของชาวจีน
Cr. Thairath
ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ก็มีอีกหนึ่งความเชื่อเรื่องการกินที่ช่วยทำให้อายุยืนยาว ก็คือ การกิน “บะหมี่” หรือ “หมี่ซั่ว” ในวันเกิดของตัวเอง โดยชาวจีนเรียกกันว่า “โซว่เหมี่ยน” ทั้งนี้ก็เพราะว่าเส้นบะหมี่ หรือ หมี่ซั่ว มีลักษณะที่เป็นเส้นยาว ถ้าได้กินในวันเกิดจะทำให้อายุยืนยาว แถมยังทำให้มีความสุขและสุขภาพดีอีกด้วย ในขณะเดียวกันก็เชื่อว่าการกินบะหมี่ หรือ หมี่ซั่ว ในวันเกิดก็ไม่ควรจะตัดเส้นให้สั้น เพื่อให้กินได้ง่ายหรือสะดวกขึ้น เพราะการกระทำนี้หมายความว่าคุณกำลังลดอายุไขของตนเองอยู่นั่นเอง นอกจากการกินบะหมี่ หรือ หมี่ซั่วในวันเกิดแล้ว ชาวจีนยังนิยมกินบะหมี่ หรือ หมี่ซั่วในวันเทศกาลมงคลต่างๆ อีกด้วย
อาจารย์หานปิง คนไทยที่เชี่ยวชาญเรื่องประเทศจีน เคยกล่าวไว้ว่า ความเป็นมาเรื่องการกินบะหมี่ หรือ หมี่ซั่ว ในวันเกิดแล้วอายุยืนนั้น มีที่มาที่ไปตั้งแต่สมัยพระเจ้าฮั่นอู่ตี้ ผู้ซึ่งมีความเชื่อในเรื่องโชคลาง และยาอายุวัฒนะ ตามตำราโหงวเฮ้ง ซึ่งมีคำกล่าวว่า “ใครที่มีร่องจมูกยาวกว่าหนึ่งนิ้ว จะเป็นผู้มีอายุยืนถึง 100 ปี” โดยคนที่มีร่องจมูกยาว จะต้องมีใบหน้าที่ยาวด้วย ชาวจีนจึงใช้เส้นของบะหมี่ที่มีเส้นยาว แทนใบหน้า เพราะคำว่า “เมี่ยน” นอกจากจะแปลว่าเส้นบะหมี่แล้วยังมีความหมายว่าใบหน้าได้อีกด้วย จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ชาวจีนมีความเชื่อในเรื่องการรับประทานบะหมี่ หรือ หมี่ซั่ว ในวันเกิดนั่นเอง
การกินโอเซจิในวันปีใหม่ ของชาวญี่ปุ่น
Cr. Justonecookbook
คนไทยเราอาจจะคุ้นเคย และรู้จักอาหารขึ้นชื่อของญี่ปุ่นอย่าง ราเมน ซูชิ และอีกมากมาย ซึ่งหลายคนก็คงรู้จัก โอเซจิ หรือ โอเซจิเรียวริ อาหารมงคลที่ชาวญี่ปุ่มนิยมทานกันมากในวันปีใหม่ โอเชจิมีลักษณะเป็นชุดอาหารบรรจุในกล่องวางเป็นชั้นๆ คล้ายกับปิ่นโตในบ้านเรา ซึ่งการวางกล่องเป็นชั้นๆ แบบนี้มีหมายความว่า “รวมความโชคดี และความสุขเอาไว้” สิ่งสำคัญ คือ สามารถนำโอเซจิมารับประทานติดกัน 3 วัน ในช่วงวันหยุดปีใหม่ได้
Cr. Livejapan