The Rainbow World
สถานที่สีสันสวยงามทั่วโลก
โลกของเราล้วนเต็มไปด้วยสีสันมากมาย แต่ที่น่าทึ่งที่สุดก็คงจะเป็นสีสันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่โลกของเราสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อรอให้เราไปค้นพบและเห็นด้วยตาของตัวเอง โดยเฉพาะสำหรับคนที่รักในการเดินทางท่องเที่ยวแบบ Nature Traveler ชนิดที่ว่าใกล้ชิดกับป่าเขา Bareo ก็มีที่ท่องเที่ยวที่ถูกลิสต์ว่าเป็นสุดยอดแห่ง Perfect Colorful Nature สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ธรรมชาติสร้างขึ้น นำมาเป็นแรงบันดาลสำหรับทริปทางท่องเที่ยวครั้งต่อไปมาฝากกันค่ะ
Caño Cristales : The River Of Five Colors
คาโน คริสเทิล แม่น้ำ 5 สีแห่งโคลอมเบีย
Cr. blog.bambatravel
“ แม่น้ำคาโน คริสเทิล ” รู้จักกันในนามแม่น้ำ 5 สี หรือ รุ้งละลาย ผู้คนขนานนามว่า “แม่น้ำที่สวยที่สุดในโลก” แม่น้ำแห่งนี้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่งดงามมาก ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเทือกเขา เซอร์ราเนียร์ เดอ รามาลาเกน่า ที่เมือง เดอ รามาลาเกน่า ประเทศโคลัมเบีย โดยแม่น้ำแห่งนี้มีระยะทางยาวประมาณ 100 กิโลเมตร ซึ่งมีเสน่ห์ที่ชวนให้หลงใหลเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะมีสีสันสดใสที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งก็คือ สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า สีดำและสีแดง ที่ทอประกายพริ้วไสวคล้ายสายรุ้งอยู่ใต้ท้องน้ำ
cr. blog.bambatravel
โดยสีที่มองเห็นในแม่น้ำ คาโน คริสเทิล ล้วนเกิดจากธรรมชาติสร้างสรรค์ ซึ่งสีต่างๆเกิดจากสาหร่ายน้ำจืดและมอสส์หลากหลายสายพันธุ์ทำให้เมื่อมองดูโดยรวมคล้ายกับสีรุ้ง นอกจากแม่น้ำแล้วในบริเวณเดียวกันก็ยังมีน้ำตก แอ่งน้ำ และถ้ำต่างๆที่งดงามมากอีกด้วย ทำให้ผู้เดินทางไปเยือนล้วนหลงรัก และที่น่าประหลาดใจก็คือในแม่น้ำแห่งนี้ไม่มีปลาหรือสัตว์น้ำอยู่เลย สาเหตุก็มาจากใต้พื้นน้ำไม่มีดินหรือแหล่งอาหารให้พวกมันได้ใช้ชีวิตนั่นเอง ทั้งนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถลงเล่นน้ำในแม่น้ำได้อีกด้วย
Cr. Mario Carvajal/ProColombia
แม่น้ำ คาโน คริสเทิล จะเกิดปรากฏการณ์สีสันขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงพฤศจิกายนเท่านั้น ซึ่งคือช่วงเวลาอุดมสมบูรณ์ที่สุดของป่าในช่วงปลายฝนต้นหนาว ส่วนการเดินทางมาที่นี่จะต้องวางแผนให้ดีเพราะในแต่ละวันมีการจำกัดจำนวนคนที่ได้รับอนุญาตให้เข้าอุทยานแห่งชาติ และคนทั่วไปจะไม่สามารถเข้าไปได้หากไม่มีไกด์จากบริษัททัวร์ สำหรับการเดินทางไปยังแม่น้ำ 5 สี จะต้องเดินทางต้องผ่านเมือง ลา มากาเรน่า ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากร 30,000 คน จากนั้นจะต้องนั่งเรือขนาดเล็กและต้องเดินเท้าหรือขี่ม้าไปยังแม่น้ำ ซึ่งไม่มีที่พักในอุทยานแห่งชาติ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเตรียมความแข็งแรงของร่างกายไว้ให้พร้อมก่อนออกเดินทาง
Rainbow Flower Field In Tomita farm
ทุ่งดอกไม้สีรุ้งในฟาร์มโทมิตะ ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น
Cr. highlightstourjapan.wordpress
สำหรับใครที่ยังไม่เข้าใจวลีคำว่า “ โลกสวย ” นั้นเป็นอย่างไร คงต้องมาวิ่งเล่นกลางทุ่งลาเวนเดอร์ที่ ฟาร์มโทมิตะ ตั้งอยู่ที่เมืองฟูราโน่ ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น จริงๆสักครั้งแล้วล่ะค่ะ เพราะด้วยความงดงามและขนาดที่กว้างใหญ่ไพศาลของทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงแสนหอมหวาน จึงไม่แปลกใจที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยือนที่นี่ทุกปีกันอย่างล้นหลาม
กำเนิดฟาร์มดอกไม้แห่งนี้จริงๆเริ่มมาเนิ่นนานตั้งแต่สมัยเมจิ เมื่อ โทคุมะ โทมิตะ เริ่มไถที่นาที่รกร้างว่างเปล่าของปู่ของเขาเอง และริเริ่มการเพาะปลูกดอกลาเวนเดอร์สำหรับผลิตน้ำหอม แต่ภายหลังมีการนำเอสเซนส์ลาเวนเดอร์เข้ามาในญี่ปุ่นในราคาที่ถูกกว่ามาก โทคุมะ โทมิตะ จึงจำต้องลดปริมาณการปลูกลาเวนเดอร์แล้วค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นฟาร์มดอกไม้สำหรับท่องเที่ยวนั่นเอง
Cr. farm-tomita
ฟาร์มดอกไม้ที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องความงดงามของทุ่งดอกลาเวนเดอร์ขนาดใหญ่ ทั้งยังมีทิวทัศน์ธรรมชาติงดงาม โดยมีแบคกราวด์ฉากหลังเป็นภูเขาโทกะชิ ที่ให้บรรยากาศธรรมชาติสไตล์ญี่ปุ่นอย่างชัดเจน ที่ฟาร์มโทมิตะ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรีโดยไม่ต้องซื้อตั๋วเข้าไปแต่อย่างไร สำหรับเมืองฮอกไกโดถือเป็นพื้นที่ที่ปลูกดอกลาเวนเดอร์กันเป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่ใช่ว่าที่ฟาร์มโทมิตะจะมีแต่ทุ่งลาเวนเดอร์เพียงเท่านั้น ที่ฟาร์มแห่งนี้ยังมีดอกไม้สวยงามชนิดอื่นๆที่ปลูกหมุนเวียนไปตามฤดูกาลด้วยเช่นกันอย่าง ดอกป๊อปปี้ ดอกลูปิน ดอกลิลลี่ ดอกทานตะวัน ดอกซัลเวียร์ และคอสมอส เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาเยือนได้เกือบตลอดทั้งปี และฟาร์มโทมิตะจะปิดในช่วงฤดูหนาว
Cr. farm-tomita
สำหรับฤดูกาลที่คนส่วนใหญ่จะมาเยอะเป็นพิเศษคือ ช่วงกลางเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม เพราะเป็นช่วงที่ดอกลาเวนเดอร์บานสะพรั่งเต็มทุ่ง การเดินทางก็สามารถนั่งรถไฟจาก JR Sapporo มาลงที่สถานี Asahikawa จากนั้นก็เปลี่ยนไปขึ้น JR Furano Line เพื่อไปลงที่สถานี Nakafurano จากนั้นเดินประมาณแค่ 7 นาทีก็จะถึงฟาร์มโทมิตะ ช่วงฤดูร้อนจะมีรถไฟขบวนพิเศษให้บริการคือ Lavender Express หากใครที่ชื่นชอบในพรรณไม้ ธรรมชาติและขุนเขา หากมาที่นี่แล้วรับรองไม่ผิดหวัง เพราะนอกจากจะได้รูปสวยๆกลับไปแล้วยังสามารถเดินชมพิพิธภัณฑ์ หรือลิ้มลองซอฟท์ครีม พุดดิ้ง โซดาลาเวนเดอร์แสนอร่อยได้ที่คาเฟ่ และช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ต่างๆอย่าง สบู่ หรือน้ำหอมกลิ่นลาเวนเดอร์ภายในร้านค้าในฟาร์มได้อีกด้วย
Vinicunca Rainbow Mountain
บินิกุนกา ภูเขาสีรุ้งแห่งเปรู
Cr. rainbowmountainperu
“ บินิกุนกา ” หรือที่คนทั่วโลกขนานนามว่า “ ภูเขาสายรุ้งแห่งเปรู ” เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยว 100 อันดับแรกที่ควรไปก่อนตาย ซึ่งถูกจัดอันดับโดย National Geographic โดยชื่อ บินิกุนกา เป็นภาษาพื้นเมืองของชาวเปรู แปลว่า “ ภูเขาสี ” ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอนดีส ในเมืองกุสโก สูงอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 17,060 ฟุต
Cr. rainbowmountainperu
เหตุผลที่ว่าทำไมสีต่างๆบนภูเขาเหล่านี้ถึงได้เกิดขึ้น ก็เป็นเพราะว่าน้ำแข็งที่ปกคลุมภูเขามาอย่างยาวนานเริ่มละลายทำให้น้ำผสมกับแร่ธาตุในดินจนเกิดสีต่างๆขึ้นมา เช่น สีแดงเกิดจากส่วนผสมของสนิม สีเหลืองเกิดจากเหล็กซัลไฟด์ สีม่วงมาจากโกเอไทต์หรือลิโมไนต์ที่ถูกออกซิไดซ์ และสีเขียวมาจากคลอไรท์ ที่สะสมในเนื้อดินมาเป็นระยะเวลาหลายล้านปีจนทำให้เกิดเป็นภูเขาสีรุ้ง
Cr. rainbowmountainperu
สำหรับการเดินทางไปที่ บินิกุนกา จะต้องเริ่มจากการใช้บริการขนส่งจากเมือง กุสโก ซึ่งจะพาคุณไปยังเมือง เชกากูเป จากที่นั่นจึงค่อยเดินทางต่อไปยังเมือง พิทูมาร์ก้า และจะไปถึงเมือง แพมปาจิริ การเดินทางทั้งหมดใช้เวลาประมาณสองหรือสามชั่วโมง ในเมือง แพมปาจิริ นี้คุณสามารถหาซื้อตั๋วเพื่อเข้าสู่พื้นที่บินิกุนกาได้ สำหรับสภาพอากาศที่ดีที่สุดสำหรับการเดินมาที่ บินิกุนกา คือช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤศจิกายน โดยสภาพอากาศจะแจ่มใสเป็นพิเศษและท้องฟ้าจะมีสีฟ้าสดใสช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม ทั้งนี้ด้วยระยะทางและความสูงชันของหุบเขาสีรุ้ง ผู้ที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวจำเป็นต้องเตรียมฟิตสภาพร่างกายมาให้พร้อม และรับรองได้ว่าเมื่อคุณได้มาเยือนที่นี่แล้ว คุณจะจดจำภาพภูเขาสีรุ้งสุดแปลกตาแห่งนี้ไปตลอดชีวิตอย่างไม่มีวันลืม
Zhangye Danxia National Geological Park
อุทยานธรณีแห่งชาติ จางเย่ ตันเสีย ประเทศจีน
Cr. steemit
สำหรับประเทศจีน สถานที่ท่องเที่ยวอย่างกำแพงเมืองจีนอาจกลายเป็นภาพแรกในความคิดสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะนึกถึง แต่จริงๆแล้วประเทศจีนมีสถานที่น่าทึ่งอีกมากมาย หนึ่งในนั้นคือ “ Zhangye Danxia ” หรือ “ อุทยานธรณีแห่งชาติ จางเย่ ตันเสีย ” หรือหุบเขาสีรุ้งนั่นเอง โดยอุทยานธรณีวิทยาแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เชิงเขาด้านตะวันออกของเทือกเขาฉีเหลียน ( Qilian ) ในมณฑลกานซู ( Gansu ) มีขนาดพื้นที่ครอบคลุม 124 ตารางไมล์
Cr. steemit
อุทยานธรณีแห่งชาติ จางเย่ ตันเสีย เป็นที่รู้จักในนามของ “ ภูเขาสีรุ้ง ” ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศแบบภูเขาที่เป็นหน้าผาสูงชัน มีส่วนเว้าส่วนโค้ง คม มน มีความสูงหลายร้อยเมตร ซึ่งหุบเขาที่แลดูมหึมาและทรงพลังแห่งนี้เกิดขึ้นจากการสะสมของหินทรายและแร่ธาตุอื่นๆที่สั่งสมมานานกว่า 24 ล้านปี ดังนั้นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจึงคล้ายกับเลเยอร์เค้กที่เชื่อมโยงกับการขยับเคลื่อนตัวของเปลือกโลกผ่านกาลเวลาท้า แดด ลม ฝน มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ จึงก่อเกิดหุบเขาที่มีรูปร่างขนาดใหญ่โตและเกิดชั้นสีสดใสสลับทับซ้อนมองดูงดงามแบบไร้ที่ติเลยทีเดียว
Cr. steemit