อัน นยอง ฮา เซ โย. 안녕히 가세요 ขอกล่าวสวัสดีแบบเกาหลี แค่นี้ก็รู้กันแล้วใช่ไหมคะว่าบทความนี้ เป็นสาระน่ารู้ที่เกี่ยวกับแดนกิมจิอย่างแน่นอน ซึ่งสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นมากๆ ของชาวเกาหลีที่คนทั่วโลกต่างรู้จักและคุ้นตากันเป็นอย่างดี ก็คือ “ฮันบก” วัฒนธรรมการแต่งกาย หรือชุดประจำชาติของเกาหลีที่มีมาอย่างยาวนาน แต่ยังนิยมสวมใส่กันมาจนถึงปัจจุบัน

เกาหลี ถือเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จด้านการเผยแพร่วัฒนธรรมผ่านอุตสาหกรรมบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นซีรีย์ หรือวงการไอดอล ที่โด่งดังไกลไปทั่วโลก แทรกซึมจนคุ้นหูคุ้นตาใครหลาย ๆ คน ซึ่งหนึ่งในวัฒนธรรมเกาหลีที่ได้เห็นบ่อยครั้ง ก็คือการใส่ “ชุดฮันบก” ที่งดงามและอ่อนช้อย เกิดเป็นกระแสนิยมจนใครๆ ก็อยากใส่ตาม เกาหลีเองก็ไม่รอช้ารีบฉวยโอกาสนี้ส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวทุกชนชาติที่เดินทางมาเที่ยวได้สวมใส่ “ชุดฮันบก” กันอย่างทั่วถึง นับเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมของประเทศได้อย่างแบนเนียน

Cr. mundofamacorea

ตามประวัติศาสตร์ของชนชาติเกาหลี กล่าวว่า “ชุดฮันบก” มีมาตั้งแต่ในสมัยโชซอน (ค.ศ. 1392 – 1897) เป็นชุดที่ใช้สวมใส่ในชีวิตประจำวัน ซึ่งลักษณะของชุดจะแตกต่างกันไปตามเพศสภาพ

ทั้งนี้ชุดฮันบกของเกาหลียังสามารถบ่งบอกลำดับชนชั้นทางสังคมได้อีกด้วย โดยชาวบ้านหรือสามัญชนทั่วไปส่วนใหญ่จะใส่ชุดฮันบกที่มีสีธรรมชาติ สีพื้นดูเรียบง่าย ในขณะที่ผู้มีฐานะจะเน้นใส่ชุดที่มีสีสันมากขึ้น แต่จะไม่ใส่สีซ้ำกับผู้คนในวังหลวง ส่วนในวังหลวงจะใส่ชุดที่มีสีสัน และมีการแยกสี ใส่เครื่องประดับตามตำแหน่ง และยศของตน

Cr. hancinema

ชุดฮันบกของพระราชา จะถูกปักด้วยลายมังกร
ชุดฮันบกของพระราชินี จะถูกปักด้วยลายหงส์

ในช่วงปลายสมัยโชซอนเหล่าบรรดา “คีแซง” หรือ “กิแซง” (기생) (หญิงผู้ให้ความบันเทิง ที่คล้ายคลึงกับเกอิชาของญี่ปุ่น แต่กีแซงไม่ใช่โสเภณี) เริ่มมีการนำผ้ามาพิมพ์ลายต่างๆ ทำให้ชุดฮันบกมีสีสันมากขึ้นเรื่อยๆ จนขยายความนิยมเป็นวงกว้าง และในช่วงที่ญี่ปุ่นยึดครองเกาหลี ผู้หญิงเกาหลีส่วนใหญ่จะนิยมใส่ชุดฮันบกเป็นอย่างมาก ทั้งนี้เพื่อใช้อำรางหุ่นและรูปร่างให้เหมือนคนตั้งครรภ์ และไม่ให้ดึงดูสายตานั่นเอง แต่เมื่อเกาหลีเป็นอิสระ ชุดฮันบกจึงค่อยๆ เสื่อมความนิยมลง และคนเกาหลีจะสวมใส่เฉพาะมีโอกาสพิเศษเท่านั้น เช่น งานเฉลิมฉลองต่างๆ งานแต่งงาน วันปีใหม่เกาหลี (ซอลลาล – 설날) วันขอบคุณพระเจ้า (ชูซอก – 추석)งานศพ เป็นต้น

Cr. i.pinimg

ผ้าที่นิยมนำมาใช้ตัดเป็นชุดฮันบกมีหลายแบบอาทิเช่น ผ้าแพร ผ้าไหม ผ้าป่าน และผ้าฝ้าย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถาพอากาศ เพราะเกาหลีเป็นประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น ในฤดูหนาวจึงมักสวมใส่ชุดที่ทำจากผ้าฝ้าย กางเกงยาวแบบมีสายรัดข้อเท้าเพื่อช่วยเก็บความร้อนให้ความอบอุ่นกับร่างกาย และในช่วงฤดูร้อนจะเลือกสวมใส่ชุดที่ทำจากผ้าป่านและผ้าแพร ที่มีคุณสมบัติช่วยในกระระบายความร้อนได้ดี

Cr. klook

เสื้อตัวนอกที่สวมใส่ทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยของผู้ชายเรียกว่านัมจาชอโกรี เป็นเสื้อนอกตัวยาวถึงระดับเอว ในขณะที่ของผู้หญิงจะมีลักษณะเป็นเสื้อตัวนอกที่มีความยาวถึงระดับอกและแขนเสื้อยาวถึงข้อมือ

Cr.garoopatternandcolour.tumblr

กระโปรงยาวที่มีลักษณะฟู มีความยาวคลุมถึงข้อเท้า ใส่ไว้ด้านในแล้วสวมทับด้วยชอโกรีอีกชั้นหนึ่ง

Cr. sites.google

กระโปรงชั้นในของผู้หญิง ใช้หรับสวมก่อนจะใส่ชีมาทับด้านนอก

Cr. BTS_twt

กางเกงขายาวสำหรับผู้ชาย มีความยาวถึงข้อเท้า

Cr. kculturefashion.tumblr

เสื้อตัวนอก ใช้สำหรับคลุมร่างกายเพื่อให้ความอบอุ่นเมื่ออยู่นอกบ้าน มีความยาวประมาณหน้าแข้ง หากเป็นในช่วงฤดูร้อนจะใช้คลุมศีรษะป้องกันแดดและลม สำหรับทั้งผู้ชายและผู้หญิงทั่วไป แต่เหล่าข้าราชการชั้นสูงหรือเหล่าขุนนางจะใช้สวมใส่ตลอดเวลา

Cr. ilikewallpaper

หมวกทรงสูงสำหรับผู้ชาย มีสีดำโปร่ง และมีเชือกสำหรับผูกใต้คาง ส่วนใหญ่ผู้ชายที่ใส่จะทำงานที่วัง หรือเป็นขุนนาง เวลาใส่หมวก ต้องทำม้วนผมไว้บนกระหม่อม (ทรงผมซังทู) มีผ้าคาดผ้าบนหัวแล้วค่อยสวมหมวกทับลงไป

Cr. japanese.joins

พีนยอคือปิ่นปักผมทั่วไปของผู้หญิง โดยใช้เป็นเครื่องประดับประจำตัว ขนาดของปิ่นและวัสดุที่ทำจะขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ใช้

เรียกว่า “ฮันบก” เป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมการแต่งกายที่ละเมียดละไมและปราณีตงดงามมากๆ เลยนะคะ เพราะปัจจุบันยังมีการนำมาดัดแปลงให้ทันสมัยได้อยู่เสมอ สมกับเป็นชุดประจำชาติของเกาหลีประเทศผู้นำด้านแฟชั่นจริงๆ ค่ะ

สามารถติดตามผลงานต่าง ๆ ของทาง Bareo ได้ที่ช่องทางเว็บไซต์ของ Bareo หรือทาง Facebook : Design by Bareo ที่จะคอยอัพเดทข่าวสาร งานดีไซน์ และผลงานการออกแบบตกแต่งภายในมากมาย ให้ท่านผู้อ่านได้รับความรู้ และความสนุกตลอดทั้งปี

ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก

mangporsudarat.blogspot
bdkmint
koreatraditional