Architecture & Sky ท้องฟ้ากับงานสถาปัตยกรรม
หนึ่งในธรรมชาติที่งดงามที่สุดในโลกก็คือ ‘ท้องฟ้า’ ของเรา ที่จะเปลี่ยนไปตลอดเวลาและไม่เคยหน้าตาเหมือนกันเลยสักวัน วันนี้ท้องฟ้าอาจจะสว่างสดใส วันถัดไปอาจจะกลายเป็นท้องฟ้าสีหม่น ดังนั้นการออกแบบที่เล่นกับท้องฟ้าจึงเป็นงานออกแบบที่ค่อนข้างจะยาก…แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเลย
ในวันนี้เราจะพาทุกท่านไปพบกับงานสถาปัตยกรรมที่เล่นกับท้องฟ้าในรูปแบบต่างๆ กันค่ะ
-The Sunset-
(Credit : http://www.pinterest.com)
Architecture : Salk Institute, United State
Architect : Louis Kahn
Salk Institute เป็นสถาบันวิจัยเกี่ยวกับชีววิทยาในสหรัฐอเมริกาที่ในปี 1962 นั้น Jonas Salk ผู้เป็นเจ้าของสถาบันได้เชิญ Louis Kahn ให้มาออกแบบห้องแล็บปฏิบัติการทั้งหมด 6 ชั้น (สูง 4 ชั้นและมีชั้นใต้ดินอีกสองชั้น) โดย Salk ต้องการให้สถาบันของเขาเป็นสถานที่ที่ทรงพลังและสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักวิจัย
อาคารทั้งสองข้างถูกออกแบบให้มีหน้าตาเหมือนกันราวกับกระจกสะท้อน สร้างจากคอนกรีตเปลือยและตกแต่งกรอบหน้าต่างด้วยไม้สัก พื้นที่ลานโล่งหรือ Courtyard ตรงกลางนั้นมีร่องน้ำที่ถูกเรียกว่า ‘River of Life’ ยาวตลอดแนวที่เมื่อยืนอยู่ที่สุดปลายของทางน้ำแล้วจะเหมือนกับว่าน้ำนั้นได้ไหลไปยังสุดขอบฟ้าที่เป็นมหาสมุทรแปซิฟิก
ยิ่งไปกว่านั้นคือในทุกปีจะมีเพียงวันที่เวลากลางวันและกลางคืนเท่ากันเท่านั้นที่เมื่อถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน ดวงอาทิตย์จะคล้อยต่ำลงมาตรงกับร่องน้ำอย่างพอดิบพอดี (โดยวันทั้งสองจะมีวันนึงอยู่ในเดือนมีนาคม ส่วนอีกวันอยู่ในเดือนกันยายน) แต่นอกจากสองวันนี้แล้ว วันอื่นๆ หากได้ลองมายืนที่มุมนี้ก็เป็นวิวที่สวยไม่แพ้กันทีเดียวเชียวล่ะค่ะ นับเป็นวิวที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องไปถ่ายรูปสักครั้งหากได้ไปเยือนที่ Salk Institute
-Light from the Sky-
(Credit : https://www.lonelyplanet.com)
Architecture : Louvre Abu Dhabi, Abu Dhabi
Architect : Ateliers Jean Nouvel
Louvre Abu Dhabi เป็น Museum ที่เปิดทำการในปี 2017 ตั้งอยู่ใน Abu Dhabi สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จุดเด่นของอาคารที่นอกจากจะตั้งอยู่ริมน้ำติดอ่าวเปอร์เซียแล้ว ยังมีหลังคาโค้งทรงกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 180 เมตรที่ครอบคลุมพื้นที่ 2 ใน 3 ของตัวอาคาร ที่สร้างให้เกิดบรรยากาศ ‘Rain of Light’ หรือแสงสว่างที่ถูกกรองผ่านช่องหลังคาและตกลงมาในอาคารราวกับฝนแห่งแสง ซึ่งในแต่ละวันแสงแดดที่ส่องเข้ามาจะไม่เหมือนกันเพราะต้องขึ้นอยู่กับปริมาณแสงอาทิตย์และอากาศในวันนั้นๆ
หลังคาของอาคารนี้นั้นสร้างจากโครงสร้างเหล็กที่ภายนอกและโครงอลูมิเนียมเมื่อเป็นโครงชั้นภายในสร้างเป็น Pattern รูปดาวเกือบ 8,000 ดวงโดยมีขนาดและการวางองศาต่างกัน วางซ้อนประกอบเป็นหลังคา 8 ชั้นที่มีการดีไซน์เพื่อให้สามารถกรองแสงอาทิตย์ที่จะเข้ามาในตัวอาคารได้อย่างสวยงามในเวลากลางวัน และกลับกันในเวลากลางคืนที่แสงจากภายในจะถูกส่องแสงให้เห็นลวดลายสลับซับซ้อนและงดงามราวกับดวงดาวของหลังคา
อาจจะสงสัยกันว่าถ้าแสงแดดผ่านเข้าไปได้แล้วเวลาฝนตกจะทำยังไงกันนะ? คำตอบคือระหว่างชั้นที่ 2 และ 3 ของหลังคาได้มีการใส่ฟิล์มใสเพื่อกันน้ำฝนแทรกเข้าไปด้วยนั่นเองค่ะ
(Credit : https://www.khaleejtimes.com)
ภาพบรรยากาศภายในอาคารที่มีฝนแห่งแสงตกเข้ามาในตัวอาคาร ราวกับหลุดเข้าไปอยู่ในโลกอีกแห่ง
-Beside the Sky-
(Credit : https://www.pinterest.com)
Architecture : Ribbon Chapel Hiroshima, Japan
Architect : Hiroshi Nakamura
แม้เมืองฮิโรชิมะจะถูกระเบิดปรมาณูทิ้งลงมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง สร้างความเสียหายมากมายให้กับเมืองทว่ากลับสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในปัจจุบัน ทั้งนี้ก็เพราะว่าเมืองฮิโรชิมะเป็น ‘เมืองแห่งน้ำ’ ที่มีแม่น้ำไหลผ่านถึง 6 สาย ช่วยชำระล้างให้เมืองกลายเป็นเมืองที่สามารถอยู่อาศัยได้อีกครั้ง
Ribbon Chapel Hiroshima เป็นโบสถ์ที่มีไว้สำหรับจัดงานแต่งงาน ตัวโบสถ์เป็นริบบิ้นสองเส้นพันหมุนวนเข้าไว้ด้วยกันราวกับจะรวมเป็นหนึ่งเดียวแฝงไว้เป็นความหมายดีๆ ที่ทำให้ที่นี่เหมาะที่จะเป็นสถานที่สำหรับจัดงานแต่งงาน
ยิ่งไปกว่านั้นเพราะตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ทำให้โบสถ์แห่งนี้สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ในทุกๆ วัน ตัวโบสถ์ที่เป็นสีขาวไม่แย่งความโดดเด่นจากท้องฟ้ายามเย็นทั้งยังช่วยส่งเสริมให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น สร้างบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติกให้กับคู่บ่าวสาวในวันพิเศษของทั้งคู่
-Sky View-
(Credit : https://travel.mthai.com)
Architecture : พาสาน นครสวรรค์, Thailand
Architect : Fars Studio
‘พาสาน’ เป็นจุดชมวิวใหม่ที่ตั้งอยู่ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดนครสวรรค์ สถานที่ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำสำคัญของไทยสี่สายจะไหลมารวมกันคือแม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน ซึ่งคำว่า ‘พาสาน’ นั้นก็มาจากคำว่า ‘ผสาน’ ไม่ว่าจะเป็นการผสานรวมกันของแม่น้ำ หรือจะเป็นการผสานเอาธรรมชาติ วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวปากน้ำโพมารวมเข้าไว้ใรที่เดียวกันนั่นเอง
ภายในตัวอาคารนั้นจะเป็นทางเดิน Slope และบันไดทอดยาวไปจนถึงสุดปลายของตัวอาคาร ที่เมื่อเดินอยู่ด้านในแล้วช่องเปิดชมวิวที่สุดปลายจะสาดแสงของพระอาทิตย์เข้ามา โดดเด่นเป็นจุดหมายให้เราเดินไปชม เวลาที่งดงามที่สุดที่จะไปชมวิวคือเวลาพระอาทิตย์ตกดิน ที่เราจะได้เห็นพระอาทิตย์กลมๆ บนท้องฟ้าสีแสดเคลื่อนตัวตกลงมาในแม่น้ำเจ้าพระยาของเรานั่นเอง
-Sky Reflection-
(Credit : http://telussky.com/gallery/)
Architecture : TELUS Sky, Canada
Architect : BIG
ตึกสูงระฟ้า TELUS Sky ขนาดกว่า 760,000 ตารางเมตรเป็นอาคารอเนกประสงค์สำหรับออฟฟิศและที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ที่กำลังก่อสร้าง ออกแบบโดย BIG สถาปนิกชื่อดังของโลกผู้มีแนวคิดการออกแบบที่แตกต่าง ทำให้อาคารไม่เป็นเพียงแค่อาคาร แต่เป็นสถานที่ซึ่งให้มนุษย์อยู่ร่วมกับโลกใบนี้ได้อย่างกลมกลืน
ยกตัวอย่างเช่นอาคารนี้ซึ่ง BIG ออกแบบให้ตัวอาคารเป็น Facade สะท้อนท้องฟ้าภายนอกราวกับอาคารกลืนไปเป็นส่วนหนึ่งของท้องฟ้า ทำให้ตัวอาคารไม่ทำลายทัศนียภาพของพื้นที่รอบๆ ส่วนล่างของอาคารเริ่มด้วยฐานสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก่อนจะเริ่มลดหลั่นและดัน Facade เข้าไปเพื่อให้อาคารเกิดส่วนโค้งที่อ่อนช้อยและการยื่นออกมาของหน้าต่างแต่ละชั้นทำให้เกิดพื้นที่ระเบียงที่สามารถออกมาชมวิวของท้องฟ้าและเมืองจากที่สูงได้อย่างงดงาม
เป็นยังไงกันบ้างคะกับสถาปัตยกรรมทั้งห้าแห่งที่ออกแบบมาให้เกี่ยวข้องกับท้องฟ้า เห็นแล้วอยากจะลองไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ เหล่านี้ให้เห็นกับตาเลยนะคะว่าแต่ละแห่งจะงดงามขนาดไหน
หากสถานที่ทั้งห้าแห่งนี้ยังไม่จุใจ สามารถเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์รวมบทความของเรา (หรือคลิ๊ก ที่นี่) เพื่อตามหาบทความที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ค่ะ
แล้วพบกันใหม่ในเดือนหน้า
สวัสดีค่ะ : )
เรื่องโดย THAN.T