“ ตุ๊กตาหิมะ ” เป็นสัญลักษณ์ประจำฤดูกาลที่หลายคนรู้จักกันดีซึ่งเป็นตัวทำให้บรรยากาศของฤดูหนาวเต็มไปด้วยความเบิกบานใจ เมื่อถึงเวลาที่หิมะโปรยปรายลงมา หลายคนก็จะปั้นตุ๊กตาหิมะ โดยการทำลูกบอลหิมะขนาดต่างๆ ขึ้นมาวางซ้อนทับกันเพื่อให้เกิดเป็นรูปร่างของตุ๊กตาหิมะ การสร้างตุ๊กตาหิมะ หรือ สโนว์แมน ( Snowman ) แบบที่นิยมทำกันส่วนมากนั้น ในแถบอเมริกาเหนือมักจะใช้ก้อนหิมะกลมๆ ขนาดใหญ่ทั้งหมดจำนวน 3 ก้อน เอาไว้สำหรับทำฐาน ลำตัวตรงกลาง และหัวของมัน แต่ในสหราชอาณาจักร จะให้ก้อนหิมะจำนวน 2 ก้อน เอาใว้สำหรับทำลำตัวและหัว นอกจากนี้ก็จะนำสิ่งของที่หาได้ทั่วไปอย่างเช่น กิ่งไม้ หมวก ผ้าพันคอ หรือแครอท เพื่อนำมาตกแต่งตุ๊กตาหิมะอย่างสร้างสรรค์และสวยงาม ส่วนมากผู้คนมักจะปั้นตุ๊กตาหิมะไว้ตกแต่งสวนหน้าบ้าน หรือสวนสาธารณะ
วัฒนธรรมการปั้นตุ๊กตาหิมะถูกสืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนาน และมีการพูดถึงมากมายทั้งในหนังสือ ภาพวาดและบทเพลง เช่น หนังสือนิทาน The Biggest Snowman Ever เกี่ยวกับการปั้นตุ๊กตาหิมะตัวใหญ่, หนังสือ You Make Me Smile หนังสือภาพที่พูดถึงเด็กน้อยที่ปั้นมนุษย์หิมะ, Frosty The Snowman เพลงที่กล่าวถึง ตุ๊กตาหิมะ ชื่อฟรอสตี้ที่มีชีวิตขึ้นมาอย่างปาฏิหาริย์เพราะหมวกวิเศษ, Snowman เพลงหมวด Seasonal ของ Sia หรือแม้แต่เพลงประกอบหนังแอนิเมชั่นที่โด่งดังเรื่อง Frozen อย่างเพลง Do you wanna built a snowman? ที่อันนาชวนเอลซ่าที่เก็บตัวอยู่ในห้องไปปั้นมนุษย์หิมะด้วยกันเหมือนที่เคยเล่นในสมัยเด็กๆ
The Illustrated History Of The Snowman By Bob Eckstein
การริเริ่มสร้างตุ๊กตาหิมะตัวแรกนั้นไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เรื่องราวของมนุษย์หิมะที่เก่าแก่ที่สุดที่ถูกบันทึกเอาไว้โดย Bob Eckstein ผู้เขียนหนังสือ The Illustrated History of the Snowman โดยเขาได้ทำการศึกษาและจดบันทึกเรื่องราวของตุ๊กตาหิมะตั้งแต่ยุคกลาง โดยทำการค้นคว้าเกี่ยวกับการแสดงภาพทางศิลปะในพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และห้องสมุดในยุโรป เอกสารที่เขาพบก็คือภาพประกอบเล็กๆ ที่กล่าวถึงร่องรอยครั้งแรกสุดที่เรื่องราวของมนุษย์หิมะได้ถูกจดบันทึกไว้ โดยต้นฉบับเอกสารชิ้นนี้เรียกว่า Book of Hours เล่าเรื่องราวให้เห็นถึงตุ๊กตาหิมะตัวเล็กที่ในช่วงยุคกลางย้อนหลังไปถึงปี ค.ศ.1380
ภาพวาดเก่าแก่ที่แสดงภาพของตุ๊กตาหิมะจากเอกสาร Book of Hours
Credit : commons.wikimedia
เขาเสริมว่าตุ๊กตาหิมะเป็นรูปแบบหนึ่งของกิจกรรมที่ช่วยสร้างความผ่อนคลายที่ได้รับความนิยมในช่วงยุคกลาง และหากย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 14 ตุ๊กตาหิมะ ก็ถือเป็นหนึ่งในของเล่นและกิจกรรมที่เด็กๆ ชอบที่จะสร้างมันขึ้นมาอยู่เสมอในทุกๆ ปีของฤดูหนาว และแม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังใช้มันเป็นเครื่องมือในการแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างอิสระอีกด้วย
ภาพถ่ายตุ๊กตาหิมะของ Mary Dillwyn ซึ่งเชื่อว่าเป็นครั้งแรกที่มีคนถ่ายภาพกับมนุษย์หิมะ
Credit : National Library of Wales
ภาพถ่ายตุ๊กตาหิมะรูปแรกนั้น ถูกถ่ายไว้ได้ในปี ค.ศ. 1853 โดย Mary Dillwyn ช่างภาพชาวเวลส์ ทั้งนี้รูปนี้ไม่เพียงแต่เป็นภาพถ่ายที่เก่าแก่ที่สุดของตุ๊กตาหิมะเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในภาพถ่ายแรกๆ หลังจากมีการริเริ่มประดิษฐ์กล้องถ่ายรูปขึ้นมาอีกด้วย โดยเธอต้องการทดลองเทคโนโลยีใหม่ๆ ของกล้องถ่ายรูป และตุ๊กตาหิมะก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจแรกๆ ที่เธอถ่ายภาพเก็บไว้ได้ ปัจจุบันนี้ภาพถ่ายใบนี้ถูกเก็บรักษาไว้ในหอสมุดแห่งชาติแห่งเวลส์
ภาพวาดตุ๊กตาหิมะมากมายที่ตั้งเรียงรายบริเวณหน้า Grand-Place of Brussels ในปี ค.ศ. 1511
Credit : atlasobscura .com
ตุ๊กตาหิมะได้ปรากฏตัวอยู่ในบางช่วงของประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ซึ่งอาจดูเหมือนเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงอย่างเช่น “ฤดูหนาวแห่งความตาย” ในปี ค.ศ. 1511 ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ในเวลานั้นนับเป็นช่วงเวลาแห่งความหนาวเย็นที่ยาวนาน และสร้างความทุกข์ยากให้กับชาวเบลเยียมเป็นอย่างมาก เทศกาลตุ๊กตาหิมะถูกจัดขึ้นโดยหวังว่าจะช่วยให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายในระหว่างช่วง 6 สัปดาห์ที่หนาวเหน็บ แต่ทว่าประชาชนต่างพากันออกมาสร้างรูปปั้นและตุ๊กตาจากหิมะที่ทำท่าทางในอิริยาบทสิ้นหวัง สะท้อนชีวิตที่ยากลำบากในช่วงฤดูหนาว ไปทั่วทั้งกรุงบรัสเซลส์ โดยมีรูปปั้นหิมะทั้งหมดถึง 110 ชิ้น วางเรียงรายอยู่ทั่วทั้งเมืองเลยทีเดียว