ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง… ตัวอาคารนั้นจะสวยล้ำแซงตึกอื่นขึ้นมาได้ต้องอาศัย Facade
‘FAÇADE’ คำคำนี้เป็นคำภาษาอังกฤษที่แปลว่าหน้าตาของอาคาร หรือส่วนหน้าของอาคารที่หัน หน้าออกไปทางถนน และถ้าหากพูดถึงในเชิงของสถาปัตยกรรมจะหมายถึงส่วนตกแต่งด้านนอกอาคาร ที่สถาปนิกมักจะเล่นลูกเล่นสวยงาม แปลกตาหรือเรียบหรูเอาไว้เพื่อให้อาคารนั้น ๆ โดดเด่นเป็น เอกลักษณ์ขึ้นมานั่นเอง
หลาย ๆ ท่านคงจะเคยมองอาคารนู้น ตึกนี้แล้วเกิดความรู้สึก ‘ว้าว สวยจัง!’ หรือ ‘โอ้โห ไม่เคย เห็นมาก่อนเลย’ มากันบ้างใช่มั้ยล่ะคะ ทั้งหน้าตาดูดี มีสีสัน การเล่นกับเส้นแพทเทิร์นหรือแม้แต่ฟอร์ม แปลก ๆ ก็มีให้เห็นกันมากขึ้นในปัจจุบัน
แต่ เอ… แล้วเจ้า Facade ของแต่ละอาคารเนี่ย เขาทำขึ้นมาให้เป็นแบบนั้นเฉย ๆ หรือว่ามันจะมี เรื่องเล่าเรื่องราวอยู่เบื้องหลังหน้าตาที่โดดเด่นกันแน่นะ? ในวันนี้เราได้คัดอาคารที่มี facade แปลกตา และมีเรื่องราวเบื้องหลังหน้าตาเหล่านั้นมาฝากกันค่ะ
Knowledge Center of Chachoengsao (KCC)
(PHOTO CREDIT : http://www.museumthailand.com/kcc)
เริ่มด้วยอาคารในประเทศอย่าง อาคาร KCC หรือศูนย์การเรียนรู้ฉะเชิงเทรา กันก่อนเลยค่ะ อาคารหลังนี้ออกแบบโดย รศ.ดร.ต้นข้าว ปาณินท์ และคุณธนาคาร โมกขะสมิต ซึ่งฟังก์ชั่นการใช้สอย ของอาคารนี้ก็คือห้องสมุดสาธารณะค่ะ ห้องสมุดที่ดูหน้าตาหวือหวาเล็ก ๆ แห่งนี้มีเบื้องหลังหน้าตา อาคารอย่างตรงไปตรงมา พอจะเดากันได้มั๊ยคะ? ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก…
เฉลยดีกว่า… หน้าตาของอาคารหลังนี้ก็เหมือนกับ ‘หนังสือที่วางซ้อนกัน’ นั่นเองค่ะ
แหม… ก็เป็นห้องสมุดนี่นะก็เลยเอาหนังสือมาเล่นให้กลายเป็น Facade ของอาคารซะเลย แต่ก็ ไม่ใช่แค่เอาฟอร์มหนังสือมาทำเป็นตัวอาคารตรง ๆ เลยอย่างเดียวนะคะ การเลือกใช้ระแนงตกแต่ง เป็น Facade และสาเหตุที่มีมุมหลบเข้าและยื่นออกก็เพื่อกรองแสงอาทิตย์และความร้อนที่จะเข้าไปใน ตัวอาคารให้น้อยลง เพราะเจ้าแสงอาทิตย์เนี่ยล่ะ ศัตรูตัวร้ายของเหล่ากระดาษหนังสือทั้งหลายเลย ดัง นั้นการออกแบบตัวอาคารให้ป้องกันแสงอาทิตย์แบบนี้จึงเป็นวิธีการรักษาสภาพหนังสือให้อยู่ได้นานค่ะ
นอกจากนี้สถาปนิกยังตั้งใจทำหน้าตาอาคารเป็นแบบนี้ เพื่อทำให้อาคารดูไม่เป็นกล่องตันที่ดูทึบ ภายในตัวอาคารยังมีโถงกลางอาคาร เพื่อดึงแสงธรรมชาติลงมาในตัวอาคารอย่างทั่วถึงด้วยนั่นเอง
Moving Landscape, Ahmedabad
(PHOTO CREDIIT : https://www.archdaily.com)
ต่อมาคือ Moving Landscape โดย Matharoo Associates ตั้งอยู่ในประเทศอินเดีย
บ้านหลังนี้ดูเผิน ๆ อาจะเหมือนบ้านเรียบ ๆ ทั่วไปที่ผนังทำจากหิน แต่อันที่จริงแล้ว Facade ของ อาคารหลังนี้นั้น ‘ขยับได้’
การขยับของ Façade ที่ว่าเนี่ยขยับด้วยการหมุนและการเลื่อนค่ะ ถ้าหากมองตอนที่ปิดสนิทแล้วล่ะ ก็จะเห็นเป็นผนังหินขัดสวยสีน้ำตาลส้มเรียบ ๆ แต่พอขยับแล้วก็ทำให้ตัวอาคารเกิดหน้าตาใหม่ขึ้นมา มีมิติของแสงเงาและความลึกของอาคารที่จะเปลี่ยนไปทุกครั้ง ตามการขยับที่ต่างกันและผนังนี้ก็ สามารถขยับได้ตามใจชอบ ควบคุมได้ด้วยสวิชต์ที่อยู่ในบ้าน เมื่อเปิดออกมาแล้วก็จะพบกับผนัง กระจกที่ดูเบาตัดกับตัวผนังหินด้านหน้า
ภายในบ้านหลังนี้ก็ตกแต่งด้วยวัสดุที่เป็นหินเช่นกันค่ะ เพราะแรงบันดาลใจของบ้านหลังนี้มาจาก ป่าหิน หรือ Fossilized Landscape ที่เป็นเนินทรายกว้างที่มีซากหินซากต้นไม้โบราณอยู่…นี่ก็ไม่รู้ เหมือนกันนะคะเนี่ยว่าอะไรดลใจให้เจ้าของบ้านหรือดีไซน์เนอร์เลือกที่จะใช้ธีมนี้เป็นคอนเซ็ปต์ของ บ้าน แต่ยังไงก็ตามแต่ Facade ของบ้านที่สามารถขยับได้เนี่ย… เท่ห์ไม่หยอกเลยใช่มั้ยล่ะคะ : )
Azurem campus, University of Minho
(PHOTO CREDIT :https://www.domusweb.it)
อาคารวิจัยของ University of Minho ที่ตั้งอยู่ในประเทศโปรตุเกส วิทยาเขต Azurem campus อาคารเป็นสีเขียวอ่อนที่มีช่องเปิดมากมายที่ได้ไอเดียมาจากรูปทรงของ ‘ท่อนาโนไทเทเนียม’ Nano Titenium เป็นโครงสร้างทางเคมีที่สามารถนำไปประยุกต์เพื่อทำเป็นวัสดุต่าง ๆ ได้หลากหลาย แล้วสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หลายครั้ง
Claudio Vilarinho สถาปนิกผู้ออกแบบตึกนี้กล่าวว่า ที่ใช้ท่อนาโนไทเทเนียมมาเป็นไอเดียใน การออกแบบและการใช้สีของอาคารเป็นสีเขียวอ่อนซึ่งดูโดดขึ้นมาจากตึกอื่น ๆในวิทยาเขตที่เป็น อาคารสีเทานั้น ก็เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงภาวะสิ่งแวดล้อมของโลก ตัววัสดุที่ใช้ทำ Facade นั้นทำ มาจากซีเมนต์และไมโครไฟเบอร์ (Microfiber) เพื่อป้องกันสนิมและรอยร้าว อีกทั้งตัว Facade เองก็เป็น เปลือกด้านนอกที่มีช่องว่างห่างจากผนังภายในออกมา ทำให้อาคารวิจัยแห่งนี้สามารถระบายอากาศ และลดความร้อนที่จะเข้าสู่ตัวอาคารได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้การเจาะช่องวงกลมที่คละขนาด และรูปทรงนั้นยังช่วยดึงแสงธรรมชาติจากภายนอกเข้า สู่ตัวอาคาร เพื่อเป็นอีกหนึ่งวิธีของการประหยัดพลังงาน ซึ่งตรงกับคอนเซ็ปต์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของ อาคารวิจัยแห่งนี้อีกด้วย