local-food

Local Food

 

หากพูดถึงอาหารขึ้นชื่อของประเทศไทย ต้องยกให้ “ต้มยำกุ้ง” “ผัดไท” ฯลฯ ที่ชาวต่างชาติต่างซูฮกยกนิ้วให้กับความอร่อย เพราะต่อให้ไปกินที่ร้านอาหารไทยในต่างแดนยังไงรสชาติก็ไม่เท่าได้ชิมและลิ้มรสถึงถิ่นกำเนิด เช่นเดียวกันกับเวลาที่เราเดินทางไปท่องเที่ยวต่างแดน หนึ่งในทริปสำคัญคงหนีไม่พ้นการตะลุยกินอาหารท้องถิ่นต่างๆ เป็นแน่แท้

 

และในแถบเอเชียของเราเองก็มีอาหารท้องถิ่นอร่อยๆ มากมายๆ ซึ่งบทความนี้เราจะพาไปชมและชิมอาหารท้องถิ่น เผื่อใครที่กำลังมีแพลนเที่ยวไหน สามารถตามรอยบาริโอไปแวะชิมกันได้นะคะ รับรองว่าแต่ละเมนูเด็ดทั้งนั้นค่ะ

 

คิริทัมโปะ -นาเบะ (Kiritampo-nabe)

 

Cr. sbs.com.au

 

มาเริ่มกันที่แดนอาทิตย์อุทัยอย่างประเทศญี่ปุ่น ที่รสชาติอาหารก็อร่อยเด็ดไม่ยิ่งหย่อนไม่แพ้ใคร หนึ่งในอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อของญี่ปุ่น คือ คิริทัมโปะ –นาเบะ หรือเรียกสั้นๆ ว่านาเบะ เป็นอาหารท้องถิ่นในอินอะกิตะ จังหวัดโทโฮกุ ถือเป็นเมนูหม้อไฟรสชาติเยี่ยมอันดับต้นๆ ที่ไปถึงถิ่นแล้วไม่ควรพลาดเด็ดขาด…

 

สำหรับตัวชูโรงหรือพระเอกของเมนูนี้จะเป็น ข้าวปั้นย่าง ซึ่งชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า “คิริทัมโปะ” มีลักษณะเป็นข้าวปั้นย่างไฟ ทำมาจากข้าวที่เก็บเกี่ยวมาใหม่ๆ ปั้นเป็นก้อนกลมๆ แล้วเสียบไม้ย่าง รอบเตาจากนั้นนำมาหั่นใส่หม้อไฟร้อนๆ คล้ายๆ กับการทำสุกี้ในบ้านเรานั่นเองค่ะ นอกจากนี้ยังมีวัตถุดิบอื่นๆ องค์ประกอบที่ทำให้นาเบะอร่อยสุโก้ยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น น้ำซุปรสเด็ดที่ปรุงจากโชยุและเคี่ยวจากโครงไก่ฮิไน (ไก่พื้นบ้านของญี่ปุ่น) พร้อมเส้นดีบุกเหนียวนุ่มถึงใจ เติมด้วยรากโกะโบ ผักชีญี่ปุ่น ต้นหอม เห็ดไมตะเกะ และผักต่างๆ ตามฤดูกาล คละเคล้ากัน รับประกันความอร่อยเหมือนเชฟมาทำให้กินเอง….

 

ส่วนใครที่อยากกินนาเบะให้อร่อยมั๊กมากกก ขอแนะนำให้ทานในช่วงหน้าหนาวนะคะ เพราะอากาศหนาวๆ กับน้ำซุปและข้าวปั้นร้อนๆ มันช่างลงตัวเสียเหลือเกิน และวิธีการกินแบบฟินๆ เมื่อได้วัตถุดิบมาครบแล้ว ให้นำสิ่งที่คิดว่าสุกยากลงไปก่อน รอให้ซุปเดือดกำลังดีจึงใส่คิริทัมโปะ ต้นหอม และผักชีญี่ปุ่นหรือใบเซริลงไป พอวัตถุดิบเริ่มสุกเข้าที่ จากนั้นก็จัดการกินได้เลยค่ะ ว่ากันว่าทำตามขั้นตอนนี้จะยิ่งทำให้กินอร่อยมากขึ้นเยอะเลยค่ะ ยิ่งถ้ากินล้อมวงกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวและเพื่อนฝูงขอบอกเลยว่าอร่อยเหาะจนลืมไม่ลงเลยทีเดียว

 

จะบอกว่าไปถึงเมืองอะคิตะจะหากินนาเบะได้ง่ายมากค่ะ มีหลายร้านให้เลือก ซึ่งแต่ละร้านล้วนมีสูตรและรสชาติแบบต้นตำรับท้องถิ่นกันทั้งนั้น คราวนี้ก็อยู่ที่ว่าใครจะเลือกร้านไหน ชอบการตกแต่งร้านแบบใด ก็เปิดประตู และสั่งออเดอร์นาเบะมากินเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายได้เลย

 

Sun Moon Lake ไข่ต้มใบชา ทะเลสาบสุริยันจันทรา

 

 

ข้ามมาที่ประเทศไต้หวัน ใครๆ ก็ว่าไข่ต้มใบชา Sun Moon Lake ที่ทะเลสาบสุริยันจันทรา เป็นอาหารท้องถิ่นที่พลาดไม่ได้เด็ดขาด แถมยังเชื่อกันว่าถ้าใครมาถึงถิ่นแล้วได้กินไข่ต้มใบชาจะมีอายุที่ยืนยาว ร่างกายแข็งแรง และปราศจากโรคภัยไข้เจ็บอีกด้วย เมนูไข่ต้มใบชาเป็นไข่ต้มที่ต้มด้วยซุปสมุนไพรเห็ดหอมและใบชา มีกลิ่นหอมหวลเย้ายวนใจ และรสชาติหวานกลมกล่อมแบบไม่ต้องเติมซอสเพิ่มเติม

 

วิธีทานให้อร่อยแบบคูณสอง… แนะนำให้ทานในช่วงหน้าหนาวค่ะ อากาศเย็นๆ ความอร่อยและเมนูไข่สุดหอมหวานที่กำลังร้อนๆ จะทำให้ร่างกายคุณอบอุ่นขึ้นมาทันที

 

เพราะเป็นเมนูยอดฮิตไข่ต้มใบชาจึงมีขายทั่วไปในตลาดและเซ่เว่นอีเลเว่น แต่ร้านที่มีรสชาติต้นตำรับที่ใครไปไต้หวันก็ต้องแวะซื้อแวะชิมที่ร้านนี้ทั้งนั้น นั่นก็คือร้านอาม่า Grandmother’s  Boiled (นักท่องเที่ยวเขานิยมเรียกกัน) ซึ่งอยู่ตรงทางขึ้นวัดพระถังซำจั๋ง ริมทะเลสาบสุริยันจันทรา (ขึ้นจากท่าเรือ เดินมาอีกนิดดียวก็ถึงค่ะ)  สูตรเด็ดเมนูไข่ต้มใบชาของอาม่า คือ เห็ด ที่เพาะเอง ทำเอง รสชาติจึงหวานกลมกล่อมเป็นอย่างมากค่ะ

 

ไก่ตุ๋นโสม ที่ร้าน Tosokchon Samgyetang

 

Cr. thevypeffect.com

 

ขึ้นชื่อว่าอาหารพื้นเมืองของคนเกาหลี ก็ต้องมีโสมอย่ในนั้นด้วย ไก่ตุ๋นโสม  ของร้าน Tosokchon Samgyetang มีทีเด็ดอยู่ที่การใช้ไก่ ที่มีอายุประมาณ 45 วัน เพื่อความหนึบหนับ นุ่มและได้รสหวานกำลังดี ต้มไว้ค้างคืนจนเปื่อย แล้วเสิร์ฟมาเป็นตัวๆ อร่อยละมุนปาก

 

วัตถุดิบของร้าน Tosokchon Samgyetang ที่ทำให้รสชาติไก่ตุ๋นโดดเด่นกว่าร้านอื่นก็คือ การคลุกเคล้าด้วยสมุนไพรนานาชนิด และนำส่วนผสมไม่ว่าจะเป็นข้าวเหนียว รากโสม เมล็ดฟักทอง งาดำ วอลนัท เมล็ดสน เกาลัด พุทธาจีน แป๊ะก๊วย กระเทียมเมล็ดทานตะวัน รวมไปถึงเครื่องปรุ่งอื่นๆ ที่หลากหลายคลุกเคล้าลงไปในตัวไก่หนึ่งตัว และถ้าใครอยากทานให้อร่อย อย่าลืมออเดอร์เมนูไก่ตุ๋นโสมคู่กับเหล้า 1 จอก ซึ่งลูกค้าจะใช้ดื่ม หรือเทลงในหม้อไก่ตุ๋นโสมเพื่อเพิ่มรสชาติและความเข้มข้นก็อร่อยไปอีกแบบเช่นกันค่ะ

 

สำหรับใครที่อยากไปชิมไก่ตุ๋นร้าน Tosokchon Samgyetang ขอแนะนำให้เผื่อเวลาด้วยนะคะ เพราะคิวค่อนข้างจะแน่น แต่ถ้าเข้าไปในร้านได้แล้ว คุ้มค่ากับการรอคอยแน่นอนค่ะ ร้านเปิดตั้งแต่ 10.00-22.00 น. ราคาประมาณ 15,000-30,000 วอน เดินทางสะดวกโดยถไฟใต้ดิน LINE3 สถานี Gyeongbokgung 327 ทางออก 2 เดินตามถนน Jahamun-ro เจอสี่แยกแรกแล้วเลี้ยวซ้ายประมาณ 200 เมตร

 

LakLak Cake บาหลี

 

Cr. www.kaskus.co.id

 

เมนูต่อมาขอเสิร์ฟด้วยของหวานด้วยขนม Lak Lak ออกเสียงแบบไทยๆ คือ หลัก หลัก  แพนเค้กชิ้นเล็กกะทัดรัดที่เสิร์ฟพร้อมกับน้ำเชื่อมน้ำตาลปี๊บที่โรยด้วยมะพร้าวขูดสด ของหวานยอดนิยมของชาวบาหลี! Lak Lak ถือเป็นของหวานขึ้นชิ้นเล็กๆ ที่ได้ความนิยมสูงในบาหลี ประเทศอินโดนีเชีย ซึ่งเป็นเค้กที่ทำมาจากแป้งข้าวเหนียว หรือข้าวเจ้าก็ได้ค่ะ เสน่ห์ของขนม Lak Lak  คือมีวิธีการทำและขั้นตอนแบบโบราณดั้งเดิมโดยการนวดแป้งผสมน้ำให้เหนียวนุ่ม ผสานกับส่วนผสมของน้ำตาลปาล์มและมะพร้าว เพิ่มรสชาติและความหอม พร้อมคงคอนเซปต์ในการใช้เตาและถ่าน อุปกรณ์ในการอบเค้กก็ยังคงทำจากดินเหนียว ซึ่งจะทำให้เข้าถึงรสชาติความเป็นบาหลีได้อย่างแท้จริง ถ้าใครอยากเพิ่มรสชาติและความฟินในการกินขนม Lak Lak ต้องดื่มเข้าคู่กับกาแฟหรือน้ำชา (ย้ำว่าต้องเป็นกาแฟและชาบาหลีเท่านั้นนะคะ) จะยิ่งทำให้รสชาติดีและกลมกล่อมมากขึ้น ยิ่งมีบรรยากาศกับวิวสวยๆ ของบาหลีก็ยิ่งแฮปปี้สุดๆ

 

สำหรับใครที่อยากชิม Lak Lak บางโรงแรมที่พักอาจจะมีเสิร์ฟเป็นอาหารเช้านะคะ โชคดีก็อาจได้ชิมแบบไม่ต้องไปตระเวณหากินเอง แต่ถ้าใครที่อยากได้บรรยากาศความเป็นท้องถิ่นกินง่ายๆ สบายๆ สไตล์บาหลี แนะนำร้าน  Ne Men Gabruk ซึ่งนอกจากรสชาติของ LakLuk จะแสนอร่อยแล้ว การตกแต่งร้านยังได้บรรยากาศของความเป็นธรรมชาติให้เราได้ดื่มด่ำกับความเขียวขจีของต้นไม้และสัมผัสแก่นแท้ของของธรรมชาติอันแท้จริงผ่านโต๊ะ เก้าอี้ ที่เลือกตกแต่งจากงานไม้ล้วนๆ หรือถ้ายังไม่จุใจ ยังมีร้านอื่นให้เลือกชิม LakLak ได้อีก กดดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามลิ้งค์ด้านล่างเลยค่ะ

 

 

ไข่ม้วน อินเดีย

 

Cr. ashspai.wordpress.com

 

กัลกัตตา เมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของอาหารพื้นเมือง ในประเทศอินเดีย มีไข่ม้วนเป็นเมนู Street Food ที่หลายคนไม่ควรพลาด โดยความพิเศษของเมนูนี้คือการใช้แผ่นแป้งเหนียว นุ่ม หนึบ ม้วนห่อด้วยไส้ที่มีทั้งไส้รวม (เนื้อ+ผัก) ไส้ไก่ ที่คนอินเดียและนักท่องเที่ยวนิยมสุดๆ  หรือไส้ชีสอินเดียที่เรียกว่าบานเนอร์ ห่อไว้ได้อย่างน่ากินสุดๆ

 

วิธีการทำไข่ม้วนของอินเดียก็จะคล้ายๆ กับการทำโรตีบ้านเราค่ะ (ซึ่งต้นตำรับก็มาจากอินเดียนั่นแหละ 55+) การทับแป้งให้แบน ทอดด้วยน้ำมัน จนแป้งเริ่มกรอบหรือนุ่ม แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนค่ะ จากนั้นก็ใส่ไส้แบบเน้นๆ (ไส้ไข่ม้วนที่นิยมของอินเดียตามที่เกริ่นไว้ด้านบนค่ะ) แล้วม้วน ก็สามารถกินได้เลยค่ะ อ่ะ..แต่อย่าลืมเป่าก่อนกินนะคะ ระวังร้อนน๊า…ถ้าได้กินคู่กับน้ำอัดลมหรือเบียร์จะยิ่งเพิ่มรสชาติได้เป็นอย่างดีเยี่ยมเลยค่ะ

 

พิกัดความอร่อยของไข่ม้วนอินเดีย ต้องที่ถนนโกลกัตตา เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นต้นตำรับของเมนูนี้ มีหลายร้านให้เลือกชิมกันเลยทีเดียวค่ะ

 

ถ้าอยากรู้ว่าวิธีการทำและหน้าตาไข่ม้วนเป็นอย่างไร ติดตามได้ในคลิปด้านล่างเลยค่ะ

 

ว้าว…แต่ละเมนูที่ Karuntee แนะนำมานั้น ขอบอกเลยว่าเด็ดๆ ทั้งนั้น  หากเป็นไปได้ในหนึ่งวันอยากกินให้ครบทุกเมนูเลย (ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้ 555) อยากให้แฟนๆ บาริโอได้ลิ้มรสความอร่อยจากอาหารพื้นบ้านแบบที่ Karuntee ได้กินเหมือนกัน ใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ไหน อย่าลืมไปแวะชิมนะคะ รับรองว่าคุ้มค่ากับการนั่งเครื่องบินไปกินไกลๆ แน่นอน……^^

 

ขอบคุณข้อมูลจาก
www.mushroomtravel.com
yummysupper.blogspot.com
food52.com
maguro.com