CAMPING

      ลมหนาวมาเยือน อากาศเย็นๆ เริ่มมีให้สัมผัสกันบ้างแล้ว  หลายคนกำลังเตรียมแพ็คกระเป๋าออกเดินทางไปเที่ยวกัน ซึ่งหนึ่งในกิจกรรมยอดฮิตในช่วงที่อุณหภูมิกำลังพอเหมาะแบบนี้ ก็คือ การตั้งแคมป์ปิ้งนั่นเอง ว้าว… แค่คิดก็ฟินแล้ว ยิ่งถ้าได้สถานที่ดีๆ วิวเลิศๆ ก็ยิ่งแฮปปี้ไปอีก อืม…หลายคนคงพอคุ้นเคยกับแคมป์ปิ้งเมืองไทยอยู่บ้าง แต่วันนี้ Karuntee เต็มใจนำเสนอแคมป์ปิ้งทั่วโลก (รวมถึงเมืองไทยด้วยนะเออ) มาให้แฟนๆ บาริโอได้ชมกัน ว่าแล้วก็เตรียมเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า แล้วไปชมพร้อมกันเลย…

 

1. Aqua Village, Ren Village (ประเทศญี่ปุ่น)

 

ที่มารูปภาพ : By-s.me

 

      Glamping คือคำที่ชาวญี่ปุ่นเขาใช้เรียกการตั้งแคมป์กันค่ะ เกิดจากการผสมผสานระหว่างคำว่า Glamorous ที่แปลว่าดึงดูดใจ และ Camping การตั้งแคมป์ ถือเป็นกิจกรรมลักษณะสไตล์การตั้งแคมป์แบบใหม่ที่มีความหรูหราและสามารถเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติได้อย่างสง่างามภายในสถานที่ที่มีอุปกรณ์ครบครัน แถมไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์ตั้งแคมป์ด้วยตัวเอง

      ที่ Aqua Village, Ren Village เป็นสถานที่ตั้งแคมป์ที่มีความเป็นส่วนตัวมากๆ เพราะเขาจำกัดแค่ 1 กลุ่ม ต่อ 1 แคมป์ เนื่องจากเป็นเกาะที่เดินทางไปได้เฉพาะทางเรือเท่านั้น แคมป์ที่นี่คือที่สุดของความสงบ สำหรับใครไม่ชอบความวุ่นวาย ทั้งยังสามารถสนุกสนานกับกิจกรรมต่างๆ มากมาย ทั้งตกปลา พายเรือ ปั่นจักรยาน ฯลฯ นอกจากนี้ทางแคมป์ยังมีอุปกรณ์สำหรับตั้งแคมป์ที่จำเป็นให้ยืมอีกด้วย เช่น เครื่องปรุงอาหารและเต็นท์  ที่สำคัญยังเที่ยวได้อย่างสบายใจหายห่วงเพราะมีสตาฟคอยซัพพอร์ตตลอด 24 ชั่วโมงเลยค่ะ

 

ที่มารูปภาพ : ren.villageinc.jp

2. Half Dome (รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา)

 

ที่มารูปภาพ : terragalleria.com

 

     แคมป์ปิ้งแห่งนี้ อยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติโยเซมิตตี (Yosemite National Park) ซึ่งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา อุทยานแห่งนี้มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 3,081 ตร.กม. ขอบเขตกว้างใหญ่จรดถึงดินแดนทะเลทรายเนวาดา นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกาโดยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนเฉลี่ย 3 ล้านคนต่อปีเลยทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 1984 อีกด้วย

      โยเซมิตตีเป็นที่รู้จักในชื่อของหน้าผาหินแกรนิต ยอดเขาโดมครึ่งซีก (Half dome)  ที่ประกอบด้วยน้ำตกขนาดใหญ่หลายแห่ง 89% ของอุทยานเป็นพื้นที่ป่าที่มีสัตว์อาศัยอยู่ บ่งบอกได้ถึงความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างดี หุบเขาโยเซมิตีได้รับการค้นพบโดยนักธรรมชาติวิทยา John Muir ในปี 1868 หลังจากที่เขาเดินเท้าสำรวจธรรมชาติไปเรื่อยจากรัฐเคนตั๊กกี้ ในปี 1867 เมื่อพบหุบโยเซมิตี เขาได้นิยามสถานที่แห่งนี้ว่า “ไม่มีวิหารใดที่สร้างจากน้ำมือมนุษย์จะสวยงามได้เท่าโยเซมิตตี หินทุกก้อนล้วนฉาบด้วยชีวิต” ด้วยความรักธรรมชาติในสายเลือด เขาผลักดันให้สถานที่แห่งนี้จนกลายเป็นอุทยานแห่งชาติของโลกได้ในที่สุด

     ปัจจุบันโยเซมิตตีกำลังเป็นที่นิยมในการมาตั้งแคมป์ของนักท่องเที่ยว ซึ่งมีบริการเต็นท์นอนให้เช่ากว่า 100 เต็นท์ ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายสำหรับนักท่องเที่ยว ทั้งอาหาร น้ำดื่ม และของใช้เหมือนกับยกซุปเปอร์มาร์เก็ตมาเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นธรรมชาติลดน้อยลงเพราะถูกแยกออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วนค่ะ

 

ที่มารูปภาพ : Katiestjohn.com

3. Nanji Camping Site (ประเทศเกาหลีใต้)

 

ที่มารูปภาพ : Tourpangkorea.com

 

      Say Hi Korea !! ปฎิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้คนไทยหลั่งไหลไปเที่ยวที่ประเทศเกาหลีใต้เยอะมาก ๆ แต่จุดมุ่งหมายส่วนใหญ่ก็ไปตามรอยซีรีส์ ซื้อเครื่องสำอาง  ช้อปปิ้งเสื้อผ้าแฟชั่นบ้างล่ะ แต่!! เกาหลีไม่ได้มีดีเพียงเท่านี้นะคะคุณๆ  เรื่องการท่องเที่ยวทางธรรมชาติก็มีดีไม่แพ้ที่ไหนๆ จึงมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่มุ่งหน้าสู่แดนกิมจิเพื่อไปตั้งแคมป์โดยเฉพาะ

      ส่วนใหญ่แล้วการตั้งแคมป์ปิ้งแบบเกาหลี จะเป็นแคมป์ปิ้งขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ให้กางเต็นท์ เรียกว่าเป็นการตั้งแคมป์แบบมีสังคม ทำให้พบปะเพื่อนฝูงใหม่ ๆ เลยก็ว่าได้ค่ะ ซึ่งสถานที่แนะนำก็คือแคมป์นันจี หรือ Nanji Camping Site ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งของเกาหลี โดยสถานที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในแผนการฟื้นฟูแม่น้ำฮัน แม่น้ำสายหลักของกรุงโซล

      แคมป์ปิ้งนี้เริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2009 เป็นต้นมา เน้นบรรยากาศที่มิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาสนุกร่วมกัน แต่นอกจากบริเวณที่ตั้งแคมป์ ยังมีบริเวณพิเศษอื่นๆ ที่ถูกออกแบบมาให้เล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม เช่น จักรยานโลดโผน สเก็ตบอร์ด อีกด้วยค่ะ

 

ที่มารูปภาพ : Pinterest.com

 

      ที่ตั้งแคมป์ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Devil’s Garden Campground นี้ อยู่ใจกลางอุทยานแห่งชาติ Arches ในรัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ จากทางเข้าอุทยานเพียง 29 ไมล์ จะมีพื้นที่สำหรับตั้งแคมป์ซึ่งอยู่ท่ามกลางซุ้มหินทรายธรรมชาติโอบล้อมด้วยป่าสีเขียวของต้นสน และยังมีแคคตัสขึ้นอยู่บางจุดในทะเลทราย ทำให้ภาพภูมิทัศน์ดูชะอุ่ม สดชื่นตัดกับผืนทรายสีแดง นอกจากที่แห่งนี้จะถูกล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามจากไม้นานาพรรณแล้ว ยังมีเส้นทางเดินป่าต่างๆ สำหรับผู้ที่พักในแคมป์กราวด์ เส้นทางท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติจะมีระดับความยาวและความยากลำบากแตกต่างกันไป

 

ที่มารูปภาพ : Only In Your State

 

5. Base Camp (ประเทศเนปาล)

 

ที่มารูปภาพ : Jesse Csincsak

 

      Base Camp แคมป์ปิ้งบนเทือกเขาเอเวอเรสต์ซึ่งน้อยคนนักจะไม่รู้จัก เพราะเป็นที่ใฝ่ฝันของใครหลายๆ คนที่อยากจะไปพิชิตเทือกเขาเอเวอเรสต์สักครั้ง แต่อย่าเข้าใจผิดว่าเพียงไปแคมป์นี้แล้วคุณจะได้พิชิตถึงยอดเขา เพราะ Base Camp เป็นเพียงแคมป์ที่ตั้งอยู่บริเวณฐานของเทือกเขาเอเวอเรสต์เท่านั้นค่ะ ซึ่งกว่าจะไปถึงนั้นร่างกายของคุณจะต้องพร้อมมากในระดับหนึ่ง เพราะทันทีที่เครื่องแลนด์ดิ้งถึงพื้นดินประเทศเนปาล คุณยังต้องต่อเครื่องบินไปยังเมือง Lukla และต้องเดินเท้าไปอีก 9 วันเลยทีเดียวค่ะ (แอบกระซิบว่าทริปนี้ร่างกายแข็งแรงอย่างเดียวไม่พอ ต้องเงินหนักด้วยนะคะ) ก่อนที่จะได้สัมผัสกับวิวสวย ๆ ของเทือกเขาเอเวอเรสต์อย่างใกล้ชิด บนพื้นดินที่ความสูงราวๆ 5,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมคะว่าตอนกลางคืนเราจะต้องเจอความเยือกเย็นของอากาศขนาดไหน แม้จะเรียกได้ว่าเป็นแหล่งตั้งแคมป์ที่หินที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่เชื่อเถอะค่ะว่าคุณจะมีความสุขจนยากที่ลืมเลยล่ะ

 

ที่มารูปภาพ : lonelyplanet.com

 

6. อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ (ประเทศโครเอเชีย)

 

          ที่มารูปภาพ : turismoitalianews.it

 

      อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ (Plitvice) ประเทศโครเอเชีย เป็นอุทยานแห่งชาติที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ Unesco ในปี 1979 มีพื้นที่กว่า 29,482 เฮคเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่จะปกคลุมด้วยทะเลสาบสีเขียวมรกตและสีฟ้า รวมกันถึง 16 ทะเลสาบ เชื่อมต่อกันด้วยทางเดินสะพานไม้ลัดเลาะระหว่างทะเลสาบและเนินเขา ในแคมป์ปิ้งแห่งนี้คุณจะได้พักผ่อนท่ามกลางทิวทัศน์ธรรมชาติ ที่รอบล้อมทั้งผืนป่าและผืนน้ำ นอกจากนี้ภายในอุทยานยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น ล่องเรือข้ามทะเลสาบ Kozjak ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยาน เพื่อชมความงามของอุทยาน น้ำตกขนาดใหญ่ และเกาะแก่งในทะเลสาบ สีของน้ำในทะเลสาบแต่ละแห่งของพลิตวิเซ่ยังแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ ช่วงฤดู และช่วงเวลาในแต่ละวัน มีทั้งน้ำสีเขียว ฟ้า คราม เทา ยิ่งถ้าไปเที่ยวในช่วงฤดูหนาว คุณจะได้พบกับน้ำตกที่กลายเป็นน้ำแข็ง เป็นความงามของธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดเลยค่ะ

 

ที่มารูปภาพ : buzzfeed.com

 

7. อุทยานป่าโคโรนาโด (ประเทศสหรัฐอเมริกา)

 

 ที่มารูปภาพ : Survival Life

 

      อุทยานป่าโคโรนาโด (Coronado National Forest) ครอบคลุมพื้นที่เกือบ 2 ล้านเอเคอร์ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของแอริโซนา และตะวันตกเฉียงใต้ของนิวเม็กซิโก ป่าโคโรนาโดถูกปกคลุมแนวเทือกเขาถึง 12 แนว หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันในชื่อของ “Sky Island”  ซึ่งเปรียบดั่งเกาะสูงเสียดฟ้าที่ลอยตัวเหนือทะเลทรายเบื้องล่าง โดยยอดเขาบางยอดนั้นสูงถึง 3,300 เมตร

      ภายในอุทยานได้จัดสรรพื้นที่ไว้สำหรับกิจกรรมตั้งแคมป์นับสิบแห่ง ทั่วทั้งโซนป่าไม้ 8 โซน แต่ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวและเงียบสงบ สามารถเลือกพื้นที่ที่ไม่มีถนนตัดถึงได้เช่นกัน หากคุณอยากผจญภัยในอุทยานก็มีกิจกรรมให้คุณเลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการขี่ม้า ขี่จักรยานเสือภูเขา หรือกิจกรรมทางน้ำที่เปิดพื้นที่ให้ทำกิจกรรมถึง 5 ทะเลสาบ

      อุทยานป่าโคโรนาโดถือเป็นพื้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเดินป่า ด้วยเส้นทางเดินป่าความยาวรวมกว่า 1,700 กิโลเมตร ที่แตกต่างกันไปทั้งในด้านสภาพแวดล้อมและความท้าทาย คุณจะได้ลุยผ่านป่าเขียวขจี สูดอากาศบริสุทธิ์บนภูเขา และส่องสัตว์ไประหว่างทาง ซึ่งอุทยานป่าโคโรนาโดเป็นถิ่นที่อยู่ของสัตว์ป่ากว่า 500 ชนิดเลยทีเดียวค่ะ

 

8. จันทารา วัลเล่ย์ รีสอร์ท เขาใหญ่

 

    ที่มารูปภาพ : Daddy Ai

 

      ลองมาดูที่เมืองไทยกันบ้างค่ะ ต้องบอกเลยว่าประเทศของเรานั้นมีสถานที่แคมป์ปิ้งมากมายทั้งออก ตก เหนือ ใต้ และกลาง ซึ่งบรรยากาศก็แตกต่างกันออกไป แต่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ก็คงหนีไม่พ้นเขาใหญ่ วังน้ำเขียว เข้าค้อ รวมไปถึงอุทยานต่างๆ ที่เปิดพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวกางเต็นท์ได้ โดยเฉพาะหน้าหนาวนี้ที่หลายๆ คนมักเปิดกูเกิ้ล หาข้อมูลการเที่ยวกันให้พรึ่บ ซึ่งรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ

      และหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวเสิร์ชหาข้อมูลมากที่สุด คือ จันทารา วัลเล่ย์ รีสอร์ท เป็นสถานที่ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ ตั้งอยู่บนเนินเขาลูกเล็ก ๆ พื้นที่ของรีสอร์ทถูกแบ่งโซนไว้เป็นอย่างดี โดยมีการจัดแบ่งที่พักเป็นหลังสำหรับกลุ่มเพื่อน ครอบครัว และแบบกางเต็นท์นอนสำหรับคนที่อยากสัมผัสธรรมชาติท่ามกลางดวงดาวนับล้านได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งพื้นที่สำหรับการกางเต็นท์นั้นเป็นแบบไล่ระดับกันบนเนินเขา ได้ฟิลความโรแมนติกแต่ดูสนุกสนาน น่าสนใจมากๆ เลยค่ะ

      เห็นแต่ละสถานที่แล้วแทบอยากจะเก็บกระเป๋าเตรียมเดินทางไปแคมป์ปิ้งรับลมหนาวที่พัดผ่านมาให้ได้สัมผัสร่างกายกันบ้างนิดหน่อย แต่เอาเป็นว่าตอนนี้ขอไปยอดกระปุกก่อนแล้วกันนะคะ เชื่อว่าความฝันในการไปตั้งแคมป์สักครั้งในชีวิตอยู่ไม่ไกลแน่นอนค่ะ