Souvenirs 1

The Souvenirs and Where to find Them

 

เวลาที่เราได้ออกเดินทางท่องเที่ยว นอกจากกดชัตเตอร์เก็บภาพถ่ายเอาไประลึกความทรงจำแล้ว ‘ของฝาก’ จากสถานที่ต่างๆ ก็เป็นอีกสิ่งที่เมื่อเราหยิบขึ้นมา มันก็จะพาเราย้อนกลับไปในสถานที่นั้นๆ เช่นกัน

 

ปัจจุบันของฝากยอดนิยมที่ทุกสถานที่ท่องเที่ยวจำเป็นต้องมีคือแม่เหล็กติดตู้เย็น พวงกุญแจและแก้วสกรีนลายสถานที่ท่องเที่ยวใช่ไหมล่ะคะ ของเหล่านี้กลายเป็นของสะสมสำหรับคนรักการท่องเที่ยวที่จำต้องไปหาซื้อมาเก็บไว้เพื่อเป็นการยืนยันว่าเราไปถึงที่นั่นแล้วจริงๆ

 

แต่ในทางกลับกัน บางคนอาจจะกำลังมองหาของฝากอื่นๆ ที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใครและไม่ใช่ของฝากยอดนิยมอย่างที่ได้กล่าวไปในย่อหน้าที่แล้ว เพราะฉะนั้นในวันนี้เราจะพาทุกท่านไปตามหาของฝากที่มีดีไซน์แปลกใหม่และควรค่าแก่การสะสมจากทั่วโลกกันค่ะ

The Yellow Crane Tower Tableware

ชุดจานชามหอคอยนกกระเรียนเหลือง (เมืองหวู่ฮั่น ประเทศจีน)

Designer : Fangyuandesign

(Credit : https://fangyuandesign.wordpress.com)

 

ของฝากชิ้นแรกที่เราอยากจะนำมาเสนอกันเป็นโปรเจค Souvenirs and Creative Product Design ของนักศึกษาปริญญาตรีชาวจีน Fang Yuan ที่ศึกษาอยู่ที่ University of Glasgow and Glasgow School of Art ประเทศอังกฤษ

 

บ้านเกิดของดีไซน์เนอร์นั้นอยู่ที่เมืองหวู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งเมืองหวู่ฮั่นนั้นก็เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย ดังนั้นเธอจึงเลือกสถานที่สำคัญในเมืองสามแห่งมาทำเป็นของฝากสามชิ้น และหนึ่งในนั้นก็คือหอคอยนกกระเรียนเหลืองค่ะ

 

หอคอยนกกระเรียนเหลืองเป็น 1 ใน 3 หอสำคัญของประเทศจีนที่มีบทกวีพรรณนาถึงไว้มากมาย ทั้งเกี่ยวกับความงดงามของสถาปัตยกรรม ไปจนถึงทิวทัศน์ตัวเมืองและแม่น้ำแยงซีเกียงเลยทีเดียว แต่เดิมเป็นหอสังเกตุการณ์ข้าศึกตั้งแต่สมัยสามก๊ก ตัวโครงสร้างเดิมเป็นไม้แต่ปัจจุบันได้มีการบูรณะซ่อมแซมใหม่โดยการเสริมปูนและเหล็กเพื่อเปิดให้คนเข้าชม ตัวหอคอยเป็นทรงแปดเหลี่ยมซึ่งมาจากความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยและทิศทั้งแปด และหากมองจากภายนอกตัวหอคอยจะมี 5 ชั้นแต่จริงๆ แล้วภายในมีชั้นแทรกทำให้ชั้นทั้งหมดเท่ากับ 9 ชั้นที่เป็นตัวเลขแห่งโชคลาภและความโชคดีของชาวจีน

 

โปรเจคชุดจานชามประกอบด้วยจาน 3 ใบ ชาม 3 ใบ ที่คั้นน้ำส้ม 1 ชิ้น จานอุ่นอาหาร 1 ใบและฐานหม้ออุ่นอาหารอีก 1 ชิ้น รวมทั้งหมดเป็น 9 ชิ้น และทุกชิ้นจะออกแบบให้เป็นทรงแปดเหลี่ยมเพื่อคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของหอคอยนกกระเรียนเหลืองนั่นเอง

 

น่าเสียดายที่ของฝากชิ้นนี้เป็นโปรเจคทีสิส เลยทำให้ไม่มีขายเป็นของฝากจริง แต่เราหวังว่าในอนาคตจะได้เห็นของฝากชิ้นนี้เป็นของฝากจากเมืองหวู่ฮั่นเหมือนกันนะคะ

 

 

The New York Cube

งานแกะสลักไม้เมืองนิวยอร์ค (เมืองนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา)

Maker : Aiden Bey

(Credit : http://beydesigns.com/ny-cube/)

 

หากใครที่ได้ไปเที่ยวก็คงอยากได้ของฝากชิ้นเล็กๆ พกพาสะดวกกลับมาบ้านกันใช่มั๊ยล่ะค่ะ ผลงานของฝากชิ้นนี้ได้รับรางวัลให้เป็นของฝากที่ดีที่สุดของเมืองนิวยอร์คในปี 2015 ค่ะ ส่วนสาเหตุที่ได้รับรางวัลก็เป็นเพราะดีไซน์เนอร์และช่างแกะสลัก Aiden Bey ได้แกะสลักไม้ด้วยไม้ 7 ชนิด ที่มีสีและกลิ่นต่างกัน ออกมาเป็นอาคารสำคัญของนิวยอร์คด้วยกัน 4 อาคาร ได้แก่ One World Trade Center, Empire State Tower, Chrysler Building และ Flatiron ที่เมื่อวางต่อกันแล้วก็จะเห็นเป็นเมืองนิวยอร์คจิ๋วน่ารักๆ ตามรูปประกอบค่ะ แต่เวลาเก็บนั้น เมื่อนำชิ้นส่วนทั้งสองชิ้นมาประกบกันก็จะกลายเป็นกล่องลูกบาศก์ขนาด 3.5×3.5 นิ้วผิวเรียบ พกพากลับบ้านได้ง่ายและสะดวก

 

 

อาคาร 4 อาคารที่ได้รับเลือกให้มาอยู่ในของฝากชิ้นนี้  อาคารแรกค่ะ One World Trade Center หรืออาคารที่สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกาที่ความสูง 541 เมตร เริ่มสร้างในปี 2006 และเปิดทำการเป็นอาคารสำนักงาน พิพิธภัฌฑ์และจุดชมวิวในปี 2014 แต่เดิมใช้ชื่อว่า Freedom Tower ก่อนจะเป็นมาเป็น One World Trade Center ในภายหลัง

 

Empire State Tower  เป็นอาคารสำคัญที่สร้างตั้งแต่ปี 1931 และเป็นอาคารที่มีความสูงมากกว่า 100 ชั้นอาคารแรกของโลก เคยเป็นอาคารที่สุดในสหรัฐอเมริกาก่อนจะถูกทำลายสถิติลงโดย One World Trade Center ปัจจุบันทำให้ตึก Empire State เป็นอาคารที่มีความสูงเป็นอันดับสอง หลายคนอาจคุ้นตากับตึก Empire State เพราะตัวตึกนั้นไปปรากฏอยู่ในหนังมากมายตั้งแต่หนังแอคชั่นอันโด่งดังอย่าง King Kong, Superman II, Percy Jackson กับสายฟ้าที่หายไป ไปจนถึงหนังรักหวานซึ่งอย่าง Sleepless in Seattle นั่นเอง

 

Chrysler Building เป็นอาคารที่ทั้งภายนอกตรงบริเวณยอดตึกและงานตกแต่งภายในตกแต่งแปลกตาด้วยสไตล์ Art Deco ที่เรียบง่าย แข็งแรงและหรูหราสง่างามในเวลาเดียวกัน (กดที่คำว่า Art Deco เพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมของสไตล์ได้เลยค่ะ) ซึ่งความแปลกตานี้ยังทำให้ตึก Chrysler ได้ไปปรากฏในหนังเรื่อง King Kong, Spider-Man, Men in Black III ไปจนถึงหนังอมตะอย่าง Armageddon ค่ะ ตึก Chrysler เคยเป็นอาคารที่สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกาอยู่ 11 เดือนก่อนจะถูกทำลายสถิติลงโดย Empire State Tower ในเวลาต่อมา

 

และอาคาร Flatiron (อ่านว่า Flat-iron หรือ แฟลตไอรอน) เป็นอาคารที่ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมถนนหักศอก ทำให้รูปทรงอาคารออกมาเป็นทรงสามเหลี่ยมที่คล้ายกับเตารีด จึงเป็นที่มาของชื่อ Flatiorn โดยละเลยชื่อเดิมอย่าง Fuller Building ไปโดยสิ้นเชิงค่ะ ตัวอาคารตกแต่งด้วยสไตล์ Classic ที่เน้นการใช้เสากรีกมาตกแต่งอาคาร และสำหรับตึกเตารีดแห่งนี้ก็ไม่น้อยหน้าตึกอื่นๆ เลยค่ะเพราะเคยเป็นฉากในหนังหลายเรื่อง และหนึ่งในนั้นก็คือเรื่อง Godzilla อสูรพันธุ์นิวเคลียร์ล้างโลก (1998) ค่ะ

 

แต่หากใครไม่ใช่แฟนคลับเมืองนิวยอร์ค ทางผู้ผลิตก็ยังมีผลงานอื่นๆ ที่ผลิตออกมาโดยใช้คอนเซปเดียวกันอีกหลายเมืองในสหรัฐอเมริกา เช่น Boston Cube, Chicago Cube, Denver Cube, Detroit Cube, San Francisco Cube และ Mecca Cube หรือเมืองเมคคาในประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งผลงานแต่ละชิ้นก็ดึงเอาสถานที่สำคัญในแต่ละเมืองออกมาสร้างสรรค์ใส่ลงในของฝากลูกบาศก์ชิ้นเล็กๆ เช่นเดียวกัน

 

The Music Box

กล่องดนตรี (เมืองโอตารุ ประเทศญี่ปุ่น)

Seller : Otaru Music Box Museum

(Credit : https://en.japantravel.com)

 

ของฝากขึ้นชื่อของเมืองโอตารุ บนเกาะฮอกไกโดประเทศญี่ปุ่นจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากบรรดากล่องดนตรี หรือ Music Box จาก Otaru Music Box Museum ที่มีกล่องดนตรีมากหน้าหลายตาให้ได้เลือกชมและจะมีกล่องดนตรีดีไซน์ใหม่ๆ ออกมาในทุกๆ เทศกาล เช่น กล่องดนตรีกระต่ายในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ หรือกล่องดนตรีตุ๊กตาเด็กผู้หญิงในช่วงวันเด็กผู้หญิงของญี่ปุ่นนั่นเอง

 

 

กล่องดนตรีเป็นกล่องไม้บรรจุตัวแกนหมุนโลหะที่มีเข็มเล็กๆ ยืนออกมาจากพื้นผิว และเมื่อเราหมุนแกนโลหะ ตัวเข็มเล็กๆ เหล่านั้นก็จะไปดันแผ่นโลหะบางทำให้เกิดเป็นเสียงดนตรีออกมาตามตัวโน๊ตของเพลงนั้นๆ ส่วนการหมุนกล่องดนตรีนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 แบบค่ะ

 

 

1.      กล่องดนตรีแบบหมุนมือ คือ กล่องดนตรีที่กลไกจะหมุนทำงานก็ต่อเมื่อเราหมุนก้านหมุนของกล่องดนตรีเท่านั้น คือเมื่อไหร่ที่เราหยุดหมุนเพลงจากกล่องดนตรีก็จะหยุดลงนั่นเอง ข้อดีคือเราสามารถหมุนฟังได้จนจบเพลงต่างกับอีกสองแบบที่ต้องมานั่งลุ้นว่าจำนวนรอบที่เราหมุนไปจะฟังเพลงได้จนจบรึเปล่านะ… กล่องดนตรีแบบหมุนมือปัจจุบันจะบรรจุลงในกล่องกระดาษที่พิมพ์ลวดลายกราฟฟิกต่างๆ ของสถานที่ท่องเที่ยว และเพราะมีขนาดเล็กจึงเป็นที่นิยมซื้อกลับมาเป็นของที่ระลึกกันเมื่อไปเที่ยวในแถบยุโรป

 

2.      กล่องดนตรีแบบกุญแจ คือ กล่องดนตรีที่เราสามารถหมุนกุญแจเข้าไปเพื่อหมุนเกลียวลานของแกนหมุนของกล่องดนตรีได้ และเมื่อเราปล่อยเกลียวกล่องดนตรีก็จะหมุนเล่นเพลงไปจนสุดเกลียว จากนั้นเราก็จะดึงกุญแจออกและเก็บเอาไว้ในกล่องดนตรีนั่นเอง ในปัจจุบันกล่องดนตรีแบบกุญแจมีให้พบเห็นไม่มากนักเพราะปัญหาที่ผู้คนชอบทำกุญแจไขกล่องดนตรีหาย ดังนั้นกล่องดนตรีจึงประยุกต์มาเป็นแบบไขลานแทน

 

3.      กล่องดนตรีแบบไขลาน คือ กล่องดนตรีที่มีฐานลานหรือที่หมุนติดกับตัวกล่องดนตรีไว้เลย การทำงานของตัวกล่องดนตรีจะเป็นการหมุนเกลียวเช่นเดียวกับแบบกุญแจ แต่เป็นกล่องดนตรีเป็นที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบันเนื่องจากผลิตง่าย มีดีไซน์เก๋และพกพาสะดวก

 

Otaru Music Box Museum เป็นพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีก่อตั้งขึ้นในปี 1912 ที่ทั้งจัดแสดงกล่องดนตรีหายาก กล่องดนตรีเก่าแก่และขายกล่องดนตรีให้กับผู้เข้าชม ซึ่งเราสามารถตามหากล่องดนตรีแบบหมุนมือและแบบไขลานได้ที่นี่เลยค่ะ

 

จุดเด่นของสถานที่แห่งนี้คือบริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์จะมีนาฬิกาไอน้ำตั้งอยู่ ทุกๆ ชั่วโมงนาฬิกาไอน้ำจะส่งเสียงร้องบอกเวลาและพ่นไอน้ำออกมากลายเป็น iconic ที่หากใครได้ไปเมืองโอตารุและต้องแวะเวียนไปดูเจ้านาฬิกาไอน้ำนี้ให้ได้สักครั้ง

 

นอกจากตัวอาคารหลักแล้ว ในเมืองโอตารุยังมีอาคาร Music Box อื่นๆ อีกห้าแห่งในเมืองโอตารุ ได้แก่ Hall No.2 อาคารกล่องดนตรีแห่งที่สอง, You Kobo สถานที่จัด Workshop ทำกล่องดนตรี, Yume no Oto Character House ที่จัดแสดงและขายสินค้าและ Music Box ที่เป็นตัวละครในการ์ตูน เช่น Totoro หรือ Doraemon, Karakuri Doubutsuen อาคารกล่องดนตรีที่เน้นกล่องดนตรีที่เป็นตุ๊กตาสัตว์ และ Otaru Music Box Museum Sakaimachi พิพิธภัณฑ์ที่นำอาคารเก่ามาดัดแปลงและมีจุดเด่นคือนาฬิกาคุณปู่โบราณเรือนใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางร้านที่จะคอยส่งเสียงกังวาลไปทุกๆ ชั่วโมง

 

The Matryoshka, Russian Nesting Doll

ตุ๊กตาแม่ลูกดก มาโตรชก้า (กรุงมอสโค ประเทศรัสเซีย)

 

(Credit : https://en.japantravel.com)

 

หลายคนคงจะรู้จักตุ๊กตาแม่ลูกดก ของเล่นที่กลายเป็นของฝากยอดนิยมของประเทศรัสเซีย สัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์และความสุขกันใช่ไหมคะ ตุ๊กตาแม่ลูกดกเป็นตุ๊กตาไม้ทาสีเป็นลวดลายต่างๆ ในปัจจุบัน ทั้ง เด็กผู้หญิง, ชุดรัสเซีย, คุณแม่, เล่าเรื่อง, บรรดาสัตว์ ฯลฯ ที่เมื่อเปิดออกมาแล้วก็จะเจอกับตุ๊กตารูปทรงเดียวกันแต่ขนาดย่อส่วนลงอยู่ในตุ๊กตาตัวใหญ่อีกที ซึ่งในตัวของตุ๊กตาแต่ละตัวจะมีตุ๊กตาตัวเล็กหรือ ‘ลูก’ ที่ตัวเล็กลงไปเรื่อยๆ ไปจนถึงตัวลูกคนสุดท้องที่อยู่ด้านในสุดนั้นเอง

 

ต้นกำเนิดของตุ๊กตาแม่ลูกดกว่ากันว่ามาจากเกาะฮนชู ประเทศญี่ปุ่นค่ะ โดยมีพระรูปหนึ่งไปเจอกับตุ๊กตาไม้ที่ซ้อนกันหลายชั้นที่ญี่ปุ่นและเกิดชื่นชอบ เมื่อกลับมาที่รัสเซียจึงนำตุ๊กตาไม้นั้นมาเป็นต้นแบบผสมผสานเข้ากับศิลปะของไข่อีสเตอร์ที่ในสมัยก่อนยังผลิตจากไม้หรือเซรามิกประกบกันสองชิ้นอยู่ จากนั้นก็ทาสีให้ไม้แต่ละชิ้นออกมาเป็นรูปเด็กผู้หญิงใส่ชุดพื้นบ้านรัสเซียในสมัยนั้น และตั้งชื่อว่า Matryoshka

 

ชื่อ Matryoshka Doll มีที่มามาจากตุ๊กตาแม่ลูกดกตัวแรกในรัสเซีย ที่มีคนเรียกตุ๊กตาตัวนั้นว่า Matryona  หรือชื่อของเด็กผู้หญิงที่หน้าตาคล้ายภาพที่วาดลงบนตุ๊กตาตุ๊กตา ซึ่งชื่อ Matryona นั้นเป็นชื่อทั่วไปของเด็กสาวชาวบ้านในรัสเซียสมัยนั้น ชื่อนี้มีรากศัพท์มาจากคำว่า mater ในภาษาละติน แปลว่า ‘แม่’ และคำว่า ‘แม่’ ในภาษารัสเซียก็คือ Matreshka จึงเชื่อกันว่าชื่อ Matryoshka เป็นการนำเอาคำว่าแม่ในภาษารัสเซียมารวมกับชื่อของหญิงสาวในสมัยนั้นนั่นเอง

 

The Venetian Mask

หน้ากากแห่งเทศกาลคาร์นิวาล (เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี)

Festival : Carnevale di Venezia

 

เทศกาลคาร์นิวาลของเมืองเวนิสเริ่มขึ้นในปี 1162 ที่เมืองเวนิสสู้รบชนะเมืองอากวีเลยา ชาวเมืองเวนิสจึงเริ่มออกมาเต้นเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะ จากการเต้นเฉลิมฉลองธรรมดากลางเป็นงานเทศกาลประจำปีและค่อยๆ กลายมาเป็นงานสวมหน้ากากที่มีประวัติยาวนานโดยหน้ากากแต่ละแบบมีต้นแบบมาจากละครเวทีเรื่อง Commedia dell’Arte ที่ผู้แสดงสวมใส่หน้ากากเป็นตัวละครต่างๆ

 

ทว่าในปี 1797 จักรวรรดิ์โรมันได้สั่งให้ยกเลิกเทศกาลเฉลิมฉลองนี้ และถือว่าการสวมหน้ากากเป็นกฏข้อห้ามด้วยสภาพบ้านเมืองในสมัยนั้นที่ไม่สงบสุขเท่าไหร่นัก แต่หลังจากจักรวรรดิ์โรมันล่มสลายลงในปี 1806 เทศกาลคาร์นิวาลก็ไม่ได้กลับมาจนกระทั่งปี 1979 ที่รัฐบาลอิตาลีได้นำเทศกาลนี้กลับมาฟื้นฟูและกลายเป็นจุดขายของเมืองเวนิสในปัจจุบัน

 

(Credit : http://www.where-venice.com/)

 

สำหรับหน้ากากแล้ว ร้าน Alberto Sarria Mark คือร้านหน้ากากที่เก่าแก่ที่สุดและมีชื่อเสียงมากที่สุด เปิดขึ้นในปี 1986 ทำหน้ากากโดยช่างผู้เชี่ยวชาญประจำท้องถิ่น โดยมีหน้ากากรูปแบบต่างๆ ขายครบทุกรูปโดยหน้ากากที่ใส่ในงานเทศกาลนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็นประเภทต่างๆ 9 ประเภท คือ Bauta, Medico Della Peste, Gnaga, Moretta Muta, Colombina, Volto, Pantalone, Arlecchino และ Pierrot โดยประเภทที่เป็นที่นิยมใส่มากที่สุดในปัจจุบันคือ Colombina (หน้ากากครึ่งหน้า), Gnaga (หน้ากากแมว) และ Volto (หน้ากากเต็ม)

 

หน้ากากแต่ละประเภทนั้นไม่ใช่เพียงหน้ากากธรรมดานะคะ แต่หน้ากากแต่ละแบบก็มีความหมายแอบซ่อนอยู่ด้วย แต่จะมีความหมายว่าอะไรบ้าง ไปดูกันได้เลยค่ะ

 

 

1.      Bauta – หน้ากากทรงกรามเหลี่ยม สามารถปิดบังทั้งใบหน้า เป็นหน้ากากสำหรับชายที่ไม่ต้องการจะเปิดเผยใบหน้าของตนเอง

2.      Medico Della Peste (Plague Doctor Mask) – หน้ากากที่มีจงอยปากยาว เป็นหน้ากากของหมอที่แพร่โรคระบาดในเรื่อง Commedia dell’Arte โดยมากจะไม่นิยมสวมใส่ในงานเทศกาล แต่นิยมนำมาสะสมสำหรับนักสะสมหน้ากาก

3.      Gnaga – หน้ากากแมวที่ในสมัยก่อนเป็นหน้ากากที่นิยมสำหรับชายหนุ่มที่อยากเป็นหญิงสาว โดยผู้สวมหน้ากากจะแต่งกายเป็นผู้หญิงและถือตะกร้าที่มีลูกแมวเป็นสัญลักษณ์ แต่ในปัจจุบันกลายเป็นหน้ากากของฝากที่นิยมสวมใส่ทั้งชายและหญิง

4.      Moretta Muta – หน้ากากทรงกลมที่ปกปิดทั้งใบหน้าของสตรี ผู้สวมใส่หน้ากากนี้จะช่วยให้ดูลำคอยาวและทำให้ชุดที่สวมใส่ดูโดดเด่นขึ้นมานั่นเอง

5.      Colombina – หน้ากากปิดครึ่งใบหน้า ตกแต่งสวยงามแต่ยังเผยให้เห็นโครงหน้าของผู้สวมใส่ เป็นหน้ากากสำหรับผู้หญิง ปัจจุบันเป็นหน้ากากของฝากที่ได้รับความนิยมสูงสุดเนื่องจากสามารถตกแต่งให้สวยงามได้หลากหลาย ทั้งประดับลูกไม้ ลูกปัด ขนนกไปจนถึงเพรชแวววาวเม็ดเล็กๆ กันเลยทีเดียว

6.      Volto – หน้ากากปิดเต็มใบหน้า เน้นให้เครื่องหน้าชัดเจนทั้งจมูกและปาก สำหรับหน้ากากชนิดนี้เองก็เป็นที่นิยมเช่นกันเพราะสามารถนำไปแขวนประดับตกแต่งภายในบ้านหรือสะสมเป็นของฝากได้

7.      Pantalone – หน้ากากจมูกงุ้ม เป็นหน้ากากของตัวละครที่ฉลาดในเรื่อง Commedia dell’Arte สำหรับสัญลักษณ์ของ Entertainer ในกลุ่มสนทนาที่จะดึงให้บรรยากาศสนุกสนานอยู่เสมอ

8.      Arlecchino – หน้ากาก Joker จะมีรอยยิ้มกว้างและมีแผงคอตกแต่งอลังการ มักเป็นตัวเด่นของเทศกาล

9.      Pierrot – หน้ากากตัวตลก เอกลักษณ์คือการตกแต่งจะมีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาข้างหนึ่งเสมอ

 

เทศกาลคาร์นิวาลของเวนิสจะจัดช่วงเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งในแต่ละปีจะไม่ตรงกันเพราะวันแรกของงานเทศกาลจะเป็นช่วงเวลาสองสัปดาห์ก่อนวันพุธรับเถ้า (Ash Wednesday) หรือวันถือศีลอดของชาวคริสต์ และจบเทศกาลก่อนวันพุธรับเถ้าหนึ่งวัน เรียกว่าวัน Shrove Tuesday หรือวันสุดท้ายที่จะได้กินดื่มก่อนถือศีลอดนั่นเอง

 

สำหรับใครที่อยากไปร่วมเทศกาลคาร์นิวาลในปีหน้า งานจะจัดขึ้นช่วง 8-25 กุมภาพันธ์ 2563 นะคะ

 

เป็นยังไงคะกับห้าของฝากน่ารักๆ จากทั่วโลกที่เรานำมานำเสนอกันในวันนี้ มีชิ้นไหนดูดีถูกใจและน่าหาซื้อมาเก็บไว้ในครอบครอง หรือเป็นตัวช่วยตัดสินใจให้ต้องแพ็คกระเป๋าออกไปท่องเที่ยวกันรึเปล่าคะ แต่นอกจากของฝากแล้ว เรายังมีบทความที่น่าสนใจอย่างแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่มีสไตล์ในบทความ Destinations ท่องเที่ยวอย่างมีดีไซน์ และ Local Food เมนูยอดฮิตในต่างแดน บทความชวนชิมอาหารอร่อยจากนานาประเทศอีกด้วย

 

ขอให้ทุกท่านท่องเที่ยวอย่างมีความสุข ถ้าไปเที่ยวก็อย่าลืมซื้อของฝากของสะสมชิ้นเล็กน่ารักๆ กลับมาวางตกแต่งภายในบ้านกันด้วยนะคะ

 

แล้วพบกันใหม่ สวัสดีค่ะ : )