SMALL AND COZY

     ในปัจจุบันออฟฟิศไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่เพื่อรองรับพนักงานทั้งหมดอีกต่อไป เพราะทุกวันนี้มีสถานที่ที่เรียกว่า Co-working Space หรือ Home Office ที่เป็นการทำงานนอกสถานที่หรือที่บ้านของตัวเอง ดังนั้นออฟฟิศจึงไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่แต่จำเป็นต้องน่าอยู่น่าทำงาน สำหรับคนที่จะมาใช้พื้นที่อยู่ในออฟฟิศวันละอย่างน้อย 8 ชั่วโมง

     ออฟฟิศขนาดเล็กไม่ใช่ปัญหา ใครอาจคิดว่าพื้นที่เล็กๆ ไปอยู่ก็อึดอัดน่ะสิ! แต่จริงๆ แล้วถ้าหากเรามีการตกแต่งที่ถูกวิธี จากน่าอุดอู้ก็สามารถกลายเป็นน่าอยู่ได้ และในวันนี้เราก็จะมาแนะนำ 7 กลยุทธ์ง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้เองได้ เชื่อว่าจะทำให้พื้นที่ทำงานของคุณน่าทำงานมากขึ้นแน่นอนค่ะ 🙂

Photo Credit : www.pinterest.com

Photo Credit : www.officesnapshots.com

กลยุทธ์ที่ 1 : Partition กั้นแทนผนัง

     ในพื้นที่ที่จำกัดบางครั้งการกั้นผนังทึบอาจทำให้พื้นที่ดูอึดอัด ดังนั้นการเลือกที่จะปล่อยให้เป็นพื้นที่เปิดจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่ในขณะเดียวกันเวลาทำงานทุกคนก็ต้องการความเป็นส่วนตัว ดังนั้นแทนที่จะกั้น Space ด้วยผนังทึบ ลองหันมากั้นด้วย Partition ที่ดูโปร่ง เบาและสามารถเคลื่อนย้ายได้ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลยค่ะ

     ตัว Partition เนี่ยไม่ได้มีแค่ไม้ตกแต่งอย่างเดียวนะคะ แม้ว่าโดยมากแล้วจะชอบทำด้วยแผงกั้นไม้แผ่นทึบหรือฉลุลายให้ดูโปร่ง แต่ในบางออฟฟิศอาจจะประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ ด้วยการทำให้กลายเป็นไวท์บอร์ดเคลื่อนที่ หรือเป็น Partition เนื้อไม้คอร์กเพื่อปักหมุนงานและประกาศต่างๆ หรือว่าเจ้า Partition เนี่ยก็อาจทำมาจากวัสดุอื่นๆ เช่นผ้าให้กลายเป็นม่านกั้นโซน เหล็กเส้นระแนงเพิ่มลูกเล่นให้กับห้องนั้นๆ กระจกขุ่นที่กั้น Space แต่ยังทำให้แสงจากหน้าต่างของห้องส่งเข้ามาถึงโต๊ะทำงานได้นั่นเองค่ะ

Photo Credit : www.homedsgn.com

Photo Credit : proyectos.habitissimo.es

Photo Credit : hackthehut.com

กลยุทธ์ที่ 2 : กระจกใสมองวิวนอกห้อง

     สมัยเราเด็กๆ อาจเคยเห็นภาพของผู้ใหญ่ในบ้านนั่งทำงานริมหน้าต่าง เราก็สงสัยว่าทำไมต้องไปนั่งริมหน้าต่างด้วยหนอ ทำไมไม่เปิดไฟทำงานดีๆ กันเล่า แต่พอโตขึ้นมาก็ถึงเข้าใจค่ะ ว่าการทำงานบางครั้งเวลาเราอยู่กับหน้าจอหรือเอกสารนานๆ ถ้าหากเงยหน้าขึ้นมามองเห็นวิวจากข้างนอก มองเห็นจังหวะชีวิตของคนข้างนอกที่ต่างจากเรา ได้รับแสงจากธรรมชาติจริงๆ รู้ว่าวันนี้แดดจ้าหรือฟ้าครึ้มทั้งหมดนี่ก็นับเป็นการผ่อนคลายอย่างนึงเหมือนกันค่ะ

     สำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก การมีหน้าต่างขนาดใหญ่กว่าปกติหรือมากกว่าปกติจะทำให้ห้องดูปลอดโปร่งขึ้น เช่น ถ้าเราเพิ่มความสูงของบานกระจกก็จะทำให้เรารับแสงจากภายนอกได้มากขึ้น หรือถ้ามีหน้าต่างยาวเป็นแถบไปตามแนวห้องก็จะทำให้มองเห็นวิวจากด้านนอกมากขึ้น ซึ่งช่วยเปลี่ยนบรรยากาศจากงานตรงหน้าของเราไปได้นั่นเอง

     แต่ว่า!! สำหรับประเทศเมืองแดดจ้าอย่างประเทศไทย ขอแนะนำว่าก่อนจะใช้กลยุทธ์นี้ดูทิศของห้องก่อนนะคะ ถ้าหน้าต่างอยู่ทางทิศเหนือหรือตะวันออกจะเวิร์กกว่าทางทิศใต้และตะวันตก เพราะสองทิศหลังนี้จะไม่ได้มาแค่แสงแดดแน่ๆ ค่ะ แต่จะพาความร้อนเข้ามาด้วย ทำให้พื้นที่เล็กๆ ของเราอยู่ไม่สบาย ถึงจะใช้ม่านโปร่งหรือมู่ลี่มากั้นแต่ความร้อนก็จะดื้อด้านเข้ามาในห้องอยู่ดี เพราะฉะนั้นทางที่ดีอย่าลืมดูทิศก่อนติดกระจกกันนะคะ!

Photo Credit : www.homedit.com

Photo Credit : cityfarmhouse.com

Photo Credit : www.pinterest.com

กลยุทธ์ที่ 3 : กระจกเงาช่วยเพิ่มมิติให้กับห้อง

     ถ้าหากห้องมีขนาดเล็ก แถมยังไม่มีด้านที่ติดกับข้างนอกทำให้ใช้หน้าต่างบานใหญ่ไม่ได้ละจะทำยังไง?

     โอ้โหถ้าหากมาในกรณีนี้ เรื่องแสงคงต้องพึ่งพาแสงจากหลอดไฟแล้วล่ะค่ะ แต่ถ้าเป็นเรื่องของขนาดห้องแล้วละก็ ในกลยุทธ์ที่ 3 ของเรานี้ขอแนะนำให้เอากระจกเงามาตั้งไว้เพื่อเพิ่มมิติให้กับห้องค่ะ กระจกเงาที่เอามาตั้งอาจจะเป็นกระจกเงาเต็มบานก็ได้ หรืออาจจะเป็นกระจกเงาที่มีลูกเล่นก็ดี คุณสมบัติของกระจกเงาคือการสะท้อน ซึ่งคุณสมบัตินี้จะช่วยทำให้ห้องดูกว้างขึ้นเหมือนเป็นการลวงตา อีกทั้งยังสามารถสะท้อนแสงไฟให้ห้องช่วยให้ห้องสว่างขึ้นได้ด้วยค่ะ

     เพิ่มเติมเรื่องแสงไฟนะคะ หลอดไฟที่เราใช้กันเนี่ยปกติแล้วจะมีอยู่สองประเภทคือ Warm White หรือแสงเหลือง เหมาะกับ พื้นที่พักผ่อนและผ่อนคลาย อีกประเภทคือ Daylight หรือแสงฟ้าที่เหมาะสำหรับการทำงาน เพราะจะช่วยให้เราโฟกัสกับงานได้ดีกว่า การเลือกใช้ไฟแต่ละสีเองก็มีผลต่อบรรยากาศในห้องนะคะ ยิ่งถ้ามีกระจกมาสะท้อนช่วยเพิ่มแสงแล้ว ต้องเป็นห้องทำงานที่มีบรรยากาศน่านั่งมากแน่ๆ เลยค่ะ 🙂

Photo Credit : http://vurni.com

Photo Credit : http://vurni.com

Photo Credit : http://gypsy.ninja

กลยุทธ์ที่ 4 : เฟอร์นิเจอร์สารพัดประโยชน์ (Multi-Function)

     ในพื้นที่ที่จำกัด การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้มากกว่าหนึ่งอย่าง ถือเป็นอีกกลยุทธ์ที่ช่วยประหยัดพื้นที่เลยล่ะค่ะ ซึ่งตัวเฟอร์นิเจอร์นี้อาจไม่ใช่โต๊ะทำงานตัวหลักของเรา (ไม่อย่างนั้นเราต้องเก็บโต๊ะทำงานวุ่นวายทุกวันแน่ๆ เลย) แต่อาจจะเป็นโต๊ะรับแขก หรือ โซฟาพักผ่อนที่ไม่ได้ใช้ตลอดเวลา

     การใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีหลายฟังก์ชันนอกจากสร้างสีสันและลูกเล่นให้กับห้องแล้ว ยังสามารถประยุกต์หรือปรับใช้ได้ในหลายสถานการณ์ตามขนาดพื้นที่ เพราะตัวเฟอร์นิเจอร์ถูกออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน ดังนั้นจึงไม่ต้องคิดให้ปวดหัวเวลาจัดห้องทำงานใหม่หรือย้ายของเปลี่ยนบรรยากาศ เพราะไม่ว่าจะไปอยู่ตรงไหนเจ้าเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ก็สามารถปรับตัวให้เป็นประโยชน์ได้แทบจะทุกสถานการณ์อยู่แล้ว 🙂

 

Photo Credit : www.decoist.com

Photo Credit : www.decoist.com

Photo Credit : www.pinterest.com

กลยุทธ์ที่ 5 : Space Arranging พื้นที่ห้องและการจัดวาง

     การจัดวางเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นในห้องก็มีผลต่อ Space ว่าจะทำให้ห้องดูกว้างหรือดูเกะกะ ยกตัวอย่างเช่นโต๊ะทำงาน บางคนอาจชอบตั้งไว้กลางห้อง บางคนชอบตั้งติดริมกำแพง ในขณะที่บางคนอาจจะตั้งแนวทะแยงให้ตัวเองหันหลังชนมุม ทั้งนี้การจัดวางเองก็ขึ้นอยู่กับความพอใจส่วนตัวและรูปทรงของห้อง

     ถ้าหากห้องเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่กว้างไม่มากแล้วละก็ การวางโต๊ะทำงานไว้ที่สุดปลายข้างนึงอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าวางไว้กลางห้อง เพราะการเว้นกลางห้องที่มีความกว้างไม่มากไว้เป็นที่เดิน (Circulation) จะทำให้การใช้งานห้องสะดวกกว่า ในขณะเดียวกันหากห้องเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส การวางโต๊ะทำงานให้ห่างออกจากผนังมาเล็กน้อยจะลดความอึกอัดของโต๊ะทำงานลง เป็นต้น

Photo Credit : www.designspiration.net

Photo Credit : i.pinimg.com

Photo Credit : www.instagram.com

กลยุทธ์ที่ 6 : Colour and Materials

     กลยุทธ์ไม่ลับเกี่ยวกับการเลือกใช้สีและวัสดุที่จะมาตกแต่งออฟฟิศ หากจะให้แนะนำทั่วไปเราก็คงจะแนะนำให้ใช้สีโทนอ่อน เช่น ขาว เทา ครีมและวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นทุกออฟฟิศอาจดูหน้าตาเหมือนกันหมด ดังนั้นจริงๆ แล้วการเลือกใช้สีจึงมาจากความพึงพอใจส่วนตัวค่ะ เพียงแต่เวลาเลือกใช้สีใดสีหนึ่งไม่ควรใช้สีนั้นเพียงสีเดียว เพราะจะทำให้ภาพที่เห็นในห้องทำงานดูจำเจ

     คำแนะนำก็คือใช้สีมากกว่า 1 สี ให้ห้องดูสดใส หรือหากอยากใช้สีเพียงสีเดียวให้ใช้วัสดุอื่นๆ เข้ามาตัดความเลี่ยน เช่น ใช้ไม้ เหล็ก อลูมิเนียมหรือกระจกใสที่มีสีต่างจากสีพื้นที่ใช้อยู่ จะสร้างมิติของห้องให้ดูอบอุ่นและน่าอยู่มากขึ้นนั่นเองค่ะ

Photo Credit : http://www.livingly.com

Photo Credit : www.apartmenttherapy.com

Photo Credit : www.marthastewart.com

กลยุทธ์ที่ 7 : Private little space พื้นที่อบอุ่นส่วนตัวเล็กๆ

     กลยุทธ์สุดท้ายในวันนี้นะคะ คือการมี Private Space ส่วนตัวบนโต๊ะทำงานเพื่อผ่อนคลายตัวเองจากงานที่ทำอยู่ค่ะ บางคนอาจชอบปลูกต้นไม้ บางคนอาจมีแผงกระดานติดรูปคนสำคัญ ในขณะที่บางคนอาจชอบต่อหุ่นยนต์หรือวางฟิกเกอร์ตัวการ์ตูน การจัดมุมเล็กๆ บนโต๊ะทำงานไว้เป็นพื้นที่สำหรับสิ่งที่เราชื่นชอบ ทำให้เราสามารถเพลิดเพลินอยู่บนโต๊ะทำงานได้นานขึ้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมาใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีเพื่อมองหรือเล่นกับสิ่งที่ตัวเองชอบแล้ว ก็เหมือนจะได้กำลังใจในการทำงานต่อใช่ไหมละคะ

     แต่ทริคสุดท้ายนี้ ไม่แนะนำให้มุมเล็กๆ เป็นมุมที่เข้าสู่โลกส่วนตัวของตัวเองนะคะ เช่นวางโทรศัพท์ไว้แล้วเล่นโซเชียลเพื่อผ่อนคลาย หรือวางหนังสือไว้เพื่ออ่านเปลี่ยนบรรยากาศ เพราะบางครั้งการจมอยู่ในโลกส่วนตัวอาจทำให้เราลืมเวลา เงยหน้าขึ้นมาอีกทีอาจจะตกใจกับเวลาที่ผ่านไปแล้วก็ได้

     และกลยุทธ์ทั้ง 7 นี้ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการตกแต่งออฟฟิศขนาดเล็กให้น่าอยู่ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกๆ คนนะคะ และหากใครมีวิธีอื่นๆ แล้วละก็สามารถมาแชร์กันได้ผ่าน Facebook เพจ Design by Bareo นะคะ

     แล้วพบกันใหม่ในเดือนหน้า สวัสดีค่ะ 😉