หากได้ยินชื่อของ “บาริโอ” แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องพูดถึงการออกแบบและตกแต่งภายในที่สวยงาม มีสไตล์ และสามารถ สร้างสรรค์ทุก ๆ ห้องในบ้านให้กลายเป็นพื้นที่แห่งความสุขได้ทุกตารางนิ้ว และหนึ่งใน Space ที่บาริโอออกแบบได้รับคำชื่นชอบจากลูกค้าหลาย ๆ โครงการว่าสวยงามแถมมีฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน ก็คือ Walk-in Closet หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ห้องแต่งตัวนั่นเองค่ะ ซึ่งวันนี้ Karuntee ได้รวบรวมผลงานการออกแบบและตกแต่งในส่วนของ Walk-in Closet ของบาริโอ มาให้แฟน ๆ ได้ชมกัน รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
The Royal Residence Kaset Nawamin
เริ่มจากบ้านสไตล์คลาสสิก ที่เน้นโทนสีขาวเรียบง่าย แต่ตกแต่งออกมาได้อย่างหรูหราเลยละค่ะ ในส่วนของห้องแต่งตัวนั้น เป็นอีกห้องหนึ่งที่เจ้าของชื่นชอบมากที่สุด โดย Walk-in Closet นี้ ทางดีไซน์เนอร์ได้เน้นการตกแต่งภาพรวมด้วยสีขาวสะอาดตาตามคอนเซ็ปต์ของบ้าน โดยเพิ่มความหรูจากโต๊ะเครื่องแป้ง สลับลูกเล่นให้ห้องดูกว้างมีมิติจากกระจกเงา ที่โดดเด่นด้วยซุ้มโค้งด้านบน พร้อมติดไฟซ่อนไว้ทั้งสองข้างขนาบกับกระจกเพื่อเพิ่มความโออ่า นอกจากนี้มุมห้องมีตู้เสื้อผ้าบานกระจกใส ประดับด้วยเส้นโค้งของไม้ที่ทำให้ลวดลายดูอ่อนช้อย เข้ากับการตกแต่งโดยรวมของห้องได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
อ่านเพิ่มเติม : https://www.bareo-isyss.com/service/portfolio-bareo/bareo-jph2
The Belle Condo Rama 9
แม้ห้องชุดในคอนโดสไตล์ Classic Contemporary แห่งนี้จะมีขนาดกะทัดรัด แต่ Walk-in Closet ได้ถูกออกแบบให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้บรรยากาศยังโปร่งโล่งด้วยหน้าต่างบานใหญ่ ที่ทำให้แสงแดดสามารถส่องเข้ามาทั่วทั้งภายใน แถมยังช่วยประหยัดไฟฟ้าได้ เพราะในช่วงที่เลือกเสื้อผ้าเจ้าของบ้านสามารถใช้แสงจากข้างนอกแทนได้ค่ะ ในขณะเดียวกันบริเวณใต้หน้าต่างจะมีตู้เตี้ยที่เรียกว่า Cupboard ไว้สำหรับเก็บของกระจุกกระจิกต่าง ๆ รวมทั้งเสื้อผ้าที่ไม่ต้องการแขวน และเก็บข้าวของชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้ โซฟาบุผ้าสีครีมที่ตั้งอยู่มุมห้องยังสามารถไว้ใช้นั่งแต่งตัว ใส่ถุงเท้า รองเท้า ได้ตามสะดวก เรียกว่าใช้ทุกพื้นที่ได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุดจริง ๆ ค่ะ
อ่านเพิ่มเติม : https://www.bareo-isyss.com/service/portfolio-bareo/bareo-sts
The Grand Royal Nisachol
และอีกหนึ่งห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ที่ Karuntee ชื่นชอบเป็นพิเศษ คือ ห้องแต่งตัวสไตล์คลาสสิคเรียบหรู ที่เน้นการใช้โทนสีดำ ตัดกับความวาวของสีขาวของเพดานและสีเหลืองทองของผนังกระจก ดีไซเนอร์ได้ออกแบบห้องนี้ให้เป็นพื้นที่ที่สามารถใช้งานได้สารพัดประโยชน์ ซึ่งนอกจากตู้เก็บเสื้อผ้าที่ทางดีไซเนอร์ได้ออกแบบโดยการใช้ตู้บุหนังสลับกับบานกระจกที่นอกจากจะดูหรูหราแล้ว ยังช่วยเพิ่มพื้นที่ของห้องให้ดูกว้างขวางมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ยังรวมตู้เก็บรองเท้า ตู้เก็บกระเป๋าเข้าไว้ในห้องเดียวกัน แบ่งมุมของคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย ไว้กันคนละมุม และเลือกใช้กระจกบานที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน เรียกได้ว่า “เพอร์เฟ็ค” ครบถ้วน สมบูรณ์แบบภายในห้องเดียว แถมยังช่วยทำให้ประหยัดเวลา ไม่ต้องวิ่งไปมาเข้าห้องโน่นออกออกนี้ให้เหนื่อยและวุ่นวายเสียเวลาค่ะ
อ่านเพิ่มเติม : https://www.bareo-isyss.com/service/portfolio-bareo/grand-royal-nisachol-2
Lovely Tuscany
Walk in Closet ใน Master Bedroom ห้องนี้ เรียบง่ายแต่เห็นแล้วตะลึงในความโอ่อ่าที่ไม่มากไม่น้อย ด้วยการเลือกใช้สีทองและดำซึ่งลงตัวสุด ๆ กับบ้านสไตล์ทัสคานี ทางดีไซเนอร์ได้ออกแบบภายในห้องนี้โดยใช้การจัดเลย์เอาท์เป็นรูปตัว U ที่มี Island อยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง ทำให้ฟังก์ชั่นการใช้งานในส่วนนี้สะดวกและสามารถเก็บของให้เป็นระเบียบ มีสัดส่วนมากขึ้นค่ะ นอกจากนี้ Island ตรงกลางยังสามารถใช้เก็บของหรือวางเครื่องประดับเพื่อตั้งโชว์
อ่านเพิ่มเติม : https://www.bareo-isyss.com/service/portfolio-bareo/lovely-tuscany-part2
Grand Luxury in Old Town
มากันที่ห้อง Walk-in Closet ที่ถูกแบ่งสัดส่วนจากห้องนอนใหญ่ มาเป็นห้องแต่งตัวเล็ก ๆ สไตล์ Classic Luxury ซึ่งถูกแบ่งกั้นด้วยผนังอย่างเป็นสัดส่วน แต่ยังคุมโทนให้บรรยากาศไปในทิศทางเดียวกับส่วนอื่น ๆ ของห้อง ความพิเศษอยู่ตรงตู้เสื้อผ้าที่ยาวขนานกันไปจนสุดห้อง หน้าบานเป็นแบบลูกฟักเพื่อเพิ่มกลิ่นอายของความดั้งเดิมเข้ากันกับการตกแต่งโดยรวม เพิ่มเติมด้วยการติดกระจกเงาที่หน้าบานฝั่งตรงข้ามช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้น เสริมเติมความพริ้วไหวด้วยลวดลายฉลุที่ชวนให้เรารู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลที่กำลังเคลื่อนไหว จัดเป็นดีเทลที่ทำให้สัมผัสได้ถึงความหวานที่สอดรับกับความหรูหราไว้ได้อย่างกลมกลืน
อ่านเพิ่มเติม : https://www.bareo-isyss.com/service/portfolio-bareo/grand-luxury-old-town-ii
Romancing in Classical Mansion
ในส่วนของ Walk-in Closet สไตล์หรูหราคลาสสิคในแมนชั่นแห่งนี้ไม่ใช่งานง่ายเลยค่ะ เพราะแม้ห้องแต่งตัวห้องนี้จะมีความพิเศษตรงที่สร้างแยกออกจากห้องน้ำอย่างสิ้นเชิง แต่เนื่องจากมีพื้นที่จำกัด ดีไซเนอร์จึงต้องออกแบบและสร้างสรรค์พื้นที่ขนาดเล็กให้สามารถใช้งานได้อย่างคล่องตัว ซึ่งไม่เกินความสามารถสำหรับดีไซเนอร์ฝีมือดีจากบาริโอ เพราะได้เนรมิตมุมเล็ก ๆ ของห้องนอนให้กลายเป็นมุม Walk-in Closet สุดโปรดของเจ้าของบ้านได้ โดยตรงกลางที่เป็นบริเวณของทางเดินจะอยู่ติดกับกระจกใสที่แสงสามารถส่องผ่านมาได้เป็นอย่างดี ช่วยให้พื้นที่บริเวณนี้ไม่อึดอัดจนเกินไป ขนาบข้างด้วยตู้เสื้อผ้าทั้งสองด้านที่หน้าบานประดับด้วยลายฉลุสีทองเพิ่มความหรูหราในทุก ๆ รายละเอียด พร้อมกับกรุกระจกเงาซ่อนไว้ด้านหลังของลายฉลุช่วยสร้างมิติให้กับส่วนของ Walk-in Closet ได้อย่างลงตัว
นอกจากนี้ยังมีในส่วนของมุมเก็บกระเป๋าและของใช้จุกจิกเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งเป็นชั้นวางขนาดพอเหมาะสำหรับวางกระเป๋าถือ หรือรองเท้าได้อย่างสะดวกสบาย โดยถูกประดับด้วยการใช้เส้นสีทองเข้ามาตัดกับไม้โอ๊คสีเข้ม สร้างความโดดเด่นให้กับชั้นวาง มีการติดกระเงาซ่อนไว้ทางด้านในของชั้นวางกระเป๋าช่วยทำให้บริเวณภายในห้องดูกว้างขึ้นได้
อ่านเพิ่มเติม : https://www.bareo-isyss.com/service/portfolio-bareo/romancing-classical-mansion-ii/
Perfect Work-Life Integration
เป็นอีกหนึ่งห้องแต่งตัวสไตล์คลาสสิคร่วมสมัย ที่ทางดีไซเนอร์ได้รับโจทย์ให้สร้างห้องสารพัดประโยชน์ภายใต้พื้นที่จำกัด แถมยังต้องออกแบบให้สอดคล้องกับส่วนอื่น ๆ ในบ้านอีกด้วย และเพื่อให้การออกแบบเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทางดีไซเนอร์จึงเลือกใช้หน้าบานเปิดเลื่อนของตู้เสื้อผ้าติดกระจกเงาเพื่อเพิ่ม Space ให้ดูกว้างขึ้น ในส่วนของโต๊ะเครื่องแป้งถูกจัดองค์ประกอบไว้อย่างลงตัวด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่มีกลิ่นอายของความคลาสสิค เสริมความน่ามองด้วยคิ้วไม้ยกขอบตกแต่งรูปภาพสร้างเสน่ห์ให้กับผนัง มุมเก็บกระเป๋าคู่ใจถูกออกแบบให้เป็นหน้าบานกระจกใสเพื่อสะดวกต่อการหยิบใช้งาน มีลูกเล่นการเลือกใช้กระจกเงาติดอยู่ตามมุมห้องเพื่อสะท้อนพื้นที่ภายในห้องให้ไม่อึดอัดขณะเข้ามาใช้งาน
อ่านเพิ่มเติม : https://www.bareo-isyss.com/service/portfolio-bareo/perfect-work-life-integration/
The Closet luxury in Metro Life
สำหรับห้องแต่งตัวสไตล์ Luxury ห้องนี้เรียกได้ว่าฟังก์ชั่นมาเต็มเลยค่ะ เพราะทางดีไซเนอร์ได้ออกแบบตู้เสื้อผ้าไว้ทั้ง 2 ฝั่ง ซ้าย-ขวา โดยมีราวแขวนกางเกงแบบดึงออกมาได้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งาน และด้านบนของตู้มีชั้นไม้สำหรับเก็บกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไว้เป็นสัดส่วนด้วยค่ะ
นอกจากนี้ ฝั่งซ้ายมือนี้ ดีไซเนอร์ได้จัดวาง Bench หนังแท้สีครีมไว้สำหรับใช้งานอเนกประสงค์ เช่น นั่งพักรอ หรือจะใช้วางเสื้อผ้า เป็นต้น ส่วนตู้เสื้อผ้าอีกด้านหนึ่งถูกตกแต่งด้วย Minibar เล็กๆ สำหรับให้เจ้าของห้องใช้จัดเก็บเครื่องดื่มต่างๆ ได้ ในขณะเดียวกันดีไซเนอร์ยังได้ออกแบบตู้ที่สามารถจุเสื้อขนาดใหญ่และมีความยาว เช่น เสื้อกันหนาว ชุดออกงาน รวมทั้งดีไซน์ตู้เสื้อผ้าชนิดที่มีตู้ลิ้นชักด้านในสำหรับเก็บของใช้ต่างๆ และยังมีพื้นที่ให้เก็บกระเป๋าสะสม หรือเครื่องประดับ และนาฬิกา เป็นต้น ในส่วนของพื้นที่ริมหน้าต่างที่แสงสาดส่องถึงได้วางตู้ Island สี Dark Oak ด้านบนเป็น Top กระจกใส ด้านในมีลิ้นชักแบบยาวเลื่อนออกมาได้ เพื่อให้เจ้าของบ้านสามารถจัดเก็บเครื่องประดับและนาฬิกาได้โดยสะดวกและง่ายต่อการเลือกใช้งานค่ะ และสุดท้ายคือโต๊ะแต่งตัว ซึ่งถูกจัดวางให้อยู่กึ่งกลางของห้องเป็นชุดโต๊ะนั่งแต่งตัวแบบมาตรฐานพร้อมลิ้นชักข้าง และกระจกเงาแบบ 3 บาน ปรับองศาได้ มีการให้แสงไฟลอดผ่านด้านข้างของกระจกเงาบานกลาง ทำให้เวลานั่งแต่งหน้า ก็จะเห็นชัดและไม่เกิดเงาดำค่ะ
อ่านเพิ่มเติม : https://www.bareo-isyss.com/service/portfolio-bareo/a-walk-in-the-closet/
The Dazzling Golden Heritage
สุดท้ายเป็นส่วนของมุมแต่งตัวที่เน้นการออกแบบตกแต่งได้กลิ่นอายของความหวานโรแมนติก ด้วยสไตล์ Classic Luxury โดยการเลือกเล่นเฉดสีและการดีไซน์ของสีพ่นทองตัดกับผนังสีสว่าง ที่ช่วยเสริมให้มุมแต่งตัวดูโดดเด่นไม่เรียบจนเกินไป นอกจากตู้เสื้อผ้าที่มีฟังก์ชั่นการเก็บได้หลากหลายแล้ว ทางดีไซเนอร์ยังได้ออกแบบในส่วนของบริเวณชั้นวางกระเป๋าด้วยการซ่อนไฟเสริมมิติความน่าสนใจ อีกทั้งยังเลือกใช้ประตูแบบหน้าบานเลื่อนที่ดีไซน์เป็นลวดลายสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ช่วยเสริมอารมณ์และทำให้บรรยากาศดูร่วมสมัยมากขึ้นค่ะ
อ่านเพิ่มเติม : https://www.bareo-isyss.com/service/portfolio-bareo/dazzling-golden-heritage/