Art Nouveau Architecture สถาปัตยกรรมแบบอาร์ตนูโว
ลวดลายอ่อนช้อย เส้นสายที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ ความงดงามที่ประณีตราวกับไม่ได้สร้างสรรค์ขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ ทั้งหมดนี่เป็นคำจำกัดความของคำว่า ‘Art Nouveau’ หนึ่งในยุคสมัยของศิลปะที่เกิดขึ้นหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ทำให้มนุษย์สามารถผลิตโลหะและกระจกขึ้นมาได้จนกลายเป็นวัสดุสำคัญของงานสถาปัตยกรรมยุคนี้นั่นเอง
เมื่อบวกกับสไตล์ Art Nouveau ทำให้งานสถาปัตยกรรมในยุคนั้นกลายเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจและอดไม่ได้ที่จะต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกสักสองสามภาพแน่ๆ หากได้พบเห็นในสมัยนี้
และวันนี้เราจะแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จัก 5 สถาปัตยกรรมชื่อดังแห่งยุค Art Nouveau อยากจะลองทายกันดูสักหน่อยไหมคะว่าจะมีที่ไหนกันบ้าง?
ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก….
หากใครทายเสร็จแล้วก็เลื่อนลงไปข้างล่างดูกันเลยดีกว่าค่ะ ว่างานสถาปัตยกรรมทั้งห้ามีที่ไหนตรงกับที่ทุกท่านได้ทายเอาไว้ในใจรึเปล่า : )
(ตัวอย่างภาพงาน Art Nouveau ที่ทำมาจากเหล็กดัดและงานกระจก)
– Casa Batlló –
(Credit : en.wikipedia.org)
Location : Baecelona, Spain
Architect : Antoni Gaudí
หากจะพูดถึงงานสถาปัตยกรรมยุค Art Nouveau ก็คงต้องนึกถึง Casa Batlló ที่ออกแบบโดย Antoni Gaudí เป็นอันดับแรกๆ บ้านหลังนี้แต่เดิมเป็นบ้านของตระกูล Baltlló พ่อค้าผ้าผู้มั่งคั่งที่ได้เชิญมา Renovate จนกลายเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของโลกด้วยรูปร่างของอาคารที่เต็มไปด้วยส่วนโค้ง โครงสร้างที่ดูแล้วคล้าย
กระดูก ส่วนหลังคาที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากมังกร และงานตกแต่งภายในล้วนเป็นส่วนที่ทำให้ผู้คนยอมต่อคิวยาวเหยียดเพื่อไปเข้าไปสัมผัสบรรยากาศความแฟนตาซีในโลกแห่งความเป็นจริงแห่งนี้
บริเวณ Facade ของอาคารตกแต่งด้วยกระเบื้องหลากสีที่ถูกทุบจนเป็นชิ้นเล็กๆ นำมาฝั่งลงไปในผนังปูนจนเกิดเป็นลาย mosaic ที่วิจิตรงดงามราวกับงานศิลปะ ไปจนถึงหลังมังกรที่ไล่สีกระเบื้องขึ้นไปถึงส่วนบนสุดยามที่แสงตกกระทบดูแล้วเหมือนเกล็ดบนหลังมังกรที่มีชีวิตจริงเลยทีเดียว และเมื่อเข้ามาภายในตัวอาคารก็จะ
พบกับการตกแต่งที่น่าพิศวงยิ่งกว่า…
ภายในอาคารจะเน้นการตกแต่งที่เต็มไปด้วยส่วนโค้งเว้าหรือเลื้อยไหลชวนให้แปลกตา ทั้งประตูและบานหน้าต่างรูปทรงตกแต่งด้วยกระจกสีอย่างมีเอกลักษณ์ รวมไปถึง Noble Floor หรือชั้นที่มีฝ้าเพดานที่ดูราวกับผืนผ้าที่ถูกม้วนและมีโคมไฟหน้าตาแปลกตาอยู่ที่ใจกลางฝ้าเพดาน เป็นอีกหนึ่งจุดที่ทุกคนที่ไปถึงบาเซโลน่าควร
ไปเยี่ยมเยือน
– Vienna Secession –
Location : Vienna, Austria
Architect : Joseph Maria Olbrich
“To every age its art, to every art its freedom” เป็นวลีที่ถูกติดอยู่ด้านหน้าของอาคาร Vienna Secession ที่ในอดีตเป็นสถานที่สำหรับศิลปินกลุ่ม Secession มาพบปะกัน โดยจุดเด่นของอาคารแห่งนี้นอกจากจะเป็นสไตล์ Art Nouveau ดั้งเดิมแล้วยังเป็นสไตล์ Secessionist อีกด้วย
‘Secessionist’ เป็นคำนิยามของสไตล์ Art Nouveau ที่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายเยอรมันที่มีความเคร่งขรึมและหนักแน่นอยู่ด้วย ทำให้อาคาร Vienna Secesion เป็นอาคารที่ผสมผสานกันระหว่างความอ่อนช้อยของ Art Nouveau เข้ากับความเรียบง่ายทว่าน่าเกรงขามของสไตล์เยอรมันได้อย่างลงตัว
(Credit : www.wien.info/en)
จุดเด่นของอาคารแห่งนี้คือโดมสีทองที่อยู่ด้านบน หากมองเข้าไปใกล้ๆ แล้วจะพบว่าตัวโดมทำจากเหล็กดัดเป็นทรงใบไม้และพ่นสีทองราว 3,000 ใบ นำมาประกอบเข้าด้วยกันจนเป็นโดมขนาดใหญ่ที่โดดเด่นเป็นสง่าอยู่เหนืออาคาร
นอกจากนี้บริเวณประตูทางเข้ายังมีรูปปั้นหน้าเมดูซ่าที่มีผมเป็นงูอยู่สามหัวอยู่ราวกับเป็นผู้เฝ้าคนที่จะผ่านเข้าประตู พื้นหลังของเมดูซ่าทั้งสามเป็นลวดลายเซาะร่องเป็นรูปดอกไม้ทาสีทองบนพื้นผิว ในขณะที่ส่วนที่ริมอาคารทั้งสองด้านก็ถูกทำให้เป็นร่องและลงสีดำเอาไว้ตามร่องแทนทำให้เกิดเป็นลวดลายสวยงามน่าประทับ
ใจและบาลานซ์โทนสีของทั้งอาคารให้เกิดความลงตัว
– Castel Béranger –
(Credit : craftsdigger.com)
Location : Paris, France
Architect : Hector Guimard
Castel Béranger เป็นงานสถาปัตยกรรมแห่งแรกของ Hector Guimard สถาปนิกชาวฝรั่งเศสที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Hotel Tassel ของ Victor Horta (ซึ่งจะพูดถึงในไม่ช้านี้) จึงโน้มน้าวลูกค้าที่จ้างเขาให้ออกแบบ Apartment จำนวน 6 ชั้นจากสไตล์ดั้งเดิมให้เป็นสไตล์ Art Nouveau ซึ่งเมื่อโปรเจคนี้ถูกทำออกมาจน
เสร็จก็ทำให้ Hector Guimard โด่งดังขึ้นมาในฐานะสถาปนิกแห่งยุค Art Nouveau นั่นเอง
โปรเจคนี้นอกจากส่วนประดับตกแต่งบนอาคารแล้ว ที่โดดเด่นที่สุดก็คงจะเป็นประตูทางเข้าที่ออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์ทั้งเส้นสาย ลวดลายและการใช้สี บริเวณเสาทั้งสองข้างตกแต่งให้เป็นเถาวัลย์เลื้อยจากทั้งด้านบนและด้านล่าง รายละเอียดงานปั้นถูกทำขึ้นมาอย่างประณีตให้เป็นสีเดียวกับเสาเพื่อดึงประตูเหล็กดัดที่อยู่ตรง
กลางให้โดดเด่นขึ้นมามากกว่าเดิม
แต่ไม่ใช่แค่ข้างนอกเท่านั้น เมื่อมองผ่านช่องประตูเหล็กดัดบานสวยแปลกตาที่ควรค่าแก่การหยุดชมดูเข้าไปแล้ว ก็จะพบกับโถงทางเดินที่ตกแต่งได้งดงามอลังการไม่แพ้กัน
(Credit : craftsdigger.com)
ที่ด้านในนั้นจะใช้วัสดุตัวเดียวกับบริเวณประตูทางเข้าคือเหล็กดัดทาสีที่ดัดให้เลื้อยเป็นเส้นสายที่ดูอ่อนช้อยและสนุกสนานคล้ายดอกไม้ และใช้แผ่นโลหะสีทองแดงเป็นตัวช่วยให้บรรยากาศภายในดูสว่างขึ้นเมื่อสะท้อนแสงที่ลอดผ่านประตูรั้วเข้ามาจากภายนอก ผนังถูกปั้นขึ้นมาราวกับเป็นผลงานศิลปะที่ให้ผู้อยู่อาศัยสามารถ
เพลิดเพลินในระยะทางการเดินสั้นๆ จากประตูรั้วเข้าไปถึงประตูของอาคารนั่นเอง
ไม่เพียงแค่งานภายนอกเท่านั้น Hector Guimard ยังออกแบบงานภายในให้เป็นสไตล์เดียวกันโดยทั้งราวบันได ประตูหน้าต่าง วอลเปเปอร์ รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในบ้านเขาก็ดีไซน์ขึ้นมาอย่างพิถีพิถันทุกดีเทล ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยใช่ไหมล่ะค่ะว่าทำไมสถาปนิกผู้นี้ถึงกลายเป็นหนึ่งในนักออกแบบโด่งดังแห่ง
ยุคขึ้นมาได้
– The Paris Metro Entrance (Edicule Porte Dauphine) –
Location : Paris, France
Architect : Hector Guimard
ความโด่งดังของ Hector Guimard ทำให้เขามีโอกาสได้ออกแบบทางเข้าออกสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่กำลังจะเริ่มใช้งานครั้งแรกของปารีส หรือ อาจรู้จักกันดีในชื่อ Metropolitain ที่กลายเป็นสถานที่อนุรักษ์ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และจุดท่องเที่ยวสำคัญที่มีอยู่ในทุกเขตของปารีสมาจนถึงทุกวันนี้
งานดีไซน์ทางเข้าออกของ Hector Guimard จะเน้นการใช้เหล็กและกระจกซึ่งในยุคนั้นถือว่าเป็นวัสดุที่ใหม่ที่ราคาไม่สูงเท่าการก่ออิฐเพราะโรงงานอุตสาหกรรมสามารถผลิตชิ้นส่วนที่หน้าตาเหมือนๆ กันได้อย่างรวดเร็วและประหยัดกว่าเพราะทำแม่พิมพ์แค่ครั้งเดียว และตัววัสดุก็ยังไม่เป็นที่นิยมกันในวงกว้างมากนัก ดังนั้น
เมื่อบวกเข้ากับงานออกแบบที่เต็มไปด้วยดีเทลตามแบบฉบับของ Art Nouveau รวมถึงดีเทลเล็กๆ น้อยๆ อย่างฟ้อนต์ตัวอักษรที่ออกแบบมาโดยเฉพาะก็ทำให้ทางเข้าต่างๆ ในปารีสโดดเด่นและกลายเป็นจุดสนใจของชาวปารีส
น่าเสียดายที่เป็นเพราะเวลาผ่านมานาน ทั้งตัวทางเข้าออกยังตั้งอยู่กลางแดดกลางฝนกลางหิมะ ทำให้ทางเข้าออกส่วนหนึ่งเสียหายไปตามกาลเวลา แต่ส่วนที่เหลือนั้นปัจจุบันได้ถูกอนุรักษ์และบูรณะขึ้นมาใหม่เพื่อให้เอกลักษณ์ของปารีสเหล่านี้คงอยู่ต่อไปอีกนานแสนนาน
– Hotel Tassel –
(Credit : pixdaus.com)
Location : Brussel, Belgium
Architect : Victor Horta
และ หนึ่งในที่สุดแห่งงานสถาปัตยกรรมสไตล์ Art Nouveau ที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดก็คือโถงบันไดของโรงแรม Hotel Tassel ที่ออกแบบโดย Victor Horta สถาปนิกและนักออกแบบชาวเบลเยี่ยม หนึ่งในผู้ริเริ่มสไตล์ Art Nouveau ขึ้นมาและอาคารแห่งนี้ก็ถูกขนานนามว่าเป็นอาคารสไตล์ Art Nouveau แห่งแรกนั่นเองค่ะ
อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ Hotel Tassel เป็นแรงบันดาลใจให้ Hector Guimard ก้าวเข้าสู่เส้นทางสาย Art Nouveau ด้วยความอลังการและแปลกใหม่ เป็นไปได้ว่ามุมที่จุดประกายแรงบันดาลใจให้เขาอาจเป็นมุมโถงบันไดนี้ก็ได้นะคะ
โถงบันไดแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นมุมมหานิยมและภาพที่ไม่ว่าใครที่สนใจงานสไตล์ Art Nouveau ต้องเคยเห็นผ่านตากันมาบ้าง ด้วยดีไซน์ที่เต็มไปด้วยเส้นโค้งที่อ่อนช้อยและดีเทลของเส้นที่ไล่ขึ้นมาตั้งแต่โมเสคบนพื้นลวดลายบริเวณผนัง ทรงบันไดไปจนถึงจุดเด่นอย่างเสาโครงสร้างและราวบันไดเหล็กดัด ทั้งหมดล้วนใช้
แพทเทิร์นเส้นแบบเดียวกันทำให้งานเกิดความกลมกลืนและลงตัว อีกทั้งโถงบันไดนี้ยังเกิดขึ้นได้เพราะ Victor Horta จัดการเปลี่ยนแปลน…ที่เรียกได้ว่ารื้อแปลนเดิมของอาคารในเบลเยี่ยมโดยสิ้นเชิง ทำให้แปลนอาคารเปิดโล่งและรับแสงจากภายนอกเข้ามาในตัวอาคารมากขึ้น ทำให้แม้ว่าจะมีดีเทลและลวดลายมากมายก็ไม่
ทำให้บรรยากาศภายในตัวอาคารอึดอัดแม้แต่น้อย และนั่นก็ทำให้อาคารนี้เป็นหนึ่งในสี่อาคารที่โด่งดังที่สุดในเบลเยี่ยมมาจนถึงทุกวันนี้
และนี่ก็คือ 5 สถาปัตยกรรมแบบอาร์ตนูโว ที่เรานำมาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกันในวันนี้ค่ะ แค่ดูภาพก็รู้สึกถึงความวิจิตรงดงามกันเลยใช่ไหมล่ะค่ะ : )
หากยังอยากดื่มด่ำกับสไตล์ Art Nouveau มากกว่านี้ สามารถเข้าไปชมบทความอื่นๆ ได้ที่หน้าเว็บไซต์รวมบทความของเรา (หรือคลิ๊ก ที่นี่) เพื่อตามหาบทความที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ค่ะ
แล้วพบกันใหม่ในเดือนหน้า
สวัสดีค่ะ : )
Than.T