แม้โลกยุคใหม่พื้นที่ป่าจะถูกแทนที่ด้วยตึกสูงใหญ่มากมาย จนทำให้ระบบนิเวศแปรปรวน แต่ด้วยมันสมองของมนุษย์ที่ก้าวล้ำไปตามสมัย จนเกิดการออกแบบให้เกิดความสมดุลระหว่างตึกและป่า ซึ่งผสมผสานความทันสมัยแต่ยังคำนึงถึงและใส่ใจรักษ์โลก ซึ่งวันนี้เราได้ยกตัวอย่างตึกสไตล์ Vertical Forest จากทั่วโลกมาให้ชมค่ะ

 

 

Nanjing Vertical Forest

      NanjingVertical Forest เป็นผลงานการออกแบบชิ้นที่ 3 ของ Stefano Boeri Architetti   สถาปนิกชาวอิตาลี หลังจากที่เขาได้ออกแบบตึก ‘Vertical Forest’ ชิ้นงานแรกที่มิลาน ตามด้วยผลงานที่ 2 คือ‘The Tower of Cedars’ ที่โลซาน สวิตเซอร์แลนด์ และล่าสุดได้แก่ ‘Nanjing Vertical Forest’  ตั้งอยู่ที่นานกิง (หนานจิง) เมืองหลวงของมณฑลเจียงซู สาธารณรัฐประชาชนจีน และถือเป็น Vertical Forest แห่งแรกในเอเชีย ซึ่งกำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2018

      Nanjing Vertical Forest หรือเรียกง่ายๆ แบบไทยๆ ว่า “ตึกป่าไม้แนวตั้ง” ประกอบด้วย 2 ตึกใหญ่ตึกแรกมีความสูงกว่า 200 เมตร โดยสร้างขึ้นเพื่อบริการเป็นสำนักงานให้เช่า พิพิธภัณฑ์ โรงเรียนสถาปัตย์ รวมไปถึงสโมสรส่วนตัวบนดาดฟ้า ส่วนตึกที่สองสูงประมาณ 108 เมตร เป็นที่ตั้งของโรงแรมไฮเอนด์ และห้องพักกว่า 247 ห้อง พร้อมทั้งแบ่งเป็นในส่วนของศูนย์การค้าด้วย

      โดยตัวอาคาร Nanjing Vertical Forest ปกคลุมด้วยไม้ดอก ไม้ใบ ทั้งหมด 23 พันธุ์ ซึ่งแบ่งเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่กว่า 600 ต้น ต้นไม้ขนาดกลางทั้งหมด 500 ต้น รวมถึงไม้เลื้อยและไม้พุ่มเกือบ 2,500 ต้น ปกคลุมเนื้อที่ทั้งหมด 6,000 ตารางเมตร เรียกได้ว่าเปลี่ยนตึกให้กลายเป็นป่ากลางเมืองได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ทางผู้ออกแบบคาดการณ์ว่าตึกป่าไม้แนวตั้งแห่งนี้จะสามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 25 ตันต่อปี และผลิตออกซิเจนได้ 60 กก.ต่อวัน

 

 

The National Grid Car Park

      National Grid เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับไฟฟ้าและพลังงานเชื้อเพลิงในประเทศอังกฤษ เกิดปิ๊งไอเดียโดยการสร้างที่จอดรถแห่งใหม่เน้นดีไซน์เก๋ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่ง The National Grid Car Park แห่งนี้มีความจุรถได้กว่า 446 คัน โดยความพิเศษอยู่ที่บางส่วนของอาคารถูกปกคลุมด้วยสวนแนวตั้งคลุมอาณาเขตเกือบ 11,054 ตร.ม. ด้วยพันธุ์ไม้กว่า 20 ชนิด เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้ที่สามารถดึงดูดผึ้งและผีเสื้อ หวังสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์มากขึ้น รวมทั้งไม้ผลอย่างเช่น สตรอเบอร์รี่ นอกจากนี้ยังมีต้นไม้อีกมากกว่า 97,000 ต้น เพื่อช่วยดูดซับก๊าซพิษในอากาศ ทั้งยังให้ความสวยงาม และที่สำคัญ The National Grid Car Park ได้กลายเป็นอาคารที่มีสวนแนวตั้งขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปอีกด้วย

 

 

Vertical Garden

      ว่ากันว่าตึกแห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจแรกเริ่มมาจากเมืองไทยของเรานั่นเอง เพราะตึกแห่งนี้เป็นผลงานของแพทริค บลังค์ นักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ซึ่งผู้คิดค้น ‘สวนแนวตั้ง’และเป็นผู้จัดสวนแนวตั้งให้กับห้างพารากอน ของไทย  โดยตึก Vertical Garden นั่น ใช้ต้นไม้จำนวน 7,600 ต้น จาก 237 พันธุ์และถูกประดับและแปลงให้ปรากฎอยู่บนฝาผนังตึกขนาด 250 ตร.ม. สูง 25 เมตรได้สวยงามลงตัว

      เทคนิคการจัดสวนแนวตั้งของ แพ็ทริค บลังค์ นั้น เขาได้ใช้เทคนิคแบบไฮโดรโปนิกส์ ได้แก่การปลูกโดยไม่ใช้ดินเป็นวัสดุ  แต่จะให้สารอาหารผ่านน้ำเพียงอย่างเดียว ซึ่งแตกต่างจากไฮโดรโปนิกส์คือ เปลี่ยนมาใช้ผ้าสักหลาดหนามาพับทบกัน และยึดลงบนแผ่นพลาสติกที่ยึดติดบนผนังกำแพงแทน พลาสติกจะทำหน้าที่กันความชื้นเข้าทำลายผนัง ด้านผ้าสักหลาดจะทำหน้าที่ส่งผ่าน น้ำ อากาศ สารอาหาร และยังทำหน้าที่เป็นที่ยึดเกาะของระบบรากพืช  โดยมีการให้น้ำโดยระบบท่อจะปั้มสารอาหารขึ้นไปด้านบนสุดของสวนแนวตั้งและปล่อยให้ไหลซึมลงมาด้านล่าง และจะถูกปั๊มวนขึ้นไปด้านบนเป็นวงจร

 

@Emporium Shopping mall

@Siam Paragon

Bangkok vertical gardens

      ขอเสริมผลงานของแพทริค บลังค์ ซึ่งเป็นที่กล่าวขานกันมากมายเช่นกัน โดยเขาได้ฝากฝีมือการสวนแนวตั้งไว้ที่ไทยมากมาย เช่น พารากอน ดิเอ็มโพเรี่ยม เป็นต้น คนไทยสามารถไปแวะชมกันได้นะคะ

 

 

The Bosco Verticale

      The Bosco Verticale (เดอะ บอสโค เวอร์ติเคล) อาคารที่พักอาศัย เป็นตึกป่าแนวตั้งแห่งแรกของโลก ตั้งอยู่ที่มิลาน ประเทศอิตาลี ผลงานของ Stefano Boeri Architetti   คนเดียวกันกับที่สร้าง  Nanjing Vertical Forestนั่นเอง โดย The Bosco Verticale เป็นตึกสูงใจกลางเมือง ประกอบด้วยทั้งหมด 2 อาคาร สูง 110 เมตร (มี 26 ชั้น )และ 76 เมตร (มี 18 ชั้น ) ซึ่งสามารถปลูกต้นไม้ได้ถึง 900 ต้น และต้นไม้ได้ถูกปลูกบนระเบียงในรูปแบบสลับฟันปลา เพื่อให้ระเบียงสามารถปลูกต้นไม้ที่มีความสูงตั้งแต่ 3 เมตรถึง 9 เมตรได้ สลับกับพุ่มไม้และไม้ดอกตามความชอบของผู้อาศัย ส่วนน้ำที่ใช้รดต้นไม้เหล่านี้ได้มาจากน้ำทิ้งของผู้อยู่อาศัยที่ผ่านการกรองแล้ว  อย่างไรก็ตามเพื่อให้เป็นโครงการอนุรักษ์ที่สมบูรณ์แบบ อาคารทั้งสองจึงได้ติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์และระบบระบายอากาศเพื่อลดการใช้พลังงานได้อีกด้วย

 

 

Santalaia building

      Santalaia building  (ซานตาไลอา) ตั้งอยู่ในเมืองโบโกต้า ประเทศโคลัมเบีย ตึกแห่งนี้ถูกปกคลุมด้วยต้นไม้จำนวนกว่า 85,000 ต้น ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 3,100 ตาราเมตร โดยเกือบทั้งตึกจะมีสีเขียวปกคลุมจากพรรณพืชต้นไม้เป็นส่วนใหญ่ เรียกว่าเป็นตึกแนวตั้งหรือสวนแนวตั้งขนาดใหญ่ที่สามารถนี้ผลิตออกซิเจนให้แก่คนมากมายได้ถึง 3,100 คนต่อปี ที่สำคัญยังสามารถดักจับฝุ่นละอองได้กว่า  881 ปอนด์ (399.61 กิโลกรัม) และกรองแก๊สที่เป็นอันตรายมากกว่า 2,000 ตัน รวมถึง โลหะหนัก 1,708 ปอนด์ (774.73 กิโลกรัม) ในทุกๆ ปีอีกด้วย

      โดยการปลูกสวนแนวตั้งแห่งนี้ได้ใช้ระบบติดตั้งบนเสาหลายต้น โดยเสาแต่ละต้นจะมีต้นไม้ปกคลุมอยู่ ครอบคลุมจนถึงบริเวณด้านหน้าอาคารทั้งหมดด้วยพรรณไม้กว่า 55 ชนิด ซึ่งสวนใหญ่แล้วจะเป็นพรรณไม้พื้นเมือง ช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ และเพิ่มพื้นที่สีเขียวกลางเมืองให้กลายเป็นสถานที่พักผ่อน ดูร่มรื่น และสวยงาม เป็นต้น

 

 

The Acros Fukuoka Building

      หนึ่งในยักษ์ใหญ่ของเอเชีย อย่างประเทศญี่ปุ่นก็มีตึกที่อุดมไปด้วยพืชพรรณไม้เช่นกันค่ะ  ได้แก่ The Acros Fukuoka Building ตั้งอยู่ในเมือง Fukuoka อีกหนึ่งตึกที่มีความโดดเด่นไม่แพ้ที่ไหนๆ เนื่องจากตัวอาคารเป็นแนวลาดชัน โดยด้านหนึ่งของตึกเป็นส่วนของสำนักงาน มีผนังเป็นกระจก เหมือนตึกทั่วๆ ไป แต่อีกด้านถูกจัดให้เป็นส่วนของที่พักอาศัย ถูกตกแต่งและปกคลุมด้วยสีเขียว เปรียบเหมือนมีสวนสาธารณะบนหลังคาที่เป็นระเบียงลดระดับกันหลายชั้น  สวนบนระเบียงที่ว่านี้อยู่สูงจากพื้นถึง 60 เมตร และมีต้นไม้มากกว่า 35,000 ต้น ด้วยพันธุ์ต่างๆ กว่า 76 ชนิด

      ตึกแห่งนี้ถูกออกแบบโดย Emilio Ambasz & Associates  โดยมีเป้าหมายคือทำให้ตึกเต็มไปด้วยสีเขียวของพรรณไม้ให้ได้มากที่สุด และขณะเดียวกันก็ให้มีพื้นที่สำนักงานขนาดใหญ่  ทั้งนี้ยังได้เลือกใช้ระบบหลังคาแบบ Green Roof เพื่อช่วยลดการใช้พลังงานของตึก ทำให้อุณหภูมิภายในสำนักงานมีความเหมาะสมกับการอยู่อาศัย นอกจากนี้  Green Roof  ยังช่วยกักเก็บน้ำฝนเอาไว้เพื่อใช้เลี้ยงต้นไม้ แมลง และสัตว์ตัวเล็กๆ ที่อยู่ในระบบนิเวศของสวนบนตึกแห่งนี้

 

 

Guggenheim Museum, Bilbao, Spain

      ทิ้งท้ายด้วยผลงานเก๋ๆ ในแบบป่าแนวดิ่ง ซึ่งจะเรียกว่าตึกก็ไม่น่าจะใช่ แต่เป็นผลงานศิลปะที่น่าสนใจ จนอยากให้แฟนบาริโอได้เห็นด้วย นั่นก็คือเจ้าสุนัข สุดแสนน่ารักที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของ Guggenheim Art Museum ซึ่งถูกตกแต่งด้วยไม้นานาพันธุ์ หลากสีสัน สวยงาม ดึงดูดสายตาผู้พบเห็นได้เป็นอย่างดี สวนแนวตั้งลูกสุนัขนี้ เรียกอีกอย่างว่า “plant puppy” มีความสูงประมาณ 43 ฟุต ถูกสร้างขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ ที่ ’90 โดยใช้เหล็กเป็นโครงหลัก และประกอบด้วยต้นไม้มากมาย หนึ่งในผลงานของศิลปินที่ชื่อว่า Jeff Koons

      ว้าว…เห็นแล้วทึ่งในไอเดียของเหล่านักออกแบบจริงๆ ค่ะ ทั้งสวย ทันสมัย แถมยังช่วยลดมลภาวะได้อีกด้วย และหวังว่าในอนาคตเราจะได้เห็นปริมาณป่าไม้สีเขียวเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบตึกป่าแนวตั้ง หรืออื่นๆ อีกมากมาย เห็นด้วยไหมคะทุกคน…..?

 

 

รูปภาพประกอบจาก pinterest