Four Beauty of China

สี่หญิงงามในประวัติศาสตร์จีน

หญิงสาวกับความงามเป็นสิ่งที่ขาดจากกันไม่ได้ ทว่าความงามสำหรับหญิงบางคนนั้นก็มิได้สมบูรณ์แบบเสมอไป ดั่งเรื่องราวของสี่หญิงสาวที่ถูกบันทึกไว้ในดินแดนมังกร นั่นก็คือ “ สี่ยอดพธู (สี่หญิงงาม) ” ซึ่งเป็นคำเรียกสตรีทั้งสี่คนที่ขึ้นชื่อ ว่ามีความงดงามมากที่สุดในประวัติศาสตร์จีนสมัยโบราณ

Credit : Youtube “The Four Most Beautiful Chinese Women Ever” by Off the Great Wall

ด้วยเพราะหญิงงามทั้งหมดนี้ มีบทบาทสำคัญที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ทำให้บ้านเมืองพลิกผันครั้งใหญ่ จนถึงขั้นทำให้เกิดอาณาจักรล่มสลาย ซึ่งก็ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์จีนต่อมา โดยมีโคลงกลอนในภาษาจีนที่ใช้พรรณนาถึงความงามของสตรีทั้งสี่นางนี้ว่า
西施沉魚 (Xīshī chén yú) มัจฉาจมวารี
昭君落雁 (Zhāojūn luòyàn) ปักษีตกนภา
貂蟬閉月 (Diāochán bì yuè) จันทร์หลบโฉมสุดา
貴妃羞花 (Guìfēi xiū huā) มวลผกาละอายนาง
ซึ่งก็หมายถึง ไซซี, เตียวเสี้ยน, หวังเจาจวิน และ หยางกุ้ยเฟย

ไซซี (西施)

Credit : sunnews .cc

 “ไซซี” มีชีวิตอยู่ช่วงประมาณ 506 ปีก่อนคริสตกาล (ยุคสมัยชุนชิว) ณ มณฑลเจ้อเจียง ในแคว้นเยว่ โดยไซซีได้รับสมญานามว่า “มัจฉาจมวารี” ซึ่งหมายถึง “ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงปลายังต้องจมลงสู่ใต้น้ำ” โดยนางถูกจัดอันดับให้เป็นหญิงงามที่สุดคนหนึ่งในแผ่นดินจีน
เดิมทีไซซีเป็นสาวชาวบ้านอยู่ในรัฐเยว่ แต่ด้วยความงามของนาง อ๋องโกวเจี้ยนแห่งรัฐเยว่ จึงส่งนางไปเป็นเครื่องบรรณาการให้กับอ๋องแห่งรัฐอู๋ที่ปกครองเมืองอยู่ เพื่อหลอกล่อให้ลุ่มหลงในตัวไซซี จนอ๋องแห่งรัฐอู๋ละเลยงานดูแลบ้านเมือง กระทั่งในที่สุดอ๋องโกวเจี้ยนก็สามารถรบชนะ และ ครอบครองรัฐอู๋ที่แข็งแกร่งกว่าได้สำเร็จ
ว่ากันว่านอกจากความงามแล้ว ไซซีก็มีจุดด้อยในร่างกายอย่างหนึ่งจนทำให้คนเรียกนางว่า ไซซีคนงามตีนโต เพราะเท้าของไซซีใหญ่กว่าผู้หญิงปกติทั่วไป ดังนั้นจึงมักจะสวมกระโปรงยาวคลุมไม่ให้เห็นเท้า
อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดไซซีก็ได้รับการยกย่องเชิดชูในความเสียสละด้านความรักเพื่อแผ่นดินเกิด โดยใช้ความงามเข้าทำลายล้างแคว้นของศัตรู จนได้รับเกียรติ และการยกย่องจากชนรุ่นหลัง แต่ทว่าในชีวิตส่วนตัวของไซซีนั้นไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ เลย เพราะยุคสมัยชุนชิวนั้นเป็นยุคที่สังคมจีนมีความแตกแยกเป็นก๊ก และแคว้นต่างๆ มากมาย ซึ่งทุกแคว้นล้วนพยายามหาหนทางขยับขยายดินแดน ฆ่าฟันกันจนเป็นนิจ ซึ่งก็ถือว่าเป็นยุคแห่งสงครามระหว่างแคว้นที่สร้างความลำบากทุกข์ยากให้แก่ชาวบ้านมากที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน

 

เกร็ดความรู้ : ที่ว่า ‘ตีนโต’ นั้นอาจหมายถึงเท้าขนาดปกติ เพราะว่าในสมัยก่อน หญิงชาวจีนที่เป็นชนชั้นสูงนั้นมักมีการมัดเท้าเพื่อให้ดูเล็กกว่าปกติ โดยการมัดเท้านั้นจะมัดไว้ตั้งแต่เด็ก ทำให้เท้าไม่เติบโต แต่ไซซีนั้นตามประวัติเป็นหญิงชาวบ้านมาก่อนจึงไม่มีการมัดเท้า เพราะการมัดเท้าจะทำให้ไม่สามารถเดินได้ตามปกติ จำเป็นต้องมีคนช่วยพยุง หรือเดินได้ในระยะสั้น ดังนั้นชาวบ้านที่ต้องทำงานหนักนั้นจึงไม่นิยมมัดเท้านั่นเอง

 


หวังเจาจวิน (王昭君)

Credit : chinesexpert .net

“หวังเจาจวิน” ได้รับฉายานามว่า “ปักษีตกนภา” ซึ่งหมายถึง “ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงนกยังต้องร่วงหล่นจากท้องฟ้า” โดยหวังเจาจวิน มีชีวิตอยู่ในช่วงราชวงศ์ฮั่นตะวันตก
เดิมหวังเจาจวิน หรือ หวังเฉียง เป็นนางกำนัลในวังหลวงจนกระทั่งฮ่องเต้ฮั่นหยวนตี้ แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันตก มีพระราชดำริให้ส่งสาวงามไปบรรณาการแก่ผู้นำเผ่าซยงหนูเพื่อเจริญสัมพันธ์ไมตรี หวังเจาจวินก็อาสาไปด้วยจนได้เป็นถึงภริยาคนโปรดของผู้นำเผ่าซยงหนู และอุทิศตนเองอาศัยอยู่ที่นั่นจนสิ้นชีวิต ซึ่งผลพวงจากการที่นางอุทิศตนเองตอบแทนแผ่นดินเกิดนั้น ก็ทำให้แผ่นดินจีน และเผ่าซยงหนูมีความสัมพันธ์ที่ดียาวนานถึง 60 ปีเลยทีเดียว
นอกจากความงามที่เลื่องลือแล้ว หวางเจาจินยังมีจุดด้อยบนร่างกายจนผู้คนต่างก็เรียกนางว่าคนสวยไหล่ลาดตก และเพื่อแก้ปัญหาไหล่ลาดตก หวางเจาจินจึงจำต้องใช้ผ้าคลุมไหล่ ที่มีลวดลายและสีสันของผ้ามาเสริมให้ดูงดงาม และเป็นวิธีอำพรางจุดด้อย ซึ่งถ้าเห็นภาพวาดหรือตัวละครเอาผ้าพาดไหล่ ก็อาจจะคาดเดาได้ว่านั่นคือ “หวังเจาจิน” นั่นเอง

เตียวเสียน (貂蟬)

Credit : kknews.cc

“เตียวเสียน” มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า เตียวฉาน มีฉายานามว่า “จันทร์หลบโฉมสุดา” ซึ่งหมายถึง “ความงามที่ทำให้แม้แต่ดวงจันทร์ยังต้องหลบเลี่ยงให้” โดยเตียวเสียนต่างจากสาวงามทั้งสามคน ด้วยเพราะเหตุที่ไม่มีหลักฐานยืนยันการมีตัวตนในประวัติศาสตร์จีน
เตียวเสียนจึงเป็นเพียงตัวละครที่ (ทุกคนคาดว่า) ถูกสมมุติขึ้นมาในนิยายอิงประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 14 ในเรื่องสามก๊ก ซึ่งมีเนื้อเรื่องอ้างอิงมาจากเหตุการณ์ช่วงปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออกในยุคสามก๊ก โดยเนื้อหาในนิยายเรื่องนี้นั้น พ่อแม่ของเตียวเสียนเป็นข้ารับใช้และตายตั้งแต่นางยังเล็ก อ๋องอุ้นจึงรับมาอุปการะเลี้ยงดูเอาไว้ จนกระทั่งนางเติบโตเป็นสาวสะพรั่งวัย 16 ปี นางก็อาสาที่จะช่วยอ๋องอุ้นที่กำลังกลัดกลุ้มเรื่องการศึก
อ๋องอุ้นเห็นความงามของนาง ก็วางแผนให้เตียวเสียนใช้มารยาหญิงทำให้ตั๋งโต๊ะ และลิโป้แตกคอกันจนฆ่ากันเอง โดยอ๋องอุ้นบอกแก่ลิโป้ว่าจะยกเตียวเสียนให้แต่งงานเป็นภรรยาลิโป้ ซึ่งลิโป้ที่ตกตะลึงในความงามของนางก็ยินดี และเฝ้ารอวันแต่งงาน ทว่ายังไม่ทันถึงวันแต่งงาน อ๋องอุ้นกลับส่งเตียวเสียนไปปรนนิบัติกลายเป็นสตรีของตั๋งโต๊ะ ทำให้ลิโป้โมโหมากจนแตกหักกับบิดาบุญธรรมอย่างตั๋งโต๊ะ ตามแผนที่อ๋องอุ้นวางไว้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม แม้ในเรื่องสามก๊กเตียวเสียนจะถูกบรรยายว่างดงามมากสักเพียงไร นางก็ยังมีจุดด้อยนั่นก็คือ ติ่งหูสั้นเล็กผิดปกติ และเพื่อแก้ไขจุดด้อยดังกล่าว เตียวเสียนจึงใส่ตุ้มหูหยก และเลือกรูปทรงตุ้มหูเพื่อช่วยอำพรางสายตา ทำให้ติ่งหูที่ดูสั้นเล็กนั้นแลดูสมส่วน และงดงามขึ้นมาได้ในทันตา

หยางกุ้ยเฟย (杨贵妃)

Credit : zhuanlan.zhihu .com

โฉมงามคนสุดท้ายที่จะกล่าวถึง ก็คือ “หยางกุ้ยเฟย” นางผู้นี้มีฉายาว่า “มวลผกาละอายนาง” มีความหมายว่าสวยจนมวลหมู่ดอกไม้ยังละอาย ทั้งนี้หยางกุ้ยเฟยเป็นพระสนมเอกของฮ่องเต้เสวียนจง แห่งราชวงศ์ถัง แต่ด้วยความที่ฮ่องเต้ลุ่มหลงนางจนลืมบริหารงานบ้านเมือง จนในที่สุดบ้านเมืองก็เกิดจราจนวุ่นวายจนเกิดกบฏขึ้น ฮ่องเต้จึงมีพระบรมราชโองการให้ สำเร็จโทษหยางกุ้ยเฟยโดยการแขวนคอ ซึ่งก็เป็นการปิดตำนานสาวงามแห่งราชวงศ์ถังไว้แต่เพียงเท่านั้น
สำหรับจุดด้อยของหยางกุ้ยเฟยที่ดูขัดแย้งกับใบหน้าและรูปร่างอรชนอ้อนแอ้น นั่นก็คือเรื่องกลิ่นตัวแรงที่กลายเป็นที่ซุบซิบนินทาของคนทั่วไป นางจึงแก้ไขปัญหาตรงนี้ด้วยการลงอาบน้ำในธารหอมหัวชิง อบเสื้อผ้า และใช้แป้งหอมประทินผิวเพื่อกลบกลิ่นตัว
สืบเนื่องจากเหตุการณ์ตรงนี้จึงทำให้จุดด้อยของหยางกุ้ยเฟยกลายเป็นจุดเด่น เพราะร่างกายของนางนั้นมีแต่กลิ่นหอมรวยรื่นน่าค้นหา จนกลายเป็นคำชมที่ว่า “มวลผกาละอายนาง” นั่นเอง
นี่ก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของความงามในสตรี ” สี่หญิงงาม ” ที่เข้ามามีบทบาทต่อการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองในประวัติศาสตร์จีน ทั้งนี้ก็ยังมีสตรีอีกมากมายจากทั่วโลกที่ความงามของตนเองส่งผลต่อประวัติศาสตร์ในทุกยุคทุกสมัย ซึ่งหากมีโอกาสผู้เขียนก็จะนำมาเล่าสู่กันฟังในครั้งต่อไปค่ะ
จะมีก็แค่หยางกุ้ยเฟยเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ดูไร้เกียรติประวัติความดีความชอบที่มีต่อประเทศชาติ แต่ทว่าเรื่องราวชะตากรรมที่นางประสบพบเจอมากลับทําให้ผู้คนพากันเห็นอกเห็นใจมากกว่าจะตําหนิหรือด่าทอว่าร้าย เพราะอย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าชีวิตและร่างกายที่งดงามของ หยางกุ้ยเฟยถูกใช้เป็นเพียงแค่เครื่องมือสนองตัณหา ราคะ และความปรารถนาสำหรับบุรุษเพศเพียงแค่นั้น
จริงๆ แล้วความงามในหญิงสาวทุกคนนั้น ล้วนต่างก็เป็นที่ปรารถนาของบุรุษ แต่สำหรับ ไซซี, เตียวเสียน, หวางเจาจวิน ต่างก็ยอมเสียสละความงดงามทางร่างกายเพื่อนำมารับใช้ชาติบ้านเมืองของตนเอง จนทำให้เกียรติประวัติและคำร่ำลือในความงดงามของพวกนางชนะใจชาวจีนมาได้ตลอดทุกยุคทุกสมัย
สามารถติดตามผลงานต่าง ๆ ของทาง Bareo ได้ที่ช่องทางเว็บไซต์ของ Bareo หรือทาง Facebook : Design by Bareo ที่จะคอยอัพเดทข่าวสาร งานดีไซน์ และผลงานการออกแบบตกแต่งภายในมากมาย ให้ท่านผู้อ่านได้รับความรู้ และความสนุกตลอดทั้งปี
หรือหากสนใจจะออกแบบตกแต่งภายในกับทาง Bareo ทางเราก็มีบริการออกแบบภายในครบวงจร โดยสามารถอ่านรายละเอียดการให้บริการของเราได้ที่นี่ คลิ๊ก
ขอบคุณข้อมูลจาก
wikipedia .org
factsanddetails. com
supchina .com

CONTENT RELATED

NEW CONTENT

PORTFOLIO