เริ่มจากในรูปแบบของการเผาให้เกิดกลิ่นโดยสิ่งที่นำมาใช้เผาให้เกิดกลิ่นก็เช่นยางไม้ขี้ผึ้งหรือเปลือกไม้ต่างๆรวมไปถึงวัตถุดิบอีกมากมายซึ่งแต่ละอย่างก็ให้กลิ่นหอมที่แตกต่างกันออกไปในยุคกลาง (Middle Ages) น้ำหอมเริ่มจะไม่ได้สกัดมาจากยางไม้อีกแล้วเพราะชาวเปอร์เซียเป็นพวกแรกที่สามารถกลั่นน้ำหอมออกจากดอกไม้ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกทำให้ในอาณาจักรเปอร์เซียมีการทำไร่ดอกกุหลาบขึ้นอย่างเป็นล่ำเป็นสันเพื่อนำมาสกัดเป็นน้ำหอมจนทำให้แบกแดดเมืองหลวงของอาณาจักรถูกเรียกว่าเมืองแห่งกลิ่นหอม (City of Fragrances)และยังคิดค้นสูตรน้ำหอมในรูปแบบใหม่คือการนำสารที่ได้จากตัวชะมดหรือกลิ่นชะมดผสมกับปูนขาวจากนั้นนำปูนขาวที่ผสมกับกลิ่นชะมดไปสร้างสุเหร่าและพระราชวังทำให้มีกลิ่นหอมไปทั่วทั้งเมือง
cr. https://www.tailormadefragrance.com
ในช่วงเกิดสงครามครูเสดช่วงนี้ได้มีการนำน้ำหอมหรือเครื่องหอมจากชาวอาหรับกลับมาให้เป็นที่แพร่หลายในยุโรปศาสตร์ของน้ำหอมถึงจุดรุ่งเรืองที่สุดเมื่อมีการปรุงเครื่องเทศบางอย่างกับดอกไม้เข้าด้วยกันจนทำให้น้ำหอมเริ่มมีคุณสมบัติที่ช่วยกำจัดกลิ่นที่ไม่พึงปรารถนาจากร่างกายเราได้และเมื่อน้ำหอมได้เข้าสู่ฝรั่งเศสราชินีของฝรั่งเศสพระนาม “แคทเธอรีนเดอเมดิซิ” ( Catherine de’ medici ) อัครมเหสีในพระเจ้าอองรีที่ 2 แห่งฝรั่งเศสหลงใหลในกลิ่นหอมและให้ช่างปรุงน้ำหอมส่วนตัวสร้างห้องทดลองทำน้ำหอมขึ้นมาในพระราชวังหลังจากนั้นฝรั่งเศสก็เป็นจุดศูนย์กลางของน้ำหอมในยุโรปเนื่องจากมีปัจจัยเอื้อต่อการผลิตเพราะเป็นทางผ่านทางการค้าและมีสภาพอากาศที่เหมาะแก่การเพาะปลูกดอกไม้นานาพันธุ์ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตจึงทำให้อุตสาหกรรมน้ำหอมกำเนิดขึ้นที่นี่เป็นที่แรกในโลก
Cr. http://hashtaglegend.com/
และเมื่อการทำน้ำหอมเริ่มมีผลในวงการอุตสาหกรรมและแฟชั่นมีการสกัดและสังเคราะห์กลิ่นน้ำหอมจากสารเคมีมากขึ้นทำให้เกิดความหอมหลากหลายกลิ่นChanel NO.5ได้รับการยกย่องว่าเป็นน้ำหอมที่โด่งดังที่สุดในโลกรังสรรค์ขึ้นโดยนักเคมีและนักปรุงน้ำหอมเชื้อสายรัสเซีย–ฝรั่งเศสผู้มีนามว่า Ernest Beaux ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นนักปรุงน้ำหอมชื่อดังของยุคนั้น