เมื่อบรรยากาศสิ้นปีใกล้มาถึง เทศกาลที่เรามักจะเห็นบ่อยๆ นั้นคือ เทศกาลประดับไฟ นอกจากจะสร้างสีสันความสวยงามแล้ว เทศกาลประดับไฟยังเป็นสถานที่โรแมนติก สร้างความสุขใจให้ผู้ที่ได้พบเห็น  บทความนี้ขอเสนอสถานที่ประดับไฟสวยๆ แปลกตาไปจากบ้านเรา ให้ได้ติดตามกันเผื่อว่าใครหลายๆคนมีแพลนอยากจะออกไปเที่ยวดูงานประดับไฟนอกจากบ้านเราก็จะได้มีไอเดียไว้แพลนเที่ยวกันนะครับ ไปเริ่มกันเลยที่ที่แรก Kobe Luminarie

 

1. Kobe Luminarie

 

(Credit : https://japancheapo.com)

 

      เมื่อเข้าสู่ช่วงต้นเดือนธันวาคมของทุกปี ที่เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น จะเริ่มมีการจัดงานประดับไฟสุดยิ่งใหญ่อีกครั้ง โดยงานประดับไฟแห่งนี้ได้จัดขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงชาวโกเบที่เสียชีวิตในช่วงเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อปี 1995

      เอกลักษณ์ของงานประดับไฟที่นี่ คือ โครงสร้างเหล็กที่จะมีการติดตั้งขึ้นตั้งแต่สถานีรถไฟ JR Kobe เรื่อยไปจนถึงกระทรวงการต่างประเทศ และไปสิ้นสุดลงที่สวนฮิกาชิ(Higashi Yuenchi) ทำให้ตลอดเส้นทางนั้นเต็มไปด้วยแสงไฟอันสวยงามที่ประดับตกแต่งเป็นรูปร่างต่างๆ ตามโครงสร้างเหล็กที่ประกอบขึ้น

      แม้เหตุผลของการจัดงานอาจทำเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิต แต่อีกมุมหนึ่งก็ถือเป็นงานประดับไฟที่จัดเป็นของขวัญให้กับชาวโกเบได้มีความสุขและสนุกสนานไปกับความสวยงามเพื่อต้อนรับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ครับ

 

(Credit : https://2.bp.blogspot.com)

 

2. Kyoto Illumiere

 

(Credit : https://www.sumiya.ne.jp)

 

     จัดว่าเป็นงานประดับไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกียวโตเลยก็ว่าได้ ในทุกปีที่นี่ก็จะมีการประดับประดาไปด้วยหลอดไฟจำนวนมากมายหลากสีสันภายใต้คอนเซ็ปต์ Sky Forest เสมือนผืนป่าที่กลายเป็นแผ่นฟ้ารอให้เราได้ไปชมความสวยงาม

      แสงไฟก็เปรียบเสมือนความหวังที่รวมตัวกันเกิดเป็นงานประดับไฟอันงดงามที่จะเยียวยาทุกหัวใจให้มีแต่ความสนุกสนานไปกับบรรยากาศแห่งความรื่นเริง ซึ่งความพิเศษของที่นี่คือการแสดงภาพ 3D สุดล้ำสมัยให้เราตื่นตาตื่นใจกับดวงไฟที่สะกดให้เราอยู่ภายใต้เวทมนตร์แห่งความสวยงามนั้น

      นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีจุดถ่ายรูปสวยๆ และซุ้มประดับไฟต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปถ่ายภาพเพื่อเก็บเป็นความประทับใจได้อีกด้วย ที่สำคัญถ้าสภาพอากาศเป็นใจ ที่นี่ก็จะมีการจุดดอกไม้ไฟขึ้นฟ้าให้ผู้ร่วมงานได้ชมด้วย

 

(Credit : https://www.sumiya.ne.jp , http://jpmanual.com)

 

3. Ashikaga Flower Park

 

(Credit :https://www.ashikaga.co.jp)

 

      สวนดอกไม้ Ashikaga เป็นสวนดอกไม้ยอดนิยม ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดโทจิกิ(Tochigi) นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปชมดอกไม้ที่นี่โดยเฉพาะต้น Fuji หรือ Wisteria สัญชาติญี่ปุ่นซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ที่มีความเก่าแก่ และมักจะถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวถึงในกวีหลายยุคหลายสมัย Noda Fuji หรือดอก Wisteria พันธุ์พื้นเมืองของญี่ปุ่น มีชื่อเรียกต่างกันไปตามสีของดอก เช่น Usubenifuji(ชมพูอ่อน), Murasaki fuji(ม่วง), Naga fuji(พันธุ์ยาว), Yaekokuryu(กลีบซ้อน), and Shiro fuji(ขาว), และ Kingusari (สีเหลือง) หรือต้นชัยพฤกษ์ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี

      ต้น Wisteria ที่สวนแห่งนี้ออกดอกห้อยตกลงมาเป็นระย้าราวกับน้ำตกสีม่วง กระจายอาณาเขตวงกว้างครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,000 ตร.ม. โดยต้นที่ใหญ่ที่สุดมีอายุเก่าแก่กว่า 150 ปี มีอุโมงค์ดอก Wisteria สีขาวและเหลือเป็นระยะทางยาวกว่า 80 เมตร นอกจากนี้ช่วงเวลาลางวันเราจะได้เห็นดอก Wisteria สะท้อนกับน้ำในบ่อ เป็นอีกภาพที่สวยงามน่าประทับใจครับ

 

(Credit :https://www.ashikaga.co.jp)

 

4. Herb Island Light Festival

 

(Credit :https://english.visitkorea.or.kr)

 

      สวนสมุนไพรแห่งเมืองโพชอน หรือ Pocheon Herb Island ในประเทศเกาหลี เป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่เต็มไปด้วยสมุนไพร รายล้อมด้วยธรรมชาติ และเป็นอีกหนึ่งแห่งที่มีการจัดงานเทศกาลประดับไฟโดยใช้ชื่อว่า Herb Island Light Festival จุดสำคัญของเทศกาลนี้คือมีให้ชมได้ตลอดทั้งปีเลย โดยบริเวณที่มีการประดับไฟในสวนจะอยู่ที่บริเวณ Santa Village, Venice Village และ Flower Garden ซึ่งสวยงามและโรแมนติกมาก ที่สำคัญยังมีสวนเทพนิยายจำลองทางฝั่งยุโรปและมีคลองที่มีเรือกอนโดลาคล้ายเมืองเวนิซอีกด้วย เหมาะสำหรับครอบครัวหรือคู่รักชวนกันไปเดทที่สุดเลยละครับ

 

(Credit : http://www.sjkimphotos.com , http://tong.visitkorea.or.kr)

 

5. Brussels Light Festival

 

(credit : https://visit.brussels)

 

งานประดับไฟของเมืองบรัสเซลส์ประเทศเบลเยียมนี้ไม่ได้จัดขึ้นในช่วงเทศกาลปลายปีเหมือนกับงานประดับไฟในยุโรปประเทศอื่นๆแต่จัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีโดยในช่วงวันงานทั้งสี่วันจะมีการประดับไฟหลากสีตามอาคารต่างๆอย่างยิ่งใหญ่ตระการตาตามถนนในเมืองบรัสเซลส์เต็มไปด้วยหลอดไฟที่ประดิษฐ์เป็นรูปทรงต่างๆและมีการแสดงพิเศษจากคณะตีกลองที่จะทำให้การเดินชมแสงไฟของคุณเต็มไปด้วยความครึกครื้นขึ้นตลอดทั้งค่ำคืนตั้งแต่ช่วงเวลาหกโมงเย็นจนถึงเที่ยงคืนเทศกาลนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกทำให้ผู้จัดตัดสินใจจัดงานประดับไฟติดต่อกันจนเป็นงานประจำปีเรื่อยมา

 

(credit : https://creatingcaitlyn.wordpress.com , https://visit.brussels)

 

6. Jerusalem Festival of Light

 

(Credit :https://www.secrettelaviv.com)

 

      งานประดับไฟที่เมืองเยรูซาเลม ประเทศอิสราเอลนี้ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีตั้งแต่ในช่วงฤดูร้อนของปี 2009 โดยมีระยะเวลาเพียงแค่สองสัปดาห์ที่เมืองเก่าในตำนานแห่งนี้จะปกคลุมไปด้วยสีสันสดใสจากดวงไฟในยามค่ำคืน เป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาชมความงามของเมืองเยรูซาเลมในแบบที่ไม่เหมือนเคย นอกจากนี้ยังมีผลงานจากศิลปินท้องถิ่นและศิลปินทั่วโลกที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยใช้แสงไฟประกอบ วางประดับอยู่ตามกำแพงและบนถนน

 

(Credit :http://israelforever.org, http://ru.hellomagazine.com)

 

7. Festival of Lights in Manila

 

(Credit : https://www.tripadvisor.com.au)

 

      งาน Festival of Lights ที่เมืองมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ จัดขึ้นในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนจนถึงมกราคมของทุกปี เสมือนเป็นการเฉลิมฉลองของชาวคริสต์ในเมืองมะนิลา ไฟประดับจะถูกตกแต่งในสวนไอยรา ไทรแองเกิล (Ayala Triangle Gardens)และหอประชุมมาคาติ (Makati City Hall)นอกจากนี้ยังมีการจัดคอนเสิร์ตที่บริเวณนอก นักท่องเที่ยวมากมายจึงเดินทางมาเพื่อชมความงามของไฟที่ประดับอยู่ตลอดสวน เคล้ากับเสียงเพลงในบรรยากาศครึกครื้นของเทศกาล

 

(Credit : http://www.discoveryprimea.com,http://planetphilippines.com)

 

ใกล้สิ้นปีนี้ถ้าใครยังไม่รู้จะไปไหน ลองไปเที่ยวเทศกาลประดับไฟตามสถานที่ต่างๆ ก็ดูน่าสนใจไม่น้อยนะครับ นอกจากจะได้เพลิดเพลินกับแสงดีแล้ว บรรยากาศหนาวๆในต่างประเทศน่าจะทำให้หลายๆ คนที่ได้ไปท่องเที่ยงฟินไปตามๆกัน สำหรับเดือนนี้บียอนขอตัวลาไปก่อนสวัสดีครับ ☺

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

mushroomtravel.com

skyscanner.co.th

chillchilljapan.com

tiewyeepoon.com

pinterest.com